ตอนที่ 8 โกรธแค้นสำนักเซียน

1448 Words
สิบปีต่อมา หวังเยี่ยนหลงอายุยี่สิบแปด พลังปราณและวิชาแกร่งกล้าพัฒนาไปมาก หากแต่ความเป็นคนของเขาราวกับหยุดอยู่ที่เดิม ความรู้สึกบางอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ในใจ เวลานี้มีเพียงความเย็นชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อผู้ใด เขากลายเป็นประมุขสำนักตระกูลหวังและเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังพรรคทลายฟ้าและพรรคบุปผาทมิฬ การกระทำของเขาส่งผลให้พรรคมารเรืองอำนาจ แม้จะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งขัดขากันอยู่เรื่อย ๆ พอถึงคราวที่ต้องต่อกรกับสำนักเซียนก็พักรบชั่วคราวอย่างรู้ใจกัน หวังเยี่ยนหลงไม่เพียงมีเรื่องกับพรรคมารเท่านั้น ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะเขายังทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องโดนหางเลขไปด้วย สำนักเซียนต่าง ๆ จึงเริ่มเข้ามาจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง “นายท่าน พวกมันฝ่าเข้ามาด้านในสำนักแล้วขอรับ” ซวงรายงานด้วยสีหน้าไร้กังวล “แค่คนสำนักเซียนพวกเจ้าจัดการกันเองไม่ได้หรือ?” หวังเยี่ยนหลงเลิกคิ้วเอ่ยปากถาม “ศิษย์ผู้หนึ่งต้องการพบนายท่านขอรับ หลุนกำลังกันนางไว้ข้างนอก” ซวงอธิบายอย่างละเอียด ส่วนใหญ่คนที่บุกเข้ามามักจะต้องการพบหวังเยี่ยนหลงเพื่อสังหาร แต่นางผู้นี้กลับต้องการเจรจา เมื่อทนลูกน้องคนสนิทรบเร้าไม่ไหว หวังเยี่ยนหลงจึงนึกอยากเห็นหน้านางให้หายสงสัย เหตุใดเจ้าพวกนี้ถึงได้คะยั้นคะยอเขานัก “หวังเยี่ยนหลง” นางเอ่ยเรียกชื่อเขา สีหน้าแววตาดูเด็ดเดี่ยว กล้าหาญไม่เกรงกลัวชื่อเสียงเลื่องลือของเขาแม้แต่น้อย “เจ้าเป็นผู้ใด กล้ามาก่อเรื่องถึงเรือนของข้า” เขาลอบร่ายอาคมเรียกกระบี่ “ข้ามาเพื่อเตือนเจ้าให้หยุดทำเรื่องเลวร้ายเสีย” นางยังคงไม่บอกว่านางเป็นผู้ใด แต่กระบี่เงินสลักลายนั้นบ่งบอกชัดเจนว่านางเป็นศิษย์วังธาราเหมันต์ “นางคือหมิงฮวาขอรับ” หลุนตะโกนบอกผู้เป็นเจ้านาย หวังเยี่ยนหลงรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้เพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ใด ครู่หนึ่งเขาก็เลิกคิ้ว รอยยิ้มปรากฏมีเลศนัย “หมิงฮวาผู้นั้นเองหรือ เจ้ามาเสนอตัวให้ข้าถึงที่นี่เชียว” หวังเยี่ยนหลงกำลังรู้สึกอยากประมือกับใครสักคนอยู่พอดี นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอนาง “เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดบ้างหรือไม่” นางถามย้ำ “หากเจ้าไม่หยุด ข้าจำเป็นต้องหยุดเจ้า” หมิงฮวากำกระบี่ไว้แน่น ครั้งนี้นางจะไม่พลาดอีกต่อไป นางให้โอกาสคนตรงหน้ามากพอแล้ว แต่เขากลับไม่รับเอาไว้ เช่นนั้นแล้วคิดบัญชีสะสางรวมกับแค้นเก่าคงจะทำให้ศิษย์พี่หนิงเกอตายตาหลับได้ หวังเยี่ยนหลงสั่งให้ลูกน้องออกไปจัดการศิษย์วังธาราเหมันต์ที่เหลือด้านนอก “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าในตัวเจ้ามีสิ่งใดที่ข้าฝากไว้” หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมบังคับโลหิตมารในร่างของนาง ทว่า คนตรงหน้าไม่สะทกสะท้านอย่างที่เคยเป็น หมิงฮวายังคงยืนนิ่งไม่เจ็บปวด ร่ายอาคมฟันกระบี่ใส่หวังเยี่ยนหลงรวดเร็ว แสงสีฟ้าพุ่งกระทบร่างของเขาอย่างจังจนเซไปด้านหลัง สีหน้าของเขาเวลานี้กำลังสับสนงุนงงที่โลหิตมารของตนใช้ไม่ได้ผล หมิงฮวารอเวลานี้มาตลอด วันที่เขาจะบังคับโลหิตมารในร่างของนางไม่ได้ และไม่อาจใช้มันกับศิษย์คนใดของวังธาราเหมันต์ได้ นอกจากนั้นนางยังฝึกวิชาทะลวงผ่านขั้นสูงฝีมือไม่เป็นรองเขาแน่นอน “เหตุใด” หวังเยี่ยนหลงพึมพำ “...” หมิงฮวาเงียบ ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ นางสะบัดกระบี่ร่ายอาคมต่อเนื่องจนหวังเยี่ยนหลงแทบตั้งรับไม่ทัน เพราะฝีมือของนางเก่งกาจขึ้นกว่าเดิม “ข้าคงออมมือให้เจ้ามากเกินไป” หวังเยี่ยนหลงส่ายหน้า ในเมื่อนางรู้แล้วว่าเขามีปราณมารในตัวจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งปิดบังอีกต่อไป พลันปราณมารสีดำก่อตัวขึ้นรอบ ๆ คนทั้งสอง เขายิ้มร้ายสั่งให้มันลอบโจมตีนางจากทุกทาง มือของเขากำด้ามกระบี่ไว้แน่น หันปลายแหลมชี้ไปที่หมิงฮวา ทั้งคู่ประมือกันอยู่หลายกระบวนท่า บางครั้งโดนโจมตี บางครั้งหลบได้ ไม่มีใครยอมรามือ เพียงแต่วันนี้หมิงฮวาเตรียมตัวมาดี นางวางแผนทุกอย่างไว้โดยที่หวังเยี่ยนหลงไม่ทันรู้ตัว หากนางไม่สามารถสังหารเขาได้ อย่างน้อยบุปผาโลหิตควรจะถูกทำลาย หวังเยี่ยนหลงที่ไร้ซึ่งโอสถก็เสมือนกับคนใกล้จะตาย ปล่อยให้เขาถูกปราณมารกัดกินอาจจะช่วยให้เขาได้สำนึกถึงสิ่งที่เคยทำลงไปบ้าง กลิ่นควันไฟเริ่มโชยมายังที่เขายืนอยู่ หวังเยี่ยนหลงไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่เสียงที่ตะโกนมาแต่ไกลของลูกน้องกลับทำให้เขารู้สึกอยากจะฆ่าหมิงฮวาตั้งแต่ตอนนี้ “ศิษย์พวกนั้นราดน้ำมันเผาสวนบุปผาแล้วขอรับ” ซวงวิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งเขา แม้จะสั่งให้คนที่อยู่ตรงนั้นดับไฟแต่คิดว่าคงไม่ทันการณ์ ซวงนึกภาพออกว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากเจ้านายไม่มีโอสถจากละอองบุปผาโลหิต ตัวเขาเองก็ต้องโดนลูกหลงจากโลหิตมารยามที่หวังเยี่ยนหลงควบคุมตนเองไม่ได้เช่นกัน หวังเยี่ยนหลงสีหน้าเคร่งเครียด “เอาคืนได้เจ็บแสบยิ่งนัก” “ข้าเตือนเจ้าแล้ว” หมิงฮวาเอ่ยปาก ก่อนหน้านี้พยายามส่งสารหาเขา ให้หยุดกระทำระรานชาวบ้าน แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เขาไม่สนใจคำเตือนของใครทั้งนั้น กระบี่ของหมิงฮวาฉวัดเฉวียนแยกตัวออกเป็นกระบี่สิบเล่ม เล็งไปที่ร่างของหวังเยี่ยนหลง ซวงเห็นดังนั้นจึงกระโดดเข้ามาปัดกระบี่นางออกไป กระนั้นกระบวนท่าของนางเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง หลบหลีกจากซวงพุ่งหาหวังเยี่ยนหลง เขาเริ่มหงุดหงิดที่ถูกต้อนจึงอัดปราณมารกลับไปที่หมิงฮวา ต่างฝ่ายต่างกระอักเลือดสะบักสะบอม “ศิษย์พี่” เสียงของชายหนุ่มเรียกนาง เขากันซวงไว้อีกด้านไม่ให้รบกวน หมิงฮวาพยักหน้า อีกไม่นาน ความแค้นนี้จะสิ้นสุดลง นางร่ายอาคมขั้นสูงเพื่อจบทุกอย่าง ปราณทิพย์อัดแน่นในกระบี่เงิน จิตใจมุ่งมั่น สายตาจ้องหวังเยี่ยนหลงไม่วางตา แสงสีฟ้าจากปลายกระบี่มุ่งไปยังร่างของหวังเยี่ยนหลง ปลุกปราณมารที่เขาควบคุมให้ตื่นขึ้น มันจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำลายร่างภาชนะเด็ดขาด ไอสีดำจึงพวยพุ่งทะลุร่างของหมิงฮวาเช่นกัน คนที่อยู่ในที่นั้นต่างฝ่ายก็คิดว่าคนของตนคงไม่รอด ศิษย์วังธาราเหมันต์รีบมาประคองหมิงฮวาแล้วถอนกำลัง ลูกน้องของหวังเยี่ยนหลงเข้ามาดูอาการของเขา โลหิตมารจะสลายไปหากผู้เป็นเจ้านายสิ้นลม ทว่าการกระทำของเขาราวถูกผูกมัด ซวงโคจรพลังปราณช่วยเขาโดยไม่มีข้อแม้ หลังจากเหตุการณ์นั้น หวังเยี่ยนหลงใช้เวลาพักรักษาตัวอยู่นาน จนมาถึงคืนที่ปราณมารจะแกร่งกล้า เมื่อไม่มีโอสถแล้ว ทางเดียวที่จะทำได้คือการปลดปล่อยปราณมารให้ใครสักคน นับแต่นั้นมา หวังเยี่ยนหลงทำตัวเหมือนตายไปแล้ว อยู่อย่างเงียบ ๆ เพื่อรอเวลาทำลายวังธาราเหมันต์ให้สิ้นซาก หากเขาหาวิธีควบคุมปราณมารได้เมื่อใด เขาจะรีบสะสางแค้นในทันที “หมิงฮวา พรรคมาร สำนักเซียน ข้าจะทำลายมันให้หมด” หวังเยี่ยนหลงสั่งให้ทุกคนในสำนักตระกูลหวังเก็บตัวเงียบ แต่ใช้คนจากพรรคทลายฟ้าแทรกแซงเรื่องราวในยุทธภพแทนที่ วังธาราเหมันต์ หมิงฮวารักษาจนหายดีแล้วขอเข้าถ้ำน้ำแข็งเพื่อฝึกวิชาเพิ่มขึ้น นางเข้าใจว่าเวลานี้หวังเยี่ยนหลงเสมือนคนไม่มีแขนขา จะรังแกหรือทำลายผู้ใดย่อมไม่อาจทำได้อีกแล้ว ปราณมารที่อยู่ในตัวเขายังคอยกัดกินทุกวี่วัน นางหวังว่าเขาจะสำนึกได้บ้างก่อนตาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD