เฉินซือหยางแหกตาตื่นมาต้นยามเฉิน เมื่อคืนกว่าจะได้หลับนอนก็เกือบยามเหม่าเข้าไปแล้ว เพราะเขาลงโทษสาวใช้ตัวดีเพลินไปหน่อย ในห้วงจังหวะสุดท้ายนางตะคอกใส่เขาว่า ‘เผด็จการ!’ แล้วก็รีบลุกใส่เสื้อผ้าหนีกลับเรือนคนใช้ไป
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมผ้าแพรสีเข้มอย่างลวกๆ เผยให้เห็นร่องอกแกร่งและหน้าท้องเป็นลอนอย่างชัดเจน เขาเดินออกมาที่โถงรับแขกพลางบิดขี้เกียจไปด้วย เมื่อครู่หลี่อี้วิ่งมาปลุกแล้วรายงานว่าหยางนี่อวิ๋นมาขอพบ
เมื่อเดินมาถึงก็พบบุรุษสวมชุดผ้าไหมสีม่วงเข้มยืนยิ้มแฉ่งให้เขาอย่างน่าขนลุก
สายตาเฉียบคมเหลือบมองสิ่งที่หยางนี่อวิ๋นถือติดมือมาด้วย คิ้วเข้มถึงกับเลิกขึ้นอย่างสงสัย
“เจ้าถืออะไรมาด้วยน่ะ”
เฉินซือหยางพยักพเยิดหน้าไปที่สิ่งของในมือชายตรงหน้าก่อนจะนั่งลงด้วยท่วงท่าสบาย
หยางนี่อวิ๋นกระแอมไอและนั่งลงตาม สาวใช้รีบเข้ามารินน้ำชาให้ ชายหนุ่มมองไปที่นางคราหนึ่งก่อนจะมองเลยออกไปเหมือนกำลังสอดส่องสายตาหาใครสักคน เมื่อไม่เห็นเป้าหมายก็รีบหันมาตอบคำถามเจ้าของเรือน
“ปลาย่าง” เขาตอบพลางยื่นเข้ามาใกล้หน้าท่านแม่ทัพภาค เจ้าตัวถึงกับย่นจมูกใส่
“เพื่อ?” เฉินซือหยางถามอย่างประหลาดใจ
“ของฝากให้ไป่ไป๋ เอ่อ แล้วสาวใช้ที่เป็นเจ้าของไป่ไป๋อยู่หรือไม่ ให้คนไปตามนางให้มารับปลาย่างจากข้าไปให้แมวดำของนางหน่อย”
สิ้นประโยคเฉินซือหยางถึงกับคิ้วกระตุก เขารีบคว้าแผงปลาย่างในมือชายตรงหน้ามา ก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม “นางไม่ว่าง เดี๋ยวข้าจะเอาให้นางเอง”
หยางนี่อวิ๋นขมวดคิ้ว “แล้วนางทำอันใดอยู่ ข้าจะเอาไปให้นางเอง” พูดจบเขาก็ดึงแผงปลาย่างคืน
“นี่อวิ๋น ที่เจ้ามาหาข้าแต่เช้าก็เพราะเอาปลาย่างให้แมวงั้นรึ?”
หยางนี่อวิ๋นกระแอมแก้เก้อ “พูดตามจริงนะ ข้าคิดว่า…ข้าตกหลุมรักสาวใช้นางนั้น อาหยาง เหตุการณ์ในวันนั้นข้าขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าต้องอับอาย เจ้าคงโกรธข้าจวบจนถึงทุกวันนี้สินะ” ชายหนุ่มทำสีหน้าละห้อย
ย้อนไปเมื่อวัยเยาว์ทั้งสองเคยเป็นสหายรักร่วมชั้น ครั้งหนึ่งเฉินซือหยางต้องไปรายงานหน้าชั้นเรียน และหนุ่มน้อยเกิดอาการตื่นเต้นอย่างหนักจนฉี่ราด สหายรักอย่างหยางนี่อวิ๋นเผลอร้องทัก ‘อาหยางฉี่แตก!’ อย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง
เฉินซือหยางในวัยเยาว์อับอายมาก หนุ่มน้อยโกรธจัดจนไม่คุยกับสหายรักมาหลายสิบปี แม้หยางนี่อวิ๋นจะพยายามตามง้อและอธิบายไปแล้วว่าเขาไม่ได้ตั้งใจประจานก็ตาม
ทั้งสองหนุ่มพึ่งกลับมาเสวนากันภายหลัง เพราะสองครอบครัวเกี่ยวดองกัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดคุยสนิทสนมกันอย่างวัยเยาว์
เฉินซือหยางถึงกับคิ้วกระตุกอีกหน เหตุการณ์ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตเขา!
แต่เอ๊ะ? เมื่อกี้พูดว่าไงนะ!?
“เจ้าบอกว่าชอบจูผิงงั้นรึ?”
“นางชื่อจูผิงรึ แค่ชื่อก็เพราะแล้ว”
หยางนี่อวิ๋นยิ้มร่าเริงใบหน้าเคลิ้มลอย
“นี่อวิ๋น!”
เจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง แผงปลาย่างแทบหลุดมือ “เหตุใดเจ้าต้องตะคอกด้วยเล่า”
“เจ้าชอบนางไม่ได้”
“เพราะ?”
“นางเป็นสาวใช้”
หยางนี่อวิ๋นถอนหายใจ แล้วเอ่ยจริงจัง “สาวใช้แล้วอย่างไร ข้าจะแต่งตั้งในนางเป็นอนุของข้า”
เฉินซือหยางแอบกำหมัด ขบกรามแน่นจนเป็นสันแล้วเปล่งเสียงลอดไรฟัน “นางเป็นสาวใช้ในเรือนข้ามาหลายปีแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ”
แม้หยางนี่อวิ๋นจะมาจวนเฉินเพื่อเยี่ยมพี่สาวและหลานๆ หลายหน แต่เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามาเรือนอักษรของอดีตสหายรักเลย และเขาก็ไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อนเช่นกัน พึ่งจะรู้ว่านางอยู่จวนเฉินมานานแล้ว
“เช่นนั้น…เจ้ายกนางให้ข้าได้หรือไม่” หยางนี่อวิ๋นกระพริบตาถี่ๆ ช่างน่าขนลุกดีแท้!
“นางเป็นคนของท่านย่า! ข้าไม่มีสิทธิ์จะยกนางให้ใครที่ไหนก็ได้”
“งั้นข้าจะไปขอนางกับย่าเจ้าเอง”
เฉินซือหยางผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้าบึ้งตึงจัด เขากระชากแผงปลาย่างจากมืออดีตสหายรัก ก่อนจะหันไปสั่งความกับหลี่อี้
“หลี่อี้! ส่งแขก!”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน!” หยางนี่อวิ๋นมึนงง บุคคลตรงหน้าอยู่ๆ ก็อารมณ์แปรปรวนราวกับสตรีมีระดู!
“เชิญ คุณชายขอรับ” หลี่อี้ผายมือ เขาพอจะรู้สาเหตุว่าเหตุใดคุณชายของเขาถึงมีอาการเช่นนั้น
จะยุ่งกับใครก็ยุ่งได้ เว้นจูผิงเท่านั้น!
หยางนี่อวิ๋นอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย ก่อนเดินออกประตูเข้าหันหน้าตะโกนเข้ามาในเรือนเสียงดังลั่น “อาหยางฉี่แตก!” แล้วเดินสะบัดชายแขนเสื้อจากไป
หลังจากปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จ จูผิงก็กลับมาทำหน้าที่ของตนต่อที่เรือนอักษร นางแวะไปหาไป่ไป๋ที่สวนหลังเรือน เห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ฉีกปลาย่างให้แมวด้วยสีหน้าราวกับไม่ได้ถ่ายท้องมาหลายวัน
จูผิงเตรียมก้าวถอยหลังกลับแต่เขาก็ทักเรียกนางมาเสียก่อน
“มานี่ก่อน”
หญิงสาวแอบถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเขา “มีอะไรเจ้าคะ”
เขารวบเอวนางให้มาประชิดตัว มือเรียวของนางสัมผัสอยู่ที่แผงอกแกร่งเปลือยเปล่า
“หากข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นอนุ เจ้าจะว่าไง”