บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนัก

2150 Words
ในระหว่างที่พี่ชายทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบ เสียงกุกกักก็ดังมาจากด้านหลังของหีบใบหนึ่งตรงมุมห้อง จ้าวเยว่ถึงกับตกใจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก พี่ชายทั้ง­สองจึงจับความผิดปกติได้ในทันที จ้าวหลู่เจินลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หีบใบนั้น พลางชักดาบคู่­กายออกจากฝัก คมดาบในมือต้องแสงเทียนจนเป็นประกาย ชาย­หนุ่มได้ใช้ปลายดาบจ่อไปตรงกลางหีบแล้วเอ่ยเสียงดัง “ออกมา!” เซียวเฟิงกับซูหนิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทั้งคู่ต่างยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยิ้มเจื่อนออกมา “ท่านพี่ทั้งสอง ข้าเอง” เซียวเฟิงยิ้มแหย ๆ ขณะเอ่ยด้วยเสียงอ่อย “ให้ตายเถอะคุณชายเซียว เหตุใดจึงได้มาอยู่ในห้องของน้อง­สามได้ล่ะ” จ้าวหลู่เจินถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่ามีบุคคลอื่นในห้องของน้องสาว เซียวเฟิงที่บัดนี้หายตกใจแล้ว จึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ก็เหมือนพวกท่านทั้งสองนั่นแหละ ข้าได้ข่าวเรื่องการแต่งงาน จึงมาปลอบนาง” ทั้งจ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินมองไปทางซูหนิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิง แล้วจ้าวหลู่เจินก็เอ่ยถามเสียงเข้ม “แล้วแม่นางน้อยผู้นี้เป็นใคร” ซูหนิงกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้แม้แต่จะเปิดปากเอ่ยก็ยังทำไม่ได้ จ้าวเยว่เห็นเช่นนั้นจึงชิงตอบแทน “คุณหนูรองตระกูลซู นางมีชื่อว่าซูหนิง นางเป็นสหายของข้าเอง” “ใช่ ๆ” ซูหนิงพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จ้าวอวี้เฉินยิ้มให้น้องสาวของตนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่เลวนี่ เดี๋ยวนี้มีสหายกับเขาแล้วหรือ” “ก็มีแค่สองคนนี่แหละเจ้าค่ะท่านพี่” จ้าวเยว่จึงเอ่ยตอบพี่ชาย “สาม” ซูหนิงแทรกขึ้นมา “ท่านลืมพี่ถงถงแล้วหรือ วันนั้นนางก็เดินออกมาอยู่ข้างท่านด้วย” เมื่อเอ่ยถึงฟ่านถงถง จ้าวเยว่ก็นึกออกขึ้นมาทันที “อ้อ...แม่นางที่มีคุณธรรมผู้นั้นนั่นเอง” หลังจากนั้น คนทั้งห้าก็สนทนากันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะแยก­ย้ายกันไป เซียวเฟิงกับซูหนิงเองก็ต้องกลับจวนแล้ว เพราะได้หายออกมานาน เดี๋ยวจะเป็นที่สงสัยเอา จ้าวเยว่จึงได้ฝากพี่ชายให้ไปส่งสหายทั้งสองด้วยตัวเอง จ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินจึงได้ช่วยคุ้มครองให้พวกเขาออกทางประตูหลังไป เช้าวันต่อมา จ้าวเยว่ตื่นขึ้นมาปฏิบัติตัวเฉกเช่นทุกวัน ซึ่งก็คือไปล้างหน้าบ้วนปาก แล้วก็ไปกินอาหารเช้าด้วยความเกียจคร้าน ถ้าหากเป็นบุตรสาวจวนอื่น เมื่อได้รับการสมรสพระราชทาน พวกนางจะต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และกระตือรือร้นที่จะเตรียมการทุก­อย่างเพื่อเป็นเจ้าสาว แต่สำหรับจ้าวเยว่แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็­ไม่­สามารถมาสั่นคลอนวิถีชีวิตอันเกียจคร้านของนางได้ทั้งนั้น เมื่อกินข้าวเสร็จ ทั้งบิดาและพี่ชายทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตน ในห้องโถงตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่จ้าวเยว่กับจ้าวฮูหยินเท่านั้น “เดี๋ยวก่อน เจ้าอย่าเพิ่งไป” เสียงของจ้าวฮูหยินดังขึ้นมา เมื่อจ้าวเยว่กำลังจะหมุนตัวเพื่อเดินออกจากห้องโถงไป นางจำต้องหมุนตัวกลับไปหาด้วยท่าทีที่เบื่อหน่ายก่อนจะถามกลับมารดาของตน “ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” จ้าวฮูหยินควักถุงเงินออกมาแล้ววางบนโต๊ะ “เอาเงินนี่ไปแล้วไปซื้อสิ่งของที่เจ้าต้องการ เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว” “ให้ข้าซื้ออะไรหรือเจ้าคะท่านแม่” จ้าวเยว่ไม่ได้เสแสร้ง แต่นางไม่รู้จริง ๆ ว่าการเป็นเจ้าสาวต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง จึงได้ถามออกไป “เจ้านี่มันจริง ๆ เลยนะ เจ้าก็ไปหาซื้อพวกเครื่องหอม ผ้าขัดตัว น้ำมันใส่ผิว น้ำมันทาผม แป้งผัดหน้า ชาด หรืออะไรก็ตามที่เจ้าต้องใช้บำรุงตัวเองในทุกวันอย่างไรเล่า” จ้าวฮูหยินเอ่ยด้วยความอ่อนใจเมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนนั้นช่างไม่รู้อะไรเลย “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” จ้าวเยว่ตอบกลับจากนั้นจึงยื่นมือไปรับถุงเงินจากมารดามาไว้กับตน พร้อมกับก้าวออกมาจากห้องโถงทันที เมื่อถึงยามอู่ จ้าวเยว่และผิงผิง ก็พากันเดินมาถึงตลาดทาง­ตอนใต้ของแคว้นฉางอัน สาเหตุที่จ้าวเยว่เลือกมาที่ตลาดแห่งนี้เพราะว่าตลาดนี้อยู่ไกลจากจวนของนางเป็นพิเศษ สามารถถ่วงเวลาให้เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกได้นานขึ้น “คุณหนูเจ้าคะ ผิงผิงจำได้ว่ามีร้านขายน้ำมันทาผิวกับน้ำมันใส่ผมอยู่ทางด้านโน้น พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ” ผิงผิงบอกพร้อมกวัก­มือเรียกนายของตน จ้าวเยว่ที่กำลังยืนมองภาพวาดอยู่อย่างใจจดใจจ่อ และไม่ได้สนใจที่ผิงผิงเอ่ยแม้แต่น้อย นางได้แต่โบกมือให้ผิงผิงไปซื้อของเอง “คุณหนูต้องไปลองดมกลิ่นดู ว่าชอบกลิ่นไหนนะเจ้าคะ” “เจ้าไปซื้อมาเถอะ จะกลิ่นไหนมันก็ทาได้ทั้งนั้น ขอแค่ไม่ใช่กลิ่นเหม็นก็พอ” ผิงผิงเดินจากไปไม่นาน ก็กลับมาพร้อมขวดน้ำมันสองขวด “ได้แล้วเจ้าค่ะคุณหนู ท่านจะลองดมดูหน่อยหรือไม่” ผิงผิงยื่นขวดน้ำมันให้คุณหนู แค่จ้าวเยว่ก็ยังโบกมือไล่ จ้าวเยว่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางรู้สึกอยากได้ภาพ ๆ หนึ่งขึ้นมา ภาพนี้เขียนขึ้นโดยจิตรกรที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าใดนัก นามว่าหลินย่อฝู่ ทว่าความสามารถการวาดเส้นของเขานั้นช่างคมคาย จนสะกดใจจ้าวเยว่ให้ยืนมองได้ตั้งนานสองนาน “ผิงผิง เงินเหลืออยู่เท่าไร” จ้าวเยว่ถามขึ้นมา โดยไม่หันไปมองคนข้างกาย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพวาดภาพนั้น “จะซื้อภาพนี้ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู เงินนี้เราต้องเอาไปซื้อพวกเครื่อง­หอม ผ้าขัดตัว แป้งผัดหน้า แล้วก็ชาดอีก ไหนจะเหลือไว้กิน­ข้าวกลางวันด้วย ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” “แต่ข้าอยากได้จริง ๆ นะ” จ้าวเยว่ยังคงดื้อดึง “อยากได้ก็ซื้อไม่ได้เจ้าค่ะ ไปเถอะเจ้าค่ะ” เอ่ยจบผิงผิงก็ดึงมือคุณหนูของตนให้ออกจากร้านขายภาพวาดไป เมื่อสองนายบ่าวเดินออกจากร้านไปแล้ว บุรุษผู้หนึ่งซึ่งแต่งกายในชุดชาวบ้าน ก็เดินตรงมายังร้านขายภาพวาด “เถ้าแก่ภาพนี้ราคาเท่าไร” เถ้าแก่เจ้าของร้านมองดูเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ในใจก็คิดว่าท่าทางดูยากจนเช่นนี้ จะมีเงินซื้อภาพวาดของเขาหรือ จึงได้บอกราคาที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะซื้อไหว “ยี่สิบตำลึง” “ข้าเอา ห่อให้ข้าอย่างดีด้วยล่ะ” ชายหนุ่มผู้นั้นยื่นเงินยี่สิบตำลึงให้เถ้าแก่ โดยไม่ต่อรองราคาแม้เพียงครึ่งคำ เถ้าแก่จึงห่อภาพวาดนั้นให้เขาอย่างดี เมื่อรับมันมาแล้ว ชายหนุ่มก็รีบเดินไปยังทิศทางที่จ้าวเยว่เพิ่งเดินไปเมื่อสักครู่ จ้าวเยว่กับผิงผิงพากันเดินซื้อของจนเหน็ดเหนื่อย จึงได้แวะกินอาหารกลางวันกันที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง นางเลือกสั่งแต่อาหารแปลก ๆ ที่ไม่มีให้กินในจวน อีกทั้งยังสั่งสุราดอกบัวมาหนึ่งไหด้วย “คุณหนู ดื่มสุราอย่างนี้จะดีหรือเจ้าคะ” ผิงผิงถามขึ้นมา สีหน้านางดูเป็นกังวลไม่น้อย “ดีสิ ได้ออกมาข้างนอกทั้งที ควรจะต้องกินดื่มให้เต็มที่ เจ้า­เองก็กินดื่มร่วมกับข้าด้วยสิ” จ้าวเยว่บอกพร้อมกับรินสุราให้ผิงผิงจอกหนึ่ง ผิงผิงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างยิ่ง “เราเป็นสตรี จะทำตัวเยี่ยงบุรุษไม่ได้นะเจ้าคะ ประเดี๋ยวผู้ใดมาเห็นเข้าจะเอาไปนินทาเอาได้” “จะนินทาก็ช่างปะไร ข้าไม่เคยสนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว” จ้าวเยว่ตอบอย่างไม่คิดแยแส มือข้างหนึ่งจับตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อแกะผัดเผ็ดเข้าปาก ตามด้วยยกสุราดอกบัวดื่มอีกหนึ่งจอก “แต่ถ้าคนของสกุลเสวี่ยมาเห็นเข้า จะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ” ผิงผิงยังคงกังวลและมองซ้ายของขวาอย่างไม่สบายใจ “เห็นก็ดี พวกเขาจะได้ไม่ชอบข้า และมีเหตุที่จะไล่ข้าออกจากจวนเร็ว ๆ” จ้าวเยว่ตอบกลับและคีบอาหารกินอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำเอ่ยของสาว­­ใช้ข้างกายเลยแม้แต่น้อย ผิงผิงที่พยายามเอ่ยจนไม่รู้จะเอ่ยอะไรแล้วก็ได้แต่ก้มหน้างุด จนจ้าวเยว่เอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “เจ้านั่งทำอะไรอยู่เล่า กินสิ” “เจ้าค่ะ” ผิงผิงรับคำแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา นายบ่าวทั้งสองนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเอร็ดอร่อย โดยมิทันได้สังเกตว่ามีคนสะกดรอยตามพวกนางมา ชายหนุ่มในชุดชาวบ้านที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวหนึ่งริมเสา ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อได้ยินเรื่องที่ทั้งสองสนทนากัน เมื่อกลับมาถึงจวน จ้าวเยว่ก็วางของทุกอย่างไว้ที่มุมห้องอย่างส่ง ๆ นางไม่มีความคิดที่จะใช้ของที่ซื้อมาแม้แต่น้อย ความจริงคือไม่­คิดที่จะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเสียด้วยซ้ำไป ต่อให้จ้าวฮูหยินกับผิงผิงจะเคี่ยวเข็ญสักเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้น จ้าวเยว่ก็ไม่ได้ตื่นตัวกับการสมรสพระราชทานครั้งนี้แต่อย่างใด นางยังคงถือคติว่าจะทำตัวขี้­เกียจเหมือนเดิม “คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาอาบน้ำขัดตัวแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของผิงผิงดังมาจากทางถังอาบน้ำที่หลังห้อง ผิงผิงได้ผสมน้ำอุ่นไว้ให้คุณหนูของตนเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังโรยเครื่องหอมต่างๆ ลงไปในน้ำจนหอมฟุ้ง “อืม” จ้าวเยว่ตอบรับในลำคอ นางคืบคลานไปที่ถังอาบน้ำช้า ๆ ปกติแล้วจ้าว­เยว่เป็นคนที่ชอบแช่น้ำมาก แต่ว่าครั้งนี้กลับไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนทุกครั้ง การอาบน้ำขัดผิวและนวดตัว กลับกลายเป็นหน้าที่ไปแล้ว และเมื่อมันเป็นหน้าที่ หญิงสาวก็เริ่มไม่มีความสุข นางจึงได้ทำไปแบบส่ง ­ๆ อย่างนั้นเอง “เจ้าลงมือขัดให้ข้าเลย ขัดให้เนื้อหนังของข้าหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ จนเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวเลยยิ่งดี” จ้าวเยว่เอ่ยพร้อมแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ ถ้อยวาจาของนายสาว ทำเอาผิงผิงกล่าวอย่างเหนื่อยใจว่า “ได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูเอ่ยอะไรก็ไม่รู้” “ข้าต้องทำอย่างนี้ทุกวันจนถึงวันแต่งงานเลยอย่างนั้นหรือไง” จ้าวเยว่ถามอย่างเหนื่อยหน่าย ชีวิตของการเป็นเจ้าสาวน่าเบื่อถึงเพียงนี้เชียวหรือ นางอยากรู้จริง ๆว่า เหตุใดทุกคนจึงดูตื่นเต้นกับ­เรื่องนี้นัก “ใช่เจ้าค่ะ วันแต่งงานคุณหนูจะต้องเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในแคว้นฉางอัน” ผิงผิงกล่าวอย่างมั่นใจ นางเชื่อว่าวันแต่งงาน คุณหนูของนางย่อมต้องงดงามที่สุด หามีผู้ใดมาเปรียบได้ “ทำอย่างนี้ทุกวันข้าคงน่าเบื่อแย่” “เมื่อก่อนคุณหนูก็ชอบแช่น้ำทุกวันอยู่แล้ว มิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดถึงจะเบื่อ” “ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้ว มันเป็นการบังคับข้า” “คุณหนูก็คิดเสียว่ามิใช่การบังคับสิเจ้าคะ คุณหนูลองคิดสิว่า นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการทำด้วยความเต็มใจเหมือนอย่างเช่นเมื่อก่อน เท่านี้ก็จะมี­ความสุขแล้วเจ้าค่ะ” ผิงผิงเอ่ยขึ้นเพื่อให้นายสาวสบายใจ “ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ข้ามิได้มีจิตใจที่ดีงามอย่างแม่ชีที่­จะสามารถปล่อยวางอะไรได้ง่าย ๆ เสียหน่อย” จ้าวเยว่ตอบกลับอย่างหมดอารมณ์ ครู่หนึ่งก็มีสาวใช้สองคนมาหาถึงห้อง รายงานว่าจ้าวฮูหยิน เรียกคุณหนูไปพบที่ห้องโถง จ้าวเยว่จึงให้ผิงผิงไปรายงานว่า ตนเองอาบน้ำเสร็จแล้วจะตามไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD