วันนี้เป็นอีกวันที่เจ้าเด็กหยางรุ่ยมาสิงบ้านผม ไม่รู้ว่าเจ้าหมานี่ติดใจอะไร บางวันถ้าลากผมไปเล่นข้างนอกด้วยไม่ได้เจ้าเด็กนี่ก็จะมาเล่นกับผมที่บ้านแทน
จนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงตั้งคำถาม ในต้นฉบับขุนแผนมันติดขุนช้างขนาดนี้เลยหรอ ไม่เห็นมีหนังสือเล่มไหนบอกเลย..
"หยินเฟิง ขนมนี่คืออะไรหรือ ข้ามิเคยเห็นมาก่อน"
ขุนแผนน้อยมองขนมแปลกๆที่ผมทำด้วยสายตาเป็นประกาย พร้อมกันก็หันมาถามผมด้วยสีหน้าสงสัย
อื้ม เหมือนหมาจริงๆ
"ข้าเรียกมันว่า ลูกชุบ"
ครับทุกท่านฟังถูกแล้ว ขนมสีๆเลื่อมๆที่เจ้าเด็กหยางรุ่ยจิ้มเข้าปากพร้อมกับทำหน้าฟินนั่นคือ ลูกชุบ ขนมไทยบ้านเรานี่แหละครับ ด้วยความที่ผมคิดถึงของไทยบ้านเรา ผมเลยเข้าครัวทำด้วยตัวเอง พร้อมกับช่วยสอนพ่อครัวประจำบ้าน เผื่อวันไหนอยากกินจะได้ไม่ต้องถ่อไปทำเอง
จังหวะนี้ยำรวมประวัติศาสตร์อย่างเละเทะเลยครับ
"แปลกใหม่มาก อร่อยด้วย"
"เจ้าชอบก็ดี"
"ขนมนี่เจ้าหาซื้อจากที่ใดหรือ"
"มิมีขาย ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง"
หยางรุ่ยดูจะแปลกใจเล็กน้อย ตาเจ้าหมาดูเป็นประกายวิ๊งๆพร้อมกับทำท่าทำทางแบบสาวน้อยวัยแรกรัก(ห้ะ)
"เจ้านี่ก็มีความสามารถเหมือนกันนะเนี่ยย"
พูดแบบนี้หมายความว่าไงก่อนหน้านี้ผมทำอะไรก็กากไปหมดเลยหรอ
เออใช่จริงด้วย
ทั้งยิงธนู
ฟันดาบ
ปีนต้นไม้
ว่ายน้ำ
กาก กากหมดเลย
"ข้ามิได้มีดีแค่ทำขนมอร่อยหรอกหนา"
ใช่! ผมไม่ได้มีดีแค่นั้น แต่ฝีมือของผมเปรียบดั่ง คมไว้ในฝัก เก็บซ้อนความสามารถของตัวเองไว้(เพื่ออะไรก็ไม่รู้) อีกความสามารถหนึ่งของผมที่เก่งกาจไม่แพ้ใครเลยก็คงจะเป็น..
"เจ้าทำอะไรได้อีกหรือ"
"งั้นเจ้านั่งเฉยๆตรงนี้สักครู่"
ว่าแล้วผมก็ลุกจากโต๊ะจิบชาหน้าห้องตัวเองไปที่ห้องเพื่อเอาอะไรบางอย่างออกมา
ใช่แล้ว มันคือภาพวาดยังไงล่ะ!
ในชาติก่อนผมเป็นนักวาดที่จัดได้ว่าคิวแน่นมาก เพราะงั้นฝีมือผมก็คงไม่ไก่กานักหรอก
ผมวางภาพที่ตัวเองลองใช้อุปกรณ์ต่างๆจากชาตินี้ให้พ่อพระเอกดู ภาพที่ผมว่ามีทั้งสวนในจวน ภาพเสมือนของใช้ สัตว์น้อยใหญ่ หรือแม้กระทั่ง
"นี่เจ้าวาดรูปข้าไว้ด้วยหรือ"
กระทั่งภาพพระเอก...ไอ่ส*ส ผมลืมหยิบออก!
"ก็..อื่ม"
ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพื่อนวาดรูปเพื่อนนี่นา
"มิงามหรือ"
เห็นเจ้าเด็กจ้องภาพตัวเองที่ผมวาดซะไม่วางตา ไอ่เราก็เริ่มใจแป่ว คิดว่ามันไม่ถูกใจหมาเด็กนี่รึเปล่า หยางรุ่ยถึงได้เอาแต่เงียบ
"มิใช่ ภาพที่เจ้าวาดงดงามมากต่างหาก ข้าชอบมากเลย"
ไม่ว่าเปล่าเจ้าเด็กก็หันมายิ้มแบบโลกสดใสให้ผม เป็นรอยยิ้มที่มีผลต่อใจมาก ทำเอาคนแก่แบบผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หยุดหายใจไปพักนึงเลย
โครตอันตราย
"เจ้า..เจ้าชอบก็ดีแล้ว" ผมกลบความร้อนผ่าวของใบหน้าโดยการหันหน้าหนีอีกคน แต่ดูเหมือนหน้ากับหูที่แดงระเรื่อจะไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาหยางรุ่ยไปได้ อีกคนถึงได้กดยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
"ข้าขอได้หรือไม่"
หยางรุ่ยว่าแล้วก็ชูรูปวาดตัวเองขึ้นมา ก่อนจะถามด้วยสายตาเป็นประกายอีกครั้ง สายตาที่ถ้าขออะไรใครแล้วคนนั้นปฏิเสธจะต้องโดนคนทั้ง3ภพตราหน้าว่าไร้หัวใจเป็นแน่
และผมก็ยังไม่อยากโดนคนทั้ง3ภพตราหน้าด้วยสิ
"อื่ม เป็นรูปเจ้า เจ้าก็เอาไปเสีย" เพราะนี่ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมเหมือนกัน
"ดี! งั้นข้าวาดรูปให้เจ้าบ้างดีหรือไม่"
"วาดรูปข้าหรือ?"
เจ้าเด็กหยางรุ่ยพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะยิ้มโชว์ฟังเขี้ยวหมา ถามจริงวาดรูปผมนี่นะ หยางรุ่ยวาดรูปเป็นด้วยหรอ นอกจากจับดาบจับอาวุธอย่างเทพแล้ว คุณพระเอกยังวาดรูปได้ด้วยหรอ
"ขออุปกรณ์ให้ข้าหน่อย"
ว่าแล้วก็แบบมือมาทางหยินเฟิง เจ้าตัวเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนมาให้เจ้าหยางรุ่ย
เอาเถอะตามใจเด็กมันหน่อยละกัน
คนเด็กพอได้ของที่ต้องการก็สั่งให้เขานั่งนิ่งๆรอเป็นแบบให้ตัวเอง ผมที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ขัดศรัทธา นั่งเป็นแบบให้เด็กมันวาดรูป
แบบนี้ก็ได้อารมณ์อีกแบบ ปกติเคยวาดรูปให้แต่คนอื่น มาตอนนี้เป็นแบบให้คนอื่นวาดให้ก็รู้สึกแปลกดี
จะว่าไปเวลาโดนจ้องมันรู้สึกแบบนี้เองสินะ
เขินแปลกๆ
ถ้าคนที่จ้องผมไม่วางตาแบบนั้นไม่ใช่หยางรุ่ยผมอาจจะไม่เสียอาการขนาดนี้ก็ได้ แต่นั่นพระเอกไง คนที่ขึ้นชื่อว่าหล่อมาก หล่อแบบพระเจ้าสรรสร้าง หล่อแบบใครหล่อกว่านี้ไม่มีแล้ว..
หล่อแบบพระเจ้าทรงงานหนักมาก
"เสร็จแล้ว!"
ได้ยินแบบนั้นผมก็ลุกยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะตรงไปดูภาพวาดที่หยางรุ่ยวาดให้
โอ้ยย ปวดหลังว๊อย
"อื่ม งามแล้ว"
ถึงจะไม่ได้สวยถึงขั้นยอดฝีมือ แต่ก็ดูถูกไม่ได้เลย ลายเส้นจัดว่าเป็นเอกลักษณ์ อนาโตมี่*ก็ถูกสัดส่วน ไม่มีตรงไหนที่แปลกมนุษย์มนา พระเอกมันจะเก่งเกินไปมั้ย จะทำได้ทุกอย่างเลยหรอ พระเจ้ามุงลำเอียงมาก ทำไมอะไรดีๆก็ยัดใส่พระเอกหมดเลยล่ะ!
*อนาโตมี่ ในภาษาของนักวาดรูป มันแปลว่าสัดส่วนร่างกาย
"ข้าให้เจ้า" ว่าแล้วหยางรุ่ยก็ส่งสิ่งที่ตัวเองวาดให้ผม ใจอยากจะปฏิเสธแต่ถือว่าเป็นความตั้งใจของเด็กนี่ผมจะรับไว้ละกัน ไม่ว่าเปล่าผมก็ยื่นมือไปรับกระดาษจากหยางรุ่ยแล้วเอามาพิจารณาใกล้ๆอีกที
บิ้วตี้ฟูลจริมๆ เอาไปขายให้Fcขุนแผนได้มั้ยนะ
"หยินเฟิงข้าทำขนมมาให้ชิม"
วันนี้ยังคงมีแขกมาบ้านผม แต่ที่ต่างไปคือคนที่มาเป็นฉินหนิง แม่คนงามประจำแคว้น มิใช่เด็กแสบหยางรุ่ย
"หื้ม? ข้ามิค่อยสันทัดเรื่องของหวานเท่าใดนัก อาจจะทำให้ขนมเจ้าเสียของ"
"มิเป็นไร ข้าอยากทำมาให้ชิม ข้าเคยได้ยินหยางรุ่ยเล่าว่าเจ้าทำขนมได้อร่อยมาก อันที่จริงข้าก็สนใจเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ดูจะชอบมากด้วยหนา"
หยางรุ่ยอีกแล้ว นี่ขนาดตัวไม่มายังมีชื่อมาให้ผมนึกถึงอีกนะ แต่อื่ม...เจ้าเด็กนั่นโปรโมทขนมให้ผมด้วยหรอ น่าประทับใจจริงๆ
หลังจากจัดแจงที่นั่งได้สักพักผมก็ทีโอกาสได้ชิมขนมฝีมือวันทองคนงาม หน้าตาขนมดูเหมือนบัวลอยบ้านเรามาก รสชาติก็คล้ายๆ หวานๆนัวๆ จัดว่าอร่อยดี
"เป็นอย่างไรบ้าง" ฉินหนิงมองผมตาประกาย ดูคาดหวังกับคำตอบของผม โถ่คนงาม มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำเอาใจเต้นเลย แต่ผมพอจะมีภูมิคุ้มกันความหน้าตาดีจากเจ้าเด็กหยางรุ่ยอยู่บ้างเพราะงั้นคนงามทำอะไรผมได้ไม่มากหรอกหนา
เอ้ะ หยางรุ่ยอีกแล้ว?
"รสดี อร่อยแล้ว" ไม่ว่าผมก็ส่งยิ้มให้กำลังใจอีกคน ฉินหนิงที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งฉีกยิ้มสดใสกว่าเดิม เวลาเธอยิ้มแล้วโลกสดใสเหลือเกิน นี่สินะพลังแห่งนางเอกคนที่สวยที่สุดในแคว้น แม้หยางรุ่ย(อีกแล้ว) จะหน้าตาดี แต่ก็ไม่ได้น่ารักแบบฉินหนิงหนิ
วันทองบันไซ!
"หยินเฟิงช่วงนี้เจ้าเห็นหยางรุ่ยหรือไม่"
พอฉินหนิงทักขึ้นผมก็นึกขึ้นมาได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหยางรุ่ยมาป้วนเปี้ยนด้วยเลย หายไปก็ราวๆสี่ห้าวันได้แล้ว จะว่าไปไม่มีเจ้าเด็กนั่นมาคอยกวนใจก็หวิวๆแปลกๆแฮะ
กลัวไปตายห่*ที่ไหนน่ะสิ
ผมส่ายหน้าให้ฉินหนิง อีกคนก็ดูจะครุ่นคิดอะไรสักอย่าง "เจ้ากับหยางรุ่ยก็ดูสนิทกันดี แต่บางทีก็ดูห่างเหินนัก"
อีกคนมองหน้าผมนิ่งๆ ที่เธอหมายถึงว่าเราสนิทกันคงจะเป็นหยางรุ่ยที่มาคอยเกาะติดผม แต่ที่ว่าไม่สนิทคงเป็นผมที่ดูจะไม่ค่อยสนใจอีกคนเท่าไหร่ล่ะมั้ง
"อื่ม เป็นเช่นที่เจ้าว่า"
"หยางรุ่ยดูจะใส่ใจเจ้ามากเลยหนา เจ้าเองก็อย่าตั้งกำแพงในใจให้สูงนัก วันใดวันนึงหากหยางรุ่ยปีนต่อมิไหวหันหลังให้ วันนั้นเจ้าอาจจะเสียใจที่ตนเองปิดรับเขาก็ได้"
อื้อหือ เจ้าสำบัดสำนวลซะด้วย
ฉินหนิงบอกออกมาพลางยิ้มอ่อนให้ผม คำพูดหลายๆอย่างของเด็กสาวตรงหน้าทำให้ผมฉุกคิดอะไรหลายอย่างขึ้นมาได้ หยางรุ่ยในตอนนี้กับขุนแผนต้นฉบับไม่เหมือนกัน ขุนแผนก็คือขุนแผน แม้หยางรุ่ยจะเป็นขุนแผนฉบับจีนโบราณ จะเป็นแค่ตัวละครหรืออะไรก็ตาม แต่หยางรุ่ยตอนนี้คือเพื่อนผม คือคนๆนึงที่เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผมอย่างไม่ทันรู้ตัว
แต่ตลอดมาผมกลับละทิ้งเขาไว้ข้างหลัง ตั้งกำแพงใส่โดยไม่เคยย้อนมองดูอีกคนเลย หยางรุ่ยพยามขยับเข้าหา แต่ผมกลับค่อยๆขยับหนี ก่อนหน้านั้นมันเป็นแบบนี้มาตลอด เพราะผมกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใช่ กลัวอนาคต
งี่เง่าสิ้นดี
ทำไมผมถึงได้แพนนิคกับสิ่งที่ยังไม่เกิดได้ขนาดนี้วะ
รู้สึกผิดเลยอะ จริงๆผมก็เห็นหยางรุ่ยมาตั้งแต่น้อยๆ เจ้านั่นเป็นแค่ลูกหมา ที่นิสัยเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมที่อยู่ ที่ขุนแผนในวรรณคดีเป็นคนแบบนั้น มันก็มาจากสภาพแวดล้อมด้วย
คิดได้แบบนั้นก็เหมือนมีไฟในใจ ผมต้องขัดเกลาหยางรุ่ยให้เป็นคนดีของสังคมให้ได้!
"วันนี้ข้าจะไปหาหยางรุ่ย เจ้าจะไปด้วยหรือไม่"
"ข้าอยากไปด้วยหนา แต่วันนี้ข้ามีเรียนดนตรี คงจักไปกับเจ้ามิได้"
ผมพยักหน้าให้ฉินหนิง พอนั่งคุยกันไปได้สักพักเด็กสาวก็ขอตัวกลับ ส่วนตัวผมคิดว่าก่อนจะไปหาอยางรุ่ยก็ควรจะเอาอะไรติดไม่ติดมือไปสักหน่อย
เห็นว่าเจ้าเด็กนั่นชอบกินขนมที่เขาบอกให้พ่อครัวทำวันนั้น ฉนั้นวันนี้เขาจะลงมือทำขนมไปให้หยางรุ่ย
หึ จงซึ้งใจซะนะ
"หยินเฟิง นี่เจ้าทำขนมมาให้ข้าด้วยตัวเองเลยหรือ"
"ก็..อื่ม" แหม ไม่ต้องย้ำขนาดนั้นก็ได้มั้ง
ผมที่ก่อนหน้าจะมาหาหยางรุ่ยผมได้เข้าครัวไปลงมือทำลูกชุบที่อีกฝ่ายชอบมาให้ หยางรุ่ยดูจะแปลกใจที่เห็นผมมาหาเขาถึงจวน ก็นะ ปกติมีแต่เขาที่มาหาผมหนิเนอะ นี่จัดว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้งที่ผมได้มาเหยียบถึงจวนของเขาเนี่ย
"เจ้าชอบดื่มชาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่"
"อะไรก็ได้ เจ้าเลือกให้ข้าเลย"
"งั้นรอสักครู่"
เจ้าเด็กหยางรุ่ยวิ่งกระดิกหางออกจากห้องไป ระหว่างรอผมเลยสำรวจห้องอีกฝ่ายไปด้วย ห้องเจ้าเด็กนี่ส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยสีเข้ม ไม่ว่าจะไม้เนื้อแข็งน้ำตาลเข้มไปจนดำ เครื่องเรือนสีขุนต่างๆ บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าตัวพอสมควร
พอเดินๆดูห้องหยางรุ่ยไปสักพัก เจ้าของห้องก็กลับมาพร้อมชาที่ดูท่าว่าจะมีราคา อีกคนค่อยๆรินชาให้ผมและตัวเอง เราทั้ง2จิบชาไปพลางพูดคุยกันไปพลาง เด็กตรงหน้าผมก็ดูจะปรีดากับขนมหวานที่ผมทำมาเป็นอย่างมาก
"เจ้าชอบชานี่หรือไม่"
"อื่ม ข้าชอบมาก ชารสดี กลิ่นหอม"
ผมว่าความจริงให้อีกฝ่ายฟัง ชานี่ดูจะมีคุณภาพมากๆ รสชาติของมันเบาบางแต่ก็มีกลิ่นหอมละมุนชวนผ่อนคลาย
"ข้าดีใจที่เจ้าชอบ ชานี่ข้าซื้อเก็บไว้เยอะ เพราะสีของมันงดงามเหมือนกับดวงตาของเจ้าเลย"
ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ก้มมองชาในถ้วยทันที อย่างที่อีกฝ่ายว่า ชาสีน้ำเงินเหมือนทะเลลึก แต่เวลาต้องแสงกลับเป็นประกายสีฟ้า มันเหมือนกับสีดวงตาของหยินเฟิงจริงๆ
แต่ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆก็รับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า หรือเขาเอาหน้าอังชามากไปไอน้ำเลยทำให้หน้าเขาร้อน
ต้องใช่แน่ๆ
"ว้า..หมดเสียแล้ว"
หยางรุ่ยที่กินลูกชุบจนหมดก็ทำหน้าเสียดายเหมือนลูกหมาที่เสียของเล่นไป หูทิพย์หางทิพย์ลู่ลงในจินตนาการของหยินเฟิงซะจนอีกฝ่ายดูน่าเอ็นดูไปหมด
"ไว้ครั้งหน้าข้าจะทำมาให้อีก"
"อื่ม! ทำมาเยอะๆเลยหนา"
"เจ้าชอบกินขนมนี่มากขนาดนั้นเลยหรือ"
"ชอบมาก ชอบมากๆๆๆๆๆๆ"
เห็นอีกฝ่ายยิ้มสมเป็นเด็กน้อยตัวผมเองก็พลันมีความสุขไปด้วย แต่ก่อนจะได้ยิ้มเต็มที่ก็ต้องชะงักกับคำพูดต่อมาของอีกฝ่าย
"ข้าชอบขนมของเจ้า เหมือนกับที่ชอบเจ้าเลย"
TBC.