? เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว...
แทนที่จะได้นอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนนุ่มอย่างที่ใจปรารถนา แต่เธอกลับต้องมาแว้นอยู่บนถนนเพื่อมุ่งหน้าไปหาบิดาบังเกิดเกล้าที่ก่อเรื่องขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวันเสียนี่!
ปวริศาคิดอย่างหงุดหงิด ขณะกวาดสายตามองหาจุดที่คิดว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุ ส่วนจะเหตุอะไรนั้นเธอก็สุดจะรู้ได้ แต่ถ้าให้เดา...ลงท้ายทุกเหตุการณ์ที่พ่อได้ก่อขึ้นมา ถ้าไม่ทำให้ลูกสาวคนนี้เสียเงินเสียทอง ก็ต้องโดนคู่กรณีด่ากลับชุดใหญ่ไฟกะพริบเท่านั้นเอง
กี่ครั้งแล้วที่ปวริศาต้องก้มหน้าก้มตาขอโทษแทนบิดาขี้เมา กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ต้องควักเงินจ่ายในเรื่องที่ไม่สมควรจะจ่าย แล้วครั้งนี้ล่ะ! ถ้าต้องจ่ายเป็นเงิน เธอจะต้องใช้จ่ายอีกสักเท่าไหร่กัน สองพัน สามพัน หรือห้าพัน หึ! จะกี่พันบาทก็ไม่รู้ แต่ที่เธอสัมผัสได้ว่าขณะที่ยังแว้นอยู่บนท้องถนน ราวกับว่าเส้นผมทุกเส้นบนหนังศีรษะเธอจะลุกชันขึ้นได้อย่างไรอย่างนั้นเชียว
แล้วทำไม...อาการขนพองสยองเกล้าแบบนี้ จำเพาะเจาะจงต้องมาเกิดเอาในคืนนี้ด้วยนะ!
หญิงสาวคิดขณะมองเห็นซอยที่ระบุอยู่บนโลเคชั่นที่ชายหนุ่มปริศนาคนนั้นแชร์ผ่านมือถือมาให้ เธอเลี้ยวเข้าไปอย่างไม่ต้องคิด และแล้วปวริศาก็เห็น ใช่ ตรงมุมนั้น ถัดจากหน้าร้านสะดวกซื้อไปไม่ไกล น่าจะใช่ ท้ายรถคันสีขาวที่จอดแหง็กอยู่ตรงหน้า
เกิดอะไรขึ้น? ปวริศาคิดขณะจอดรถ แล้วถอดหมวกกันน็อควาง ก่อนจะพุ่งตัวไปตามลางสังหรณ์ที่ชักนำให้เธอไปที่รถคันงามตรงหน้า หญิงสาวก้มมองท้ายรถยนต์ราคาแสนแพงคันนี้ พลางลอบกลืนน้ำลายอย่างสยดสยอง ขออย่าให้ใช่อย่างที่คิดเลยเจ้าประคุณ!
BMW X7 M50d! เธอรู้ว่ารถรุ่นนี้ราคาของมันอยู่ที่แปดล้านกว่า!
หญิงสาวเริ่มปาดเหงื่อ ที่ซึมออกมาตามรูขุมขนบนใบหน้า แล้วรีบขยับตัวขึ้นมาดูด้านหน้ารถคันนี้ จึงพบรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อที่แสนคุ้นตาจอดอยู่ไม่ห่างออกไป และบัดนี้ เจ้าของรถที่สวมเสื้อวินยังนั่งคอตกอยู่บนบาทวิถี ครั้นเห็นเธอมาแล้ว ก็รีบลุกขึ้นในยืนลักษณะโงนเงนก่อนจะเดินตุปั๊ดตุเป๋มาหาเธออีก
"ศา ...มะ มาหาพ่อ...แล้ว!"
กลิ่นเหล้าที่เหม็นคละคลุ้ง บวกกับหน้าตาที่แดงก่ำของพ่อ ทำให้ปวริศาต้องเบ้หน้าอย่างเอือมระอาใส่
"พ่อ! พ่อทำอะไรลงไปเนี่ย" เธอรีบถามพร้อมกับลอบสำรวจเนื้อตัวของพ่อไปด้วย โชคดีที่พ่อดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ถึงตามเนื้อตัวจะมีฝุ่นโคลนอยู่บ้างก็เถอะ
เมื่อเห็นบิดายังดูเป็นปกติ นอกจากอาการเมาแอ๋ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ปวริศาจึงหันกลับมาสนใจเจ้ารถคันงามที่น่าจะสร้างความสะพรึงได้มากกว่าอีกสิบเท่าต่อ
ครั้นหญิงสาวได้เห็นร่องรอยการเฉี่ยวชนแล้วลมก็แทบจับ เพราะมัวแต่สนใจร่องรอยอุบัติเหตุ จนลืมดูเจ้าของรถคันงามคันนี้ ที่บัดนี้ เงาทะมึนจากรูปร่างสูงใหญ่กำลังเข้ามาทาบทับบดบังเงาหัวของเธอที่ยังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เสียสิ้น
แล้วเจ้าของเงาทะมึนก็ใช้มือทั้งสองเท้าสะเอว มองเธออยู่ด้านหลังผ่านแว่นตาสีดำที่ปกปิดครึ่งใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะส่งเสียงเรียกออกมาอย่างดังจนร่างบางต้องสะดุ้งตาม
"คุณ! "
ปวริศาละสายตาจากรอยเฉี่ยวชน รีบหมุนตัวกลับไปดู ชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ลักษณะใบหน้าท่าทางทำให้เธอรู้สึกคุ้น ๆ ตาอยู่ แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น ทำให้เธอยังนึกอะไรได้ไม่มากไปกว่า จะถามเขาออกไปว่า..."กะ เกิดอะไรขึ้นคะ!"
ชายหนุ่มถอนหายใจดัง ๆ แล้วเล่า "ผมกำลังจะขับรถกลับ แต่พ่อของคุณขี่มอ'ไซค์คันนั้นพุ่งออกจากซอยมาชนรถผมเข้า"
ราวกับลำตัวบอบบางของปวริศาจะถูกใครสักคนทุ่มของที่มีน้ำหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัมใส่ เธอจึงรู้สึกหนัก อึดอัด จนหายใจไม่ออก ใบหน้าค่อย ๆ ซีดเซียวลงไป
"จะดูเหตุการณ์ซ้ำจากกล้องหน้ารถของผมมั้ย!"
หญิงสาวรีบส่ายหน้าทันทีด้วยอาการของคนที่สมองฝ่อลงอย่างรวดเร็ว พลางกลืนน้ำลายลงอีก แล้วอาการขนพองสยองเกล้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ได้วนกลับมาเล่นงานเธออย่างหนักอีกครั้ง!
เธอไม่รู้หรอกว่า สายตาและท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าที่มีต่อเธอ ต่อพ่อเธอเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้เธอกำลังกลับไปนึกถึงสมุดหน้าบัญชีเงินฝากที่มีอยู่สองสามเล่ม ลองเอาเงินทั้งหมดที่มีอยู่มาบวกรวมกัน ก็น่าจะยังไม่พอจ่ายให้กับค่าซ่อมและทำสีให้รถคันนี้เลย!
เหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างสูงดังอีกพรืด หญิงสาวมองเจ้าของเสียง ที่รีบเดินกลับไปเปิดประตูรถด้านคนขับ แล้วดึงสูทตัวหนึ่งกลับมาโชว์ให้เธอที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นดูอีก "ยังไม่พอ พ่อคุณยังมาอ๊วกใส่สูทของผมอีก! "
ปวริศารีบเบนสายตากลับมามองสูทตัวหรู ที่เขาชูเหนือใบหน้าเธอเล็กน้อย ด้วยงานที่เธอทำอยู่ทุกวัน ทำให้เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าสูทตัวนี้ของเขา เป็นสูทจากแบรนด์ดังระดับโลกที่สนนราคาตัวหนึ่งก็ปาเข้าไปแสนบาทแล้ว!
"สูทตัวนี้ สปอนเซอร์ส่งมาให้ผมใส่ออกงานในคืนนี้" เสียงพูดผ่านไรฟันดังอีก "ผมจะต้องส่งเขาคืนกลับไปในสภาพที่เหมือนกับตอนที่เขาส่งมาให้ผมใส่! "