ทรายทอง อัคราพยาบาลประจำตัวของคุณหญิงเมธาวี พิพัฒน์สกุล เศรษฐีนีผู้มั่งคั่งลำดับต้นๆ ของประเทศไทยในขณะนี้ หญิงสูงวัยเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่แทบทุกจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตจะต้องแผ่ขยายไปทุกจังหวัด
หล่อนเข้ามาดูแลคุณหญิงตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เนื่องจากมารดาของหล่อนเคยเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของคุณหญิงมาก่อน คุณหญิงก็เลยให้ความเมตตาปรานีหล่อนมากเป็นพิเศษ
ทรายทองเดินมาหยุดที่หน้าห้องรับแขก หล่อนโค้งเล็กน้อยเพื่อเป็นการขออนุญาต
“เข้ามาเถอะ หนูทราย”
คุณหญิงเมธาวีใจดีกับหล่อนเสมอมา จนหล่อนซาบซึ้งในบุญคุณเหลือเกิน
ทรายทองก้าวเข้าไปภายในห้องรับแขกหรูหราด้วยอาการแข้งขาสั่นเล็กน้อย เนื่องจากคุณหญิงไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
เมธวัฒน์ พิพัฒน์สกุล หรือ คุณเมธ ผู้ชายท่าทางหยิ่งๆ ถือตัว แถมปากร้ายไม่เบา คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของคุณหญิงเมธาวี ชายหนุ่มจบด็อกเตอร์จากเมืองนอก และตอนนี้ก็ทำงานเป็นนายแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลนั่นเอง
หล่อนแอบมองเมธวัฒน์ตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้าเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองกลับมาเลยสักนิด แถมยังชอบทำท่าทางรังเกียจใส่หล่อนเสมอ
ทรายทองฝืนยิ้มบางๆ ขณะทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นห้อง และยื่นถ้วยยาให้กับผู้เป็นเจ้านาย
“ขอบใจจ้ะ หนูทราย”
คุณหญิงเมธาวีเทยาเม็ดใหญ่ออกจากถ้วยและหยิบใส่ปาก
“น้ำค่ะคุณหญิง” ทรายทองรีบยื่นแก้วน้ำให้
“ขอบใจจ้ะ”
คุณหญิงเมธาวีดื่มน้ำเสร็จก็ยื่นแก้วคืนให้กับทรายทอง หญิงสาวกำลังจะปลีกตัวออกไป แต่ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“อยู่คุยกับตาเมธก่อนสิหนูทราย”
หล่อนชะงักงั้น และก็อดจะเผลอมองใบหน้าเย็นชาของอีกฝ่ายไม่ได้
เขามองหล่อนด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปพูดกับมารดา
“ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวเข้าโรงพยาบาลสาย”
ร่างสูงใหญ่เกินมาตฐานชายไทยขยับลุกขึ้นยืนตระหง่าน ทรายทองยืนก้มหน้าตัวลีบอยู่ริมห้อง
“จะรีบไปไหนล่ะ นี่พึ่งเจ็ดโมงครึ่งเองนะตาเมธ อยู่คุยกับน้องก่อน”
หล่อนเห็นเขาถอนใจแรงๆ ปรายตามองหล่อนเล็กน้อย
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคนดีของคุณแม่หรอกครับ”
เขาก้าวมาหยุดตรงหน้าของหล่อน หัวใจของทรายทองที่เต้นระทึกอยู่แทบกระดอนออกมานอกอก หล่อนรีบถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง
“เอ่อ...”
“เธอมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ”
“ไม่... ไม่มีค่ะ”
หล่อนรีบตอบทันที และก็ไม่อาจจะห้ามพวงแก้มไม่ให้เป็นสีแดงได้
เมธวัฒน์แค่นยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปหาคุณหญิงเมธาวีอีกครั้ง
“เห็นไหมล่ะครับว่าคนดีของคุณแม่ไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยกับผม”
“ก็แกทำหน้าดุซะขนาดนั้น น้องก็กลัวแย่น่ะสิ”
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ดุดันและป่าเถื่อน”
เขาจงใจพูดให้หล่อนหวาดกลัว หล่อนรู้ดี
ทรายทองก้มหน้า มือทั้งสองข้างที่ประสานกันที่หน้าขาบีบกันแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาในอุ้งมือไม่หยุด จนมันเปียกชื่น
หล่อนควรจะตัดใจจากเมธวัฒน์ซะ เพราะเขาเกลียดหล่อนเหลือเกิน แต่กลับทำไม่ได้ คงต้องยอมเจ็บยอมปวดแบบนี้ไปตลอดชีวิต
“ดูพูดเข้า น้องก็กลัวแย่น่ะสิ”
เสียงหัวเราะเลือดเย็นดังไม่ใกล้นัก มันทำให้หล่อนสะท้านไปทั้งตัว
“ผมไม่ได้ต้องการให้กลัว แต่ผมแค่บอกความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้รู้เท่านั้นแหละครับ จะได้ไม่ต้องมีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับผมอีก”
เขาจ้องหน้าหล่อนในจังหวะที่หล่อนเงยหน้าขึ้นพอดี ไฟร้ายในดวงตาของเมธวัฒน์ทำให้หล่อนตื่นกลัว หล่อนรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง ปากอิ่มสั่นระริก
หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของเขาอีกครั้ง
“ผมขอตัวนะครับคุณแม่ ไว้เจอกันมื้อค่ำ”
“จะไปไหนก็ไปไหนเถอะ”
คุณหญิงเมธาวีรีบโบกมือไล่ เมื่อเห็นทรายทองจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
ร่างสูงใหญ่ของเมธวัฒน์เดินหายออกไปแล้ว คุณหญิงเมธาวีจึงหันมาพูดกับหล่อน
“อย่าไปถือสาอะไรตาเมธเลยนะหนูทราย”
“เอ่อ... ทรายไม่บังอาจถือสาอะไรคุณเมธหรอกค่ะคุณหญิง”
หล่อนฝืนยิ้ม และเดินไปทรุดตัวคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ กับหญิงสูงวัย
“ทรายรักและเทิดทูนคุณหญิงยังไง ทรายก็จะรักแล้วเทิดทูนคุณเมธแบบเดียวกันค่ะ”
คุณเมธาวีมองเด็กสาวอย่างเอ็นดูเป็นที่สุด เด็กคนนี้แหละที่หล่อนอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้
“ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันเห็นหนูทราย ฉันก็รู้สึกรักและเมตตาหนูทรายอย่างประหลาด และยิ่งได้มาอยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ ฉันก็ยิ่งไม่อยากปล่อยหนูทรายให้หลุดมือไปไหน แม่แช่มช่างมีบุญนักที่มีลูกสาวน่ารักอย่างหนูทราย”