4
“คนเคยรู้จักนะอร ไม่เจอกันหลายปีแล้วล่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่นะที่รัก” จักรธรตอบ พลางโอบแขนรอบไหล่เนียนไล้นิ้วร้อนบนไหล่ศิริอร มุมปากหนาหยัดยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นเปล่งประกายเยาะเย้ย จาบจ้วง แต่เร่าร้อนขณะมองดูลินิน
“แล้วเจอกันนะน้องนิล ถึงเธอหนีไปจนสุดหล้า พี่ก็จะตามหาเธอจนเจอนั่นแหละ” จักรธรกระซิบข้างหูลินิน ขณะเดินผ่านหน้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ลินินยกมือแตะใบหู รู้สึกเหมือนลมหายใจของจักรธรยังคงเป่ารด หญิงสาวทรุดตัวลงกองกับพื้นหน้าห้องน้ำ เนื้อตัวสั่นระริก เหงื่อแตกซิก เย็นวาบไปทั้งร่างกาย หายใจแผ่วเบา
“นิล...นิลเป็นอะไรบอกพี่สิ นิล...นิล...” ปลาดาวเขย่าตัวลินินหลังจากที่ตามหาตัวน้องสาวจนพบ แต่ก็น่าแปลกที่ลินินตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง นั่งเอนตัวพิงผนังห้องน้ำ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเหม่อลอย หายใจแผ่วเบา ตัวสั่นระริกเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่างและรุนแรงจนอาการเก่ากำเริบ
‘จักรธรหรือ ไม่ใช่น่า ไอ้บ้านั่นจะมาที่นี่ได้ยังไงกัน ไม่ใช่...เป็นไปไม่ได้ ก็คุณหญิงส่งจักรธรไปอยู่ต่างประเทศแล้วนี่น่า’
“ลุกขึ้นเถอะนิล พี่จะพาเธอกลับบ้าน”
ปลาดาวประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของลินินไปที่รถ รีบพาน้องสาวกลับทันที
ปลาดาวประคองลินินเข้าห้องอย่างทุลักทุเล เธอวางร่างน้องสาวลงบนเตียงก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดใบหน้าและร่างกายให้น้องสาว
“นิลจ๋า กินยาก่อนนะจ๊ะคนดี”
ลินินลืมตาขึ้นเล็กน้อย รับยาจากมือปลาดาวใส่ปากและหลับตาลงอีกครั้ง แต่ไม่ยอมปล่อยมือจากพี่สาว
ปลาดาวทรุดตัวลงนอนกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน ไล้ปลายนิ้วไปบนใบหน้ารูปหัวใจที่ซีดเผือด ถึงจะหลับแต่ขนตายังกระดิกสองแขนกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย จากวันนั้นถึงตอนนี้ก็สองวันเข้าไปแล้วที่ลินินยังไม่เป็นปกติ “นิลวันนั้นเจอ...”
ปลาดาวมองลินินที่นั่งเหม่อลอยบนโซฟาอย่างเป็นห่วง วันนี้เธอจะต้องเริ่มงานการแก้แค้นให้กับแพรวดี แต่น้องสาวเป็นแบบนี้จะให้เธอมีใจไปทำงานได้ยังไงกัน ครั้นจะไม่ไปก็ไม่ได้อีก เพราะเธอรับงานและรับเงินมาแล้วด้วย
“นิลไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่ปลาไปทำงานเถอะ นิลอยู่ได้” ลินินบอกพี่สาวเสียงแผ่วๆ “พี่ปลาทำงานให้สำเร็จนะคะ นิลจะรอฟังข่าวดี” เธอส่งยิ้มให้กำลังใจพี่สาว
“จ๊ะ พี่จะทำให้สำเร็จ” ปลาดาวรับปากทั้งที่ยังสองจิตสองใจ เธอจะไปทำงานดีหรือเปล่า แต่ก็พยักหน้ารับและรีบเดินเข้าไปเก็บของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง หยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซด์คันโปรดก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องอย่างมั่นใจ
ปลาดาวยื่นมือไปเรียวจับลูกบิดประตูห้องแล้ว แต่ก็เหลียวกลับมามองลินินที่มองเธอพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจอยู่เช่นกัน ทำให้ใจชื้นขึ้นมา
“สู้ๆ ค่ะพี่ปลา นิลจะรอฟังข่าวดีจากพี่นะคะ”
ปลาดาวเดินเข้าห้องพักที่แพรวดีจองไว้ให้ เธอรีบแปลงโฉม โดยเริ่มจากการถอดชุดเก่าออกไป หยิบหมอนใบเล็กประกบไว้ที่ท้องพันด้วยผ้ากอซ ยื่นมือไปหยิบชุดแซกสายเดี่ยวสีแดงเพลิงออกจากกระเป๋า สะบัดสองสามครั้งตัวผ้าก็ฟื้นตัวใส่ได้ทันที เธอปล่อยผมที่ทำสี จากผมสีดำมาเป็นน้ำตาลจากหมวกแก๊ปสีดำ หยิบที่หนีบผมมาหนีบให้เข้าทรงอีกครั้ง
หญิงสาวบรรจงแต่งหน้าเพื่อกลบร่องรอยของตัวเอง จากใครก็ตามที่จะติดตามหาเธอเมื่อจบจากเรื่องนี้ไป ปลาดาวหยิบคอนแท็กเลนส์สีน้ำตาลเหมือนเส้นผมที่เตรียมไว้มาใส่อีกชั้นเพื่อความแน่นอน
“ทีนี้ก็เหลือแต่รองเท้าสีเดียวกับชุด ก็เป็นอันเรียบร้อย” ปลาดาวสวมรองเท้าสีแดงเช่นเดียวกับตัวเสื้อแล้วมองดูตัวเองในกระจก เธอหมุนกายซ้ายขวาพร้อมรอยยิ้มแต้มใบหน้า
“เธอนี่เก่งจริงๆ ปลาดาว” หญิงสาวเอ่ยชมตัวเอง ใครจะคิดล่ะว่าเธอจะเปลี่ยนจากสาวห้าวเป็นสาวสวย เซ็กซี่ได้ เพียงแค่หยิบผ้าพันคอและกระเป๋าใบเล็กมาถือไว้ เธอก็พร้อมจะไปยังห้องจัดเลี้ยง
ปลาดาวหยิบบัตรเชิญในกระเป๋ายื่นให้พนักงานแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง หามุมยืนที่เหมาะสมดูเหตุการณ์ในงานก่อนที่จะลงมือป่วนงานในวันนี้
ปลาดาวมองไปรอบบริเวณจัดเลี้ยง สายตาปะทะเข้ากับแววตาเปล่งประกายดุดันดุจพญาเหยี่ยวของผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของแพรวดีพอดี แวบหนึ่งที่เธอรู้สึกเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความเร่าร้อนรุนแรงจนแทบจะถอนสายตาจากใบหน้าคมแทบไม่ทัน ใจเต้นแรงรัวและเร็วราวกับจะทะลุออกมานอกอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมที่ประสานสายตากับโยชิเธอจะต้องมีอาการแปลกๆ ทุกครั้งไป
เสียงประกาศบอกให้รู้ว่าขณะนี้ใกล้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีที่ได้กำหนดไว้ ฝ่ายชายสวมแหวนหมั้นแหวนเพชร 9 กะรัตให้แก่ผู้หญิงที่โชคดีได้เป็นภรรยาของโยชิ แสงสาธรหนุ่มหล่อและร่ำรวย เป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่เกือบทั้งประเทศ
ปลาดาวขยับเข้าไปใกล้ จนเห็นแหวนหมั้นวงขนาดกะทัดรัดอย่างชัดเจน รอยยิ้มมาดหมายผุดขึ้นบนมุมปาก เพียงแค่โยชิเริ่มหยิบแหวนหมั้นจากนายผอมแห้งคนหนึ่งที่ส่งให้ เธอก็กรีดร้องจนดังลั่นทั่วงาน
“กรี๊ด! พี่โยชิพี่ทำแบบนี้กับโรซี่ได้ไงคะ พี่ทิ้งให้โรซี่คอยอยู่ที่บ้านส่วนพี่กลับมาหมั้นกับนังผู้หญิงคนนี้ พี่ทำกับน้องและลูกของเราได้ยังไงกันคะ ฮือๆ ” ปลาดาวใส่อารมณ์เต็มที่ ร้องไห้เสียงดังแปดปลอด พลางปาดน้ำตาไหลอาบแก้มจนเกือบจะลบแป้งที่ทาเอาไว้จนหมดสิ้น เธอรีบเข้าไปทุบตีกายโยชิแรงๆ
โยชิตะลึงงัน เขามองสาวที่มีน้ำตาคลอเบ้า หากประกายในดวงตากลับบ่งบอกว่าเธอสนุกและสะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เสียงร้องโหยหวนจากปากสีแดงคู่นั้นยังไม่หายไปก็มีอีกหนึ่งเสียงดังแทรกเข้ามา
“กรี๊ด!”
เสียงของผู้หญิงที่กำลังจะเป็นคู่หมั้นของเขาดังตามมาอีกระรอกก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เมื่อแพรวดีเป็นลมล้มพับลงใกล้ๆ โดยที่บิดาและมารดาของหญิงสาวรับตัวเอาไว้ได้ทัน
“ผมว่าคุณจัดการเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะครับคุณโยชิ ส่วนเรื่องของคุณกับลูกสาวผม เราค่อยมาตกลงกันใหม่” บิดาของแพรวดีบอกก่อนจะพาร่างหมดสติของบุตรสาวเดินออกไปจากงาน
โยชิตวัดสายตาคมดุมองไปยังร่างบางในชุดสีแดงเพลิงที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่บนใบหน้ากลับยิ้มสมน้ำหน้าและสาสมใจปนอยู่ด้วย
ใบหน้าโยชิที่เรียบเฉยอยู่ขณะนี้เหมือนกับถูกหน้ากากแห่งความเย็นครอบอยู่ ชายหนุ่มขบกัดฟันจนแก้มขึ้นสัน ตวัดสายตาราวกับมีพายุเพลิงมองกราดไปหาทุกคนในงาน ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับเคลือบน้ำแข็งถามหญิงที่เข้ามาป่วนงานเขา
“เธอเป็นใคร ทำไมต้องมาทำลายงานหมั้นของฉันด้วย” โยชิถามเสียงแข็งกร้าว ดวงตาคมดุมองไปยังหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงราวกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุลในพริบตา
ในแววตาคู่นั้นแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ทำปลาดาวรู้สึกหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ แววตาที่บอกเธอว่า...
เขาจะตามล่าค้นหา ไม่ว่าจะหลบลี้อยู่แห่งหนไหน ต่อให้มีทะเลขวางกั้นภูเขาขวางหน้า เขาจะตามหาตัวเธอจนเจอ เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์จากเขาอย่างสาสมกับความผิดที่ได้กระทำในวันนี้
“พี่โยชิพูดแบบนี้กับโรซี่ได้ไงกันคะ พี่ก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทำไม พี่ถึงทำ...อือๆ ทำไมพี่ถึงทำกับโรซี่แบบนี้ ไม่รักกันก็ไม่ว่า แต่ทำไมต้องหลอกลวงให้ความหวัง แล้วกลับมาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นด้วย โรซี่ทำผิดอะไรคะ ทำไม...”
ปลาดาวยังคงแสดงละครว่าเป็นคนรักของโยชิต่อไป เธอต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนจับคำพูดแทบไม่ได้ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม แต่แววตาที่มองกลับสะใจและสาสมใจที่สามารถทำลายงานหมั้นในเช้าวันนี้ได้
เมื่อเห็นว่ามีคนกันตัวแพรวดีออกไปจากห้องจัดเลี้ยงแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำตัวให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าโยชิและคนของเขาจะเก่งแค่ไหน ก็ตามหาตัวไม่เจอ...แน่นอน
“ฮือๆ พี่โยชิใจร้าย”
เพี๊ยะ!