EP7 - เหมือนเราเคยรักกัน

1411 Words
7 - เหมือนเราเคยรักกัน ทางด้านทิมเบอร์ ตรี๊ดด... ผมต่อสายหาพี่แพลงตอนเพื่อให้พี่เขาเข้ามาร่วมแผนการนี้ ผมตกลงกับพี่เขาไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เขากำลังไปเตรียมการอยู่ที่ที่พี่เขาอยู่มาทั้งชีวิต ที่บ้านไม่ก็สถาบันดนตรีที่พี่เขาชอบไปซ้อมเสมอ ผมรอสายพักหนึ่งกว่าพี่เขาจะรับสายเกือบหลุดไปแล้ว “ไงครับทิมเบอร์” “ผมได้ยินว่าพ่อแม่เขาจะย้ายพี่เมธัสไปอยู่บ้านหลังนั้นด้วยกัน” รอบก่อนผมได้เจอกับพ่อแม่ของพี่บอนไซแล้ว ตอนแรกผมคิดว่าทุกอย่างปกติแต่ไม่ใช่เลย มันกลับมีความลับบางอย่างซ่อนไว้โดยที่ทุกคนไม่รู้ ตอนนี้ผมให้พี่แพลงตอนมาช่วยรับมืออีกคน เห็นว่าพี่เขาเล่นดนตรีได้และการดึงมาร่วมมือเพราะเห็นว่าพี่เคยทำดนตรีบำบัดมาก่อน ผมหวังว่าเคสนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง แม้พี่เขาไม่ใช่หมอแต่เข้ามาทำทุกอย่างให้เนียนขึ้นก็ยังดี “พี่ว่าสองคนนี้อาจจะรักกันดีไม่น่าเลิกกันนะ” “บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา ความไม่ลงรอยต่างคนต่างนิสัยก็ได้ครับ ถ้าพ่อแม่เขากีดกันคงไม่ใช่เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครรู้เรื่องเลย เหมือนแอบคบกันลับ ๆ ไม่มีใครรู้ รู้กันแค่สองคน” ความสัมพันธ์ที่รู้กันสองคนถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะไม่มีคนนอกมาทำลายความสัมพันธ์ แต่ว่าถ้าวันหนึ่งเกิดปัญหาความรักแล้วใครจะช่วยมันได้ล่ะ แต่ว่าพ่อแม่พวกเขาไปรู้กันตอนไหน “มันก็เป็นเรื่องดีนะที่น้องรู้จักคน ๆ หนึ่งแล้วรู้สึกดีต่อกัน แต่ว่าเรื่องนี้มันอันตรายเกินไปไหม...” ผมแนะนำทิมเบอร์ว่าถ้าอยากให้ทุกอย่างราบรื่นอย่าออกตัวแรงเกินไป หากพวกเขาเป็นคนร้ายในชีวิตจริง ตอนนี้กำลังวางแผนเพื่อจัดการพวกเราอยู่เป็นความลับ ไม่แฝงตัวจนกว่าทุกอย่างจะทำให้เหยื่อหลายคนตายใจ “ผมพยายามช่วยพี่เขาอยู่นะครับ” “ถ้าอย่างนั้นพี่จะเข้าไปอีกแรง และอีกเรื่องคือมันมีอะไรที่พี่ยังไม่รู้อีกไหม” ผมว่าผมยังรู้ความจริงไม่หมด ผมถามจากทิมเบอร์อีกทีเพราะน้องเขารู้หลายเรื่องไม่ยอมบอกผมก็ได้ นอกจากผมจะอยู่ในแผนการ ยังเอาเพื่อนของทิมเบอร์และพี่สาวเข้าไปอีกคน ผมว่าเรื่องนี้ทำเป็นกระบวนการ มิจฉาชีพหลอกมิจฉาชีพด้วยกัน ผมคิดดีหรือเปล่าเอาหน้าที่ตัวเองดี ๆ แล้วมาแหย่ขาเข้าตารางไปอีกคน “พี่เข้าใจละ งั้นพี่จะเข้าไปตามวันเวลาที่นัดแล้วกัน” ผมตกลงกับทิมเบอร์เสร็จแล้ว ผมจะไปซ้อมไวโอลินก่อนสอนร่วมกับเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกัน สิ่งที่ผมทำอย่างมีความสุขมันก็ดีอยู่แล้ว แล้วการที่ผมเข้าไปร่วมมือกับทิมเบอร์ตามความต้องการของเขา วางแผนขนาดนี้เกิดเกมโอเวอร์ขึ้นมาผมและทุกคนไม่ย้ายที่อยู่ใหม่ไปที่แคบกว่าเดิมเหรอ ผมอยากให้น้องเขาคิดใหม่ มาเรียนดนตรีแล้วอยากเรียนวิชาโจรกรรมเป็นคอร์สเสริมไปด้วยทำไม “ทิมเบอร์...” “พี่ชบาไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ไม่ได้ทำใครเดือดร้อนแทบตายแล้วไม่รับผิดชอบ ผมเชื่อว่าพี่ทั้งสองพร้อมให้อภัย พี่ไม่ต้องกลัวนะครับ ถึงผมจะเป็นเด็กแต่ผมช่วยอะไรได้ระดับหนึ่งเลยนะครับ” ผมไม่อยากให้พี่ชบาคิดมาก ความผิดในเรื่องที่ไม่ควรเกิด ผมเชื่อว่าพี่ทั้งสองคนต้องให้อภัยในสักวัน ช่วงแรกอาจจะไม่เข้าใจเพราะคงไม่มีใครอยากให้ตัวเองบาดเจ็บจนชีวิตพัง การยอมรับความจริงของคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากในช่วงแรก แต่ใช่ว่าจะแก้มันไม่ได้สักหน่อย รอทุกอย่างกลับมาเข้าที่แค่นี้ก็พอแล้ว “พี่บอกผมเสมอว่าถ้าทำอะไรใครไว้ต้องรับผิดชอบ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่น่าใช้คำว่าขอโทษแล้วจบ” “มันก็ใช่ แต่พี่ว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับทิมเบอร์” “ผมอยากให้พวกเขาได้บทเรียนชีวิตอย่างสาสมครับ” ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องหลายคนเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงผมด้วย ผมพอรู้มาสักพักแล้วว่าพ่อแม่ของบอนไซกำลังคิดจะทำอะไร เห็นภายนอกเหมือนคนดีแต่บางทีอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้ ผมถึงชะล่าใจและยอมแพ้คิดว่าเป็นเรื่องปกติทั้งที่อยู่ในดงอันตรายได้ยังไง “ผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเราแน่นอนครับ” ปกติคนอื่นจะมีคำพูดปลอบโยนความรู้สึกเวลาร้อนใจเพราะคำพูดนี่แหละคือยาสร้างกำลังใจในเวลาโหดร้ายให้ผ่านไปได้ดี แต่สำหรับบ้านผม ผมมีอาหารอย่างหนึ่งเวลาไม่สบายใจผมก็มากินได้เสมอ เพราะพี่ทำอร่อยและเคยขายมาก่อน มันคือผัดไทยกุ้งสดของโปรดที่ผมชอบรองลงมาจากสปาเกตตี้ “กินเยอะ ๆ นะครับพี่ กำลังใจจะได้มามากขึ้น” ผมกับพี่ชบาเวลามีปัญหาทางใจจะชอบมาเปิดอกคุยกันและกินผัดไทยกุ้งสดไม่ใส่ถั่วงอกเหมือนกัน อาหารเหล่านี้ถือว่าหากินได้ง่ายเหมือนอาหารตามสั่ง นอกจากเป็นเมนูโปรดแล้วยังเป็นเมนูทางใจที่ดีที่สุดด้วย หลังจากนี้ผมจะขอให้เมนูนี้ช่วยเยียวยาทางใจทำทุกอย่างดีขึ้นก็ยังดี วันต่อมา ติ๊งนิง ๆ ๆ คิวบิกนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับริต้า ผมได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเดินทางมาถึงแล้ว ผมลุกไปส่องที่หน้าต่างฝั่งห้องนั่งเล่นก่อนถึงประตูทางเข้าออก แง้มดูผ้าม่านพบว่ามากันหลายคน ดีหน่อยผมจะได้รับแขกทีเดียวพร้อมกันไปเลย “น้องหน้าคุ้น ๆ มากเลย” เมธัสเห็นหน้าเด็กคนหนึ่งแล้ว ผมคุ้นตามากเหมือนเคยเจอกันมาก่อน ผมมองดูรองเท้าผ้าใบที่น้องใส่มา มันเหมือนรองเท้าที่ผมถือวันนั้นเลย แสดงว่ารองเท้าคู่นี้ต้องเป็นของน้องตรงหน้าแน่นอน ว่าแต่น้องไปตามหาอีกข้างเจอที่ไหนถึงใส่มันออกมาได้อีกครั้ง “ผมทิมเบอร์ไงครับ” “พี่พอจะจำได้แล้วล่ะ คนที่มาหาพี่วันนั้นแล้วบอกรู้จักและสนิทกับพี่ด้วย พี่พอจะนึกออกแล้ว” ผมเห็นเด็กคนนี้มาพร้อมกับเพื่อนอีกคน ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อาจจะเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็ได้ ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรมากแต่ว่าทำไมวันนี้น้องเขาถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ที่บ้านของคนแปลกหน้าแต่คุ้นตาผมใช้ได้เลย “สวัสดีทุกคน...” เมธัสเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมา ผู้ชายหน้าโหดในสายตาผมเล็กน้อยหน้าตาดูไม่มิตรแต่ความใจดีสวนทางกับการกระทำมาก เขาเชิญทุกคนเข้ามาในบ้าน ผมเดินเข้ามาในบ้านพบกับผู้ชายคนหนึ่ง ผมคิดว่านั่นคือลูกชายเขา ว่าแต่คนตรงหน้าทำไมคุ้นตาผมมากเลย ทั้งหน้าตาน้ำเสียงและตัวตนบางอย่าง เมื่อผมได้ยินมัน ความรู้สึกบางอย่างลอยเข้ามาเหมือนเศษความทรงจำบางอย่างปลุกให้ผมตื่นตัวและพร้อมรับคนตรงหน้าว่าผมเคยรักกันมาก่อน ผมไม่รู้อะไรมากแต่ความรู้สึกกำลังตะโกนบอกผมดังขึ้นกว่าเดิม “พ่อครับ คนนี้เขาเป็นใคร ผมคุ้นหน้ามากเลย...” บอนไซพูดขึ้นเพราะผมคุ้นตาผู้ชายตรงหน้ามากกว่าเดิม แต่ผมนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร งั้นผมขอให้เขาอยู่ในบ้านของผมไปสักพักหนึ่งก่อน ผมจะได้ทำความรู้จักกว่าเขาเป็นใครมาจากไหนเผื่อความคุ้นเคยจะอะไรผมได้ “เมธัสไง...”

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD