“ทำไมวันนี้น้าพุดกรองถึงอยู่บ้านได้ล่ะคะ ไม่ได้ออกไปไหนอย่างนั้นเหรอ...”เกวลินถามน้าสาวระหว่างที่ช่วยกันเก็บจานชามไปล้างในครัว หลังจากที่ทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว
“ไม่...น้าไม่ค่อยสบายนิดหน่อย...” นางพุดกรองแสร้งทำสีหน้าเศร้าเพื่อหวังให้หญิงสาวสงสารตน
“อ้าว...ไม่สบายทำไมไม่บอกพี่ล่ะ แล้วนี่หายากินแล้วหรือยังเนี่ย...” นางเกศแก้วพูดถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“ฉันกินแล้ว...พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...”
พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยมีสายตาของเกวลินหลานสาวมองตามไปอย่างไม่วางตา
“แม่...น้าพุดกรองเค้าเป็นอะไรน่ะ เค้าไม่สบายจริงรึว่าแกล้งทำน่ะแม่...” เกวลินพูดบอกออกมาด้วยความสงสัย
“ตายแล้วยัยเกว...ทำไมถึงพูดว่าน้าพุดกรองเค้าจะแกล้งไม่สบายล่ะลูก ไม่เอา คิดแบบนี้ไม่ดีนะ” คนเป็นแม่เอ็ดเข้าให้
“แหมแม่ก็...แล้วจะให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงล่ะ ไม่สบายทีไรบ้านเราเสียเงินทุกที พอได้เงินปุ๊บไข้ก็หายปั๊บเลย แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะแม่ว่าคราวนี้เกวไม่ให้ ขอย้ำว่าไม่ให้ค่ะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับร้องตะโกนออกมาดังๆ หวังให้คนเป็นน้าได้ยิน และความหวังของเกวลินก็เป็นจริงเมื่อนางพุดกรองนั้นได้ยินทุกคำพูดของหลานสาว
“นังเด็กอวดดี! ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คอยดู! ฉันจะทำให้พวกแกเจ็บจนกระอักออกมาเป็นเลือดให้ได้เลยคอยดูก็แล้วกัน!!”
นางพุดกรองกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่นางจะต้องระงับอารมณ์นี้ให้สงบลงให้ได้ เพื่องานใหญ่ที่คิดจะทำในวันข้างหน้า ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อให้พ้นรัศมีของการได้ยิน
“ยัยเกว...”คนเป็นแม่ร้องเรียกชื่อลูกสาวด้วยความอ่อนใจ เกวลินมองสบตาคนเป็นแม่แล้วพูดว่า
“เกวพูดจริงๆ นะแม่ คราวนี้เกวไม่ใช้หนี้ให้กับน้าพุดกรองแล้ว มันมีความจำเป็นอะไรที่บ้านเราจะต้องมาใช้หนี้ให้กับคนอื่นด้วยล่ะ พวกเราไปติดหนี้น้าพุดกรองเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหลืออด นางเกศแก้วถึงกับสะท้อนขึ้นมาในอก เพราะเรื่องของนางถึงทำให้ลูกสาวต้องมานั่งรับผิดชอบเรื่องแบบนี้ด้วย
“เกวกับพ่อไม่ได้เป็นหนี้น้าเค้าหรอกจ้ะ แต่แม่เอง...แม่เองที่เป็นหนี้น้าพุดกรองเค้า...”
นางเกศแก้วบอกสูกสาวออกมาเสียงสะอื้น เกวลินตกใจกับอาการของคนเป็นแม่ หญิงสาวรีบล้างมือที่เปื้อนน้ำยาล้างจานออกแทบจะทันที
“แม่!...แม่จ๋า...แม่เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม...”
มือเรียวปาดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาออกอย่างเบามือให้กับคนเป็นแม่ นางเกศแก้วยิ้มสะอื้นให้กับสิ่งที่ลูกสาวทำ
“แม่ร้องไห้เพราะเกวเหรอคะ เกวขอโทษ...” หญิงสาวพูดบอกออกมาเสียงเครือเช่นกัน
“เปล่าจ้ะ ไม่ใช่เพราะเกวหรอก แม่แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่เคยติดหนี้น้าพุดกรองเค้าน่ะจ้ะ”
นางเกศแก้วบอกลูกสาวออกไปในที่สุด เกวลินมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าสิ่งที่นางเกศแก้วพูดว่าติดหนี้ผู้เป็นน้าจะเป็นเรื่องจริง
“แม่ติดหนี้น้าพุดกรองเหรอคะ...”
หญิงสาวทวนคำซ้ำ มองใบหน้าเศร้าของคนเป็นแม่ก็ให้นึกสงสาร แม่ของเธอคงจะเป็นทุกข์มากกับเรื่องนี้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าหากหนี้ที่ติดค้างกับน้าพุดกรองเป็นเรื่องเงินแล้วละก็เธอนี่แหละจะชดใช้แทนแม่ของเธอเอง แต่จะนับไปแล้วครอบครัวเธอก็ใช้หนี้พนันให้กับน้าสาวมามากแล้วเหมือนกัน คิดรวมเงินทั้งหมดที่เสียไปก็ร่วมสามแสนบาทเข้าไปแล้ว
“ไม่เป็นไรแม่...แม่ติดหนี้น้าพุดกรองเค้าเท่าไหร่เดี๋ยวเกวจะเป็นคนชดใช้คืนให้กับเค้าเอง...” หญิงสาวพูดบอกออกมาจากใจจริง แต่นางเกศแก้วกลับส่ายหน้าแล้วพูดออกมาทั้งน้ำตา
“ใช้ไม่หมดหรอกลูก...” นางพูดบอกเสียงสะอื้น
“ทำไมล่ะแม่ มันมากมายถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เกวลินถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“มากจนเกวนึกไม่ถึงเลยล่ะลูก..เพราะว่ามันเป็นหนี้ชีวิต.!”
เสียงที่พูดกับหญิงสาวออกมานั้นคือเสียงของนายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นพ่อ เค้ายืนฟังการสนทนาของสองแม่ลูกอยู่พักใหญ่แล้ว ก่อนจะตัดสินใจบอกลูกสาวออกมาแทนคนเป็นแม่ เพราะดูท่าแล้วจะยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบยี่สิบสามปีแล้วก็ตาม
“พ่อ!...” นางเกศแก้วครางเสียงแผ่ว
“หนี้ชีวิต...” เกวลินพูดพึมพำออกมา
“ใช่ลูก...พวกเราเป็นหนี้ชีวิตน้าพุดกรองเค้า...!”
คนเป็นพ่อพูดบอกน้ำเสียงหนัก มองหน้าลูกสาวคนเดียวที่กำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วเกวอยากรู้มั้ยล่ะว่าทำไมพ่อถึงบอกว่าพวกเราเป็นหนี้ชีวิตของน้าพุดกรองเค้า” นายพงษ์ศักดิ์พูดบอกลูกสาวเสียงเศร้า
“อยากค่ะ...เกวอยากรู้มาก...” หญิงสาวพูดบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อแทบจะทันที
“พ่อคะแม่ว่า...” นางเกศแก้วหมายจะพูดห้ามคนเป็นสามี
“ความลับไม่มีในโลกหรอกนะแม่แก้ว ลูกไม่รู้วันนี้วันหน้าก็ต้องรู้อยู่ดี”
นายพงษ์ศักดิ์พูดออกมาเสียงเรียบ นางเกศแก้วพยักหน้าให้อย่างยอมจำนน ก่อนที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกจะเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะรับแขกของบ้าน
“จริงๆ แล้วพ่อเองก็คิดจะเล่าเรื่องนี้ให้เกวฟังมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ก็ติดที่แม่เค้าขอไว้ แต่วันนี้เห็นที่จะต้องพูดให้ลูกรู้สักทีว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องชดใช้หนี้ให้กับน้าพุดกรองเค้าอยู่ตลอดเวลา เกวตั้งใจฟังพ่อให้ดีๆ นะ” นายพงษ์ศักดิ์พูดบอกพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา
“เมื่อก่อนพ่อเคยจีบน้าพุดกรองเค้ามาก่อน”
“หา!...” เกวลินร้องขึ้น แต่ก็ยอมเป็นผู้ฟังที่ดี นั่งฟังสิ่งที่คนเป็นพ่อกำลังจะพูดต่อ
“ใช่...เกวฟังไม่ผิดหรอกลูก แต่ตอนนั้นน้าพุดกรองเค้ามีคนมาจีบเยอะ พ่อก็เลยอด แต่เพราะความรักที่ไม่สมหวังในครั้งนั้นพ่อถึงได้มาเจอกับแม่แก้วของเกวยังไงล่ะ น้าพุดกรองเค้าก็ได้วิชัยเพื่อนของพ่อมาเป็นแฟน เรื่องมันก็ดูจะไม่มีอะไรที่จะทำให้ครอบครัวของเราต้องมาเป็นหนี้ของน้าพุดกรองเค้าได้เลยใช่มั้ย ใช่...พวกเราไม่ควรจะเป็นหนี้เค้าถ้าหากวันนั้นพ่อไม่ชวนวิชัยกับพุดกรองไปเที่ยวล่องแพกับพวกเราทั้งๆ ที่อีกแค่สองอาทิตย์วิชัยกับพุดกรองก็จะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว แต่เพราะพ่ออยากจะฉลองที่พวกเรากำลังจะมีเกวพ่อก็เลยคะยั้นคะยอให้คนทั้งคู่มากับเราด้วยกัน”
พงษ์ศักดิ์หยุดพูดเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น นางเกศแก้วเอื้อมมือมาบีบกุมมือสามีเอาไว้อย่างปลอบใจ นายพงษ์ศักดิ์ยิ้มให้กับภรรยานิดนึงก่อนพยักหน้าแล้วพูดต่อ
“พ่อกับแม่มีความสุขมาก พ่อดื่มหนักจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ด้วยความคึกคะนองพ่อลงไปเล่นน้ำทั้งๆ ที่ตัวเองเมามาก ทุกๆ คนต่างห้ามพ่อแล้วแต่พ่อก็ไม่ฟัง หนำซ้ำยังว่ายน้ำห่างจากแพออกไปอีก แล้วพ่อก็เป็นตะคริวว่ายน้ำไม่ไหว พ่อพยายามร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยิน มีเพียงแม่ของเกวเท่านั้นลูกที่คอยมองดูพ่ออยู่เรื่อยๆ ก่อนจะร้องเรียกให้คนช่วย แต่ตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้วคนอื่นๆ เค้าก็พากันนอนหลับกันเกือบหมดแล้ว เหลือก็แต่กลุ่มของพ่อเท่านั้น”คนเป็นพ่อพูดพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่เกวเค้าตกใจมากรีบกระโดดลงมาช่วยพ่อทั้งๆ ที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น วิชัยเพื่อนพ่อเค้ารีบกระโดดลงมาช่วยแม่แก้วกับเกวทั้งที่ตัวเองก็เมาเหมือนกันกับพ่อเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย แล้วรีบว่ายน้ำมาช่วยพ่อเอาไว้ต่อ ตอนนั้นพ่อคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วล่ะ ต้องตายแน่ๆ เพราะว่าพ่อเริ่มจมดิ่งลงใต้ผิวน้ำไปแล้ว แต่วิชัยก็ตามลงมาดึงมือพ่อเอาไว้แล้วดันตัวของพ่อให้ขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำได้ และพาพ่อมาเกาะที่ขอบแพที่ใกล้ที่สุดพ่อถึงได้รอดตายมาได้ แต่ตัวของวิชัยกลับเป็นฝ่ายที่จมน้ำไปเสียเอง...” นายพงษ์ศักดิ์หยุดพูด ดวงตาแดงรื้นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่คลอหน่วยเมื่อนึกถึงเพื่อนรัก ก่อนจะพูดต่อ
“น้าพุดกรองของลูกแทบไม่เป็นผู้เป็นคน อะไรก็ตามที่จะทำให้ลืมวิชัยได้แม่พุดกรองทำหมด ทุกอย่างที่เค้าทำเหมือนกับประชดชีวิต เค้าประชดทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งการแต่งงาน...”
“พ่ออย่าบอกนะคะว่าน้าพุดกรองยอมแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักน่ะ” เกวลินถามออกไปอย่างคาดเดา
“ใช่...พุดกรองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และก็ไม่มีใครอยู่ด้วยได้...ผู้ชายทุกคนที่พุดกรองเค้าแต่งงานด้วยไม่สามารถทนอยู่ด้วยได้สักคน พออยู่ไม่ได้ก็หย่า แล้วพุดกรองเค้าก็แต่งงานใหม่ แล้วก็หย่าอีก ชีวิตคู่ถ้าไม่ได้รักกันแล้วมันจะอยู่ด้วยกันรอดเหรอลูก จนมาถึงคุณเสกสรรค์พ่อกับแม่ก็นึกว่าพุดกรองเค้าจะพบกับคนที่ใช่สำหรับเค้าแล้ว แต่ก็เปล่าเลย มันกลับหนักยิ่งกว่าเก่า”คนเป็นพ่อหยุดพูดไปชั่วขณะพลางสบสายตากับลูกสาว
“คุณเสกสรรเค้าเป็นนักพนันแล้วเค้าก็พาพุดกรองไปเข้าบ่อนด้วย น้าของลูกก็เลยรู้จักบ่อนพนันตั้งแต่นั้นแหละ พอเลิกกันก็กลับไปอยู่กับคุณตาคุณยาย เมื่อท่านทั้งสองสิ้นพุดกรองก็ไม่มีใครนอกจากแม่ของเกว สมบัติมีเท่าไหร่แม่พุดกรองก็ผลาญหมด พวกเราไม่เอาทรัพย์มรดกของคุณตาคุณยายมาสักชิ้นเพราะว่าพุดกรองเค้าไม่ให้ บ้านเราก็ไม่เอาเพราะถือว่าจะได้ชดใช้ให้กับเค้าไป แต่ในที่สุดแม่พุดกรองเค้าก็กลับมาหาพวกเราเพราะว่าหมดตัวจนได้ เค้าอยากให้พ่อกับแม่ชดใช้ให้กับเค้าลูก พุดกรองเค้ายังโทษว่าครอบครัวเราทำให้ชีวิตเค้าต้องพังพินาศลงอยู่ทุกวันนี้”
“แต่พ่อคะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ แล้วมันก็ไม่มีใครอยากให้เกิดเลยนี่คะพ่อ ที่ชีวิตน้าพุดกรองเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเค้าทำตัวเองทั้งหมดต่างหากละ...ไม่ใช่เพราะพวกเรา” เกวลินพูดแย้ง
“แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะความประมาทของพ่อที่ทำให้เกิดความสูญเสีย...ชีวิตหนึ่งที่เสียไป...แลกกับสามชีวิตให้ปลอดภัย.ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ บ้านของเราคงไม่ต้องมาเดือดร้อนอยู่แบบนี้..”
“โธ่...พ่อคะ...ตอนนี้เกวเข้าใจแล้วล่ะค่ะ เกวรู้แล้วว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องยอมให้กับน้าพุดกรองอยู่ร่ำไปมาโดยตลอด ไม่ว่าน้าพุดกรองจะก่อหนี้สินหรือว่าเรื่องอะไรพ่อกับแม่จะยอมให้ตลอดเวลา แต่การชดใช้ให้มันก็ควรที่จะมีวันสิ้นสุดด้วยไม่ใช่หรือคะพ่อ เราจะต้องยอมชดใช้ให้กับน้าพุดกรองเค้าไปอีกนานเท่าไหร่กัน”
“ก็คงจนกว่าที่พุดกรองจะพอใจ...”
นางเกศแก้วพูดบอกน้ำเสียงเศร้า เกวลินมองหน้าคนเป็นแม่อย่างเข้าใจในความรักที่มีต่อน้องสาว
“หรือไม่ก็น้าพุดกรองตายไปก่อนนั่นแหละค่ะบ้านเราถึงจะไม่ต้องมาตามชดใช้หนี้ให้แกอีกต่อไป...” เกวลินพูดออกมาอย่างที่ใจคิด
“ยัยเกว...!” นางเกศแก้วร้องเรียกชื่อลูกสาวของนางเสียงเข้ม ตกใจในความคิดของลูกสาว
“โอเคๆ ค่ะแม่ ต่อไปเกวจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว เกวเข้าใจแม่แล้วนะคะว่าทำไมแม่ถึงยอมน้าพุดกรองนัก”
หญิงสาวพูดพร้อมกับโอบกอดร่างคนเป็นแม่ไว้แน่นก่อนจะคลายออกแล้วลุกขึ้นยืน
“เกวไปล้างจานต่อดีกว่า เดี๋ยวสักหน่อยนภก็จะมารับและไปส่งทำงานแล้ว”
“ขอบใจนะลูกที่เข้าใจพ่อกับแม่...”
นายพงษ์ศักดิ์บอกลูกสาวคนเดียวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มขึ้นมานิด ก่อนจะจับมือบางของนางเกศแก้วเอาไว้มั่นอย่างให้กำลังใจแก่กันและกัน
“ค่ะพ่อ...” หญิงสาวตอบรับพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปในครัวเพื่อจัดการงานของตนต่อให้เสร็จ
โดยหารู้ไม่ว่าบทสนทนาของทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้ถูกนางพุดกรองรับรู้เข้าโดยบังเอิญ ความเสียใจและเรื่องราวในการตายของแฟนหนุ่มเมื่อครั้งอดีตถูกย้อนกลับเข้ามาในมโนสำนึก ดวงตาของนางแดงก่ำและคลอหน่อยไปด้วยน้ำตา ความเจ็บช้ำและความสูญเสียลุกโชนขึ้นใน
ดวงตา ก่อนจะยกมือขึ้นปาดมันออกไป พร้อมๆ กับที่แผนการร้ายกาจบางอย่างได้ผุดขึ้นในสมอง และนางได้ให้สัญญากับตนเองไว้แล้วว่าจะทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวของพี่สาวต้องพบกับความเจ็บปวดและสูญเสียเหมือนกับที่นางเป็นอยู่ให้จงได้