ตอนที่ 7 ความคลุ้มคลั่งในอดีต

1434 Words
ย้อนกลับไปเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น หวังเยี่ยนหลงก็คลุ้มคลั่งเพราะควบคุมปราณมารไม่ได้ เขาถูกมันควบคุมความคิดจิตใจพยายามยึดร่างของเขา ยามที่สงบสติลงหวังเยี่ยนหลงก็เอาแต่นิ่งเงียบสับสน ครั้นปราณมารปะทุ อารมณ์รุนแรงอ่อนไหวยิ่งทวีมากขึ้น เขาเผลอร่ายอาคมโลหิตมารโดยไม่รู้ตัว จนทำให้คนที่มีโลหิตมารในร่างพลอยได้รับลูกหลงไปด้วย ในเวลานั้น หลิงซีแทบไม่มีทางเลือกอื่นใดแต่พอจะได้ยินเรื่องของละอองบุปผาโลหิตมาบ้างจึงส่งซวงและหลุนเข้าไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม ระหว่างรอข่าวดี นางพยายามช่วยให้หวังเยี่ยนหลงควบคุมตนเองให้ได้ หากเขาไม่ถูกปราณมารโจมตี นางและพวกพ้องที่เหลือก็จะปลอดภัยไปด้วย บางครั้งหลิงซีคิดฉวยโอกาสสังหารหวังเยี่ยนหลงในเวลาที่อ่อนกำลังลง ทว่าไม่เป็นผลเลยสักครั้ง ไม่ว่าหวังเยี่ยนหลงจะมีสติหรือไม่ ปราณมารมักไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องเขาได้ง่าย ๆ ร่างนี้เป็นของมัน ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ ละอองบุปผาโลหิตเป็นของวิเศษของพรรคบุปผาทมิฬ สวงนไว้ให้ประมุขพรรคและครอบครัวเท่านั้น หลิงซีรายงานเรื่องที่ได้รับจากซวงและหลุนให้หวังเยี่ยนหลงได้รู้ ทั้งสองฝ่ายเจรจากันอยู่พักหนึ่ง จนหวังเยี่ยนหลงไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป เขาพาคนของตนเองบุกเข้าไปถึงพรรคบุปผาทมิฬ เกิดการต่อสู้กันระหว่างจ้งหยุนซีประมุขพรรคและหวังเยี่ยนหลงอย่างดุเดือด “ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ” จ้งหยุนซีข่มขู่หวังเยี่ยนหลง คิดแค่ว่าคู่ต่อสู้เป็นเพียงเด็กน้อยเพิ่งฝึกวิชาใยจะสู้เขาได้ “ศพเจ้า?” หวังเยี่ยนหลงยิ้มมุมปาก จะใครหน้าไหนก็ไม่มีทางขวางเขาได้ “ข้าไม่มีวันยกมันให้เจ้า” จ้งหยุนซียังคงพยายามยืนหยัดตั้งรับการโจมตีของเขาหลายกระบวนท่า ทว่า หวังเยี่ยนหลงไม่ได้รู้เพียงแค่วิชาสำนักตระกูลหวัง เขารู้กระทั่งวิชาพรรคทลายฟ้า อีกทั้งยังมีปราณมารศิลาหิน เพียงแค่สามอย่างก็ดูจะเหนือกว่าจ้งหยุนซีแล้ว “ข้าไม่ได้ขอ” เขายังคงพูดจาอวดเก่ง มองว่าศัตรูเป็นเพียงตาแก่พรรคมารไร้น้ำยา จากนี้ไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็คงจะแพ้เขาราบคาบ “ท่านพ่อ” เสียงเล็ก ๆ ของจ้งซูหนี่ว์วัยห้าขวบเรียกบิดาของนาง ในมือถือช่อดอกไม้ชนิดหนึ่งมาด้วย ประมุขจ้งเห็นดังนั้นจึงรีบบอกให้นางหนีไป อย่าได้เข้ามายุ่งวุ่นวายตรงนี้ “ท่านพ่อ เอานี่ให้เขา เขาจะได้ไม่ทำร้ายท่านพ่อ” จ้งซูหนี่ว์รู้ว่าจุดประสงค์ของผู้บุกรุกคือสิ่งใด ตั้งเกิดจนป่านนี้ ใครหลายคนเคยพยายามบุกเข้ามาในพรรคบุปผาทมิฬเพื่อชิงบุปผาโลหิตเพราะสรรพคุณของมันเลื่องชื่อ นางไม่เข้าใจเลยว่าดอกไม้มากมายมีอยู่เต็มสวน เหตุใดถึงแบ่งให้ผู้อื่นไม่ได้ และเหตุใดต้องเข่นฆ่ากันเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ครั้งก่อนที่มอบบุปผาโลหิตให้คนผู้หนึ่งไป นางไม่เห็นว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีในพรรคบุปผาทมิฬสักนิด บิดาของนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดอกไม้จากสวนหายไปกี่ดอก “ซูหนี่ว์ เจ้าอย่ารบกวนท่านพ่อ” เสียงของพี่สาวต่างมารดาตะโกนบอกนาง จ้งซูเม่ยทำสีหน้าหงุดหงิดเมื่อเห็นว่านางกำลังยุ่งไม่เข้าเรื่อง พูดจบแล้วก็กระชากตัวนางไปอีกทางด้านหนึ่ง หางตามองหวังเยี่ยนหลงเหยียดหยาม นางมักจะคิดว่าบิดาของนางเก่งกว่าผู้ใด ต่อให้มีคนพยายามบุกเข้ามาด้านในย่อมไม่เหลือชีวิตรอดกลับไปสักราย ดังนั้นแล้วชายหนุ่มเลือดร้อนผู้นี้ก็ด้วยเช่นกัน การต่อสู้ที่ต่างฝ่ายต่างมีวิชาลับของตนทำให้เวลายืดเยื้อออกไป หวังเยี่ยนหลงเริ่มจะควบคุมปราณมารไม่ได้แล้วเผลอปลดปล่อยมันออกมาพลันสติเลือนหาย จ้งหยุนซีเห็นท่าทางที่แปลกไปของหวังเยี่ยนหลงจึงร่ายอาคมปลิดชีพหมายสังหาร ทว่า ปราณมารไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าของร่าง ยกเว้นมันเพียงผู้เดียวจึงสะท้อนอาคมทั้งหมดกลับไปยังจ้งหยุนซี อีกทั้งเข้าสิงร่างของเขาเพื่อกัดกินวิญญาณและอวัยวะภายในจนเหี้ยนเหลือแต่เพียงหนังหุ้มกระดูกบาง ๆ ครั้นได้ปลดปล่อยปราณมารออกไปแล้ว หวังเยี่ยนหลงจึงกลับมาคุมปราณมารที่เหลืออยู่ได้ เขาจึงได้รู้ว่าวิธีการเช่นนี้จะช่วยเขาไว้ได้แต่ก็ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอด้วยเช่นกัน ก่อนที่คนในพรรคบุปผาทมิฬจะเข้าถึงตัวเขา ซวงและหลุนบุกเข้ามาด้านในเพื่อพาเขาหนีออกไปจากที่นั่นได้ทันท่วงที ผ่านไปสองอาทิตย์ พลังปราณของหวังเยี่ยนหลงฟื้นกลับมาเป็นปกติ เขาเดินทางไปที่พรรคบุปผาทมิฬอีกครั้ง คราวนี้มุ่งมั่นจะกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของตนให้ได้ ประกอบกับยามนี้พรรคบุปผาทมิฬไม่มีประมุขคอยปกครอง คนในพรรคแก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่จนเกิดความโกลาหล เปิดจังหวะให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงได้โดยง่าย หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมโลหิตมารเข้าร่างของคนที่ดูมีประโยชน์กับเขาให้จัดการส่วนที่เหลือให้จบภายในวันนั้น ความขัดแย้งภายในยุติลงอย่างเสียไม่ได้ ผู้ใดกล้าท้าทายเขา หวังเยี่ยนหลงเพียงแค่ร่ายอาคมบังคับโลหิตมาร คนผู้นั้นก็แทบจะทนไม่ไหวต้องร้องขอชีวิต เขาตรงไปยังเรือนของจ้งซูหนี่ว์เพราะหลิงซีบอกว่านางรู้วิธีใช้ละอองบุปผาโลหิต “จับตัวนางไปด้วย” หวังเยี่ยนหลงสั่งหลุนให้พาจ้งซูหนี่ว์กลับสำนักตระกูลหวัง แล้วหันไปพูดกับซวง “ขุดดอกไม้ในสวนนั่นไปให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ราก” เด็กน้อยวัยห้าขวบไม่รู้เรื่องว่าเกิดสิ่งใดขึ้น รู้แต่เพียงว่านางต้องปรุงยาจากบุปผาโลหิตให้หวังเยี่ยนหลงทุกเจ็ดวันและมีหน้าที่คอยดูแลสวนบุปผาอยู่ในสำนักตระกูลหวังตลอดไป นอกจากนั้น หวังเยี่ยนหลงยังให้เฟินเยว่เป็นผู้ดูแลพรรคบุปผาทมิฬเพื่อตอบแทนที่บอกเรื่องวิธีรักษาเขากับหลิงซี ก่อนหน้านั้น นางเรียนรู้วิชาลับของคุณชายใหญ่สำนักตระกูลหวังมา นางจึงคิดใช้มันเพื่อช่วยเหลือจ้งหยุนซีประมุขพรรคแต่เขากลับไม่เห็นคุณค่า ทั้งยังผลักไสนางให้ออกห่าง ความฝันจะเป็นใหญ่เกือบพังทลาย นางคิดจะตามหาคุณชายใหญ่ที่สำนักตระกูลหวังแต่กลับได้ข่าวมาว่าเกิดเรื่องร้ายแรงภายในสำนัก เวลานี้เหลือเพียงคุณชายสามอย่างหวังเยี่ยนหลงเพียงเท่านั้น เฟินเยว่คิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไร นางพลาดจากจ้งหยุนซีและคุณชายใหญ่ ฉะนั้นแล้ว นางจึงคิดจะหาประโยชน์จากหวังเยี่ยนหลงให้ได้ เคราะห์ยังดี นางไม่รีบร้อนจนเกินไปจึงค่อย ๆ สืบข่าวของหวังเยี่ยนหลงอยู่พักหนึ่งจนได้รู้ว่าปราณมารกำลังทำลายวิญญาณของเขา จึงทำทีเป็นปล่อยข่าวให้รั่วไหลถึงหูหลิงซี เวลานี้นางนับว่าสมหวังแล้ว พรรคบุปผาทมิฬกลายเป็นของนาง จ้งซูหนี่ว์ถูกส่งไปอยู่กับหวังเยี่ยนหลง มีเพียงจ้งซูเม่ยที่ชอบขัดขานางแต่ตราบใดที่โลหิตมารยังอยู่ในร่าง นางไม่มีทางก่อเรื่องกำเริบเสิบสาน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หวังเยี่ยนหลงจึงใช้ละอองบุปผาโลหิตควบคุมปราณมารไม่ให้ปะทุ พรรคทลายฟ้าที่เพิ่งจะรู้ว่าคนของตนถูกหวังเยี่ยนหลงควบคุมไปแล้วครึ่งหนึ่งบุกเข้ามาหาเขาถึงที่ การต่อสู้จึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง สำนักตระกูลหวังราวกับต้องคำสาป กลิ่นเลือดไม่เคยจางหายไปแม้แต่วันเดียว จิตใจของหวังเยี่ยนหลงเริ่มด้านชาและกระหายมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ครานี้ปราณมารไม่ได้กัดกินเขาเพียงอย่างเดียว มันค่อย ๆ เปลี่ยนเขาให้เป็นอย่างมัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD