เช้าวันใหม่
“ลีอา! ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”
เสียงเรียกของแม่ที่ดังขึ้นและมือที่เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ปลุกให้เด็กสาวขยับตัวตื่นพร้อมกับปรือตาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตมองจ้องใบหน้าของแม่อยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับหาวหวอดๆ ออกมาด้วยอาการงัวเงีย เธอหันไปมองนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ยังมืดสลัวๆ อยู่ ก่อนจะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นนั่งด่วยอาการเพลียๆ เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนเลยเพราะปวดแผลที่เท้า แต่ยิ่งกว่านั้นก็เป็นเพราะผู้ชายหยาบคายที่ลวนลามเธอเมื่อคืน สมองคิดทบทวนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจดวงน้อยก็กระตุกสั่นไหวขึ้นมาทันที
“อืออ.. กี่โมงแล้วคะ”
“6 โมงแล้ว”
“หนูอยากย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่เร็วๆ จัง เอ่อ..วันนี้ให้หนูหยุดเรียนสักวันก็ได้นะ จะได้ช่วยแม่ขนของด้วยไงคะ”
“ใจร้อนจริง ไปเรียนเถอะลูก ตอนนี้หนูใกล้สอบแล้วด้วย แล้วแม่ก็จ้างคนมาช่วยขนของแล้ว เลิกเรียนหนูรอแม่ที่โรงเรียนนะเดี๋ยวแม่จะไปรับ”
“ก็ได้ค่ะ”
“เท้าลูกไปโดนอะไรมา” พิมพ์มาดามองดูแผลที่เท้า
“เมื่อคืนหนูลงไปที่ห้องครัวแล้วทำจานตกแตก มันเลยกระเด็นมาโดนค่ะ เอ่อ..แผลเล็กๆ เอง หนูไปอาบน้ำก่อนนะ” ลีอาหลบสายตาแม่ที่มองมาและรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป
เด็กสาวรีบเดินลงมาข้างล่าง เธอชะลอฝีเท้าลงและหยุดชะงักไปแทบทันทีที่เห็นหน้าชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดนักศึกษามหาลัยชื่อดังที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
“จะไปโรงเรียนใช่ไหม ไปด้วยกันสิ”
“มะไม่ เอ่อ..หนูไปเองได้ค่ะ พี่ชินไม่ต้องไปส่งหรอก”
“เท้าเป็นแผลอยู่ไม่ใช่เหรอไง” เขาก้มลงมองเท้าของเธอที่ตอนนี้ถุงเท้านักเรียนปิดทับอยู่
“ไปด้วยกันเถอะจ้ะ โรงเรียนลีอาก็เป็นทางผ่านไปมหาลัยของพี่อยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก” มิล่ายิ้มส่งให้เธอ และรีบเดินมาจับแขนของลีอาไว้ก่อนจะดึงร่างบางให้เดินตามเธอออกไป
“เอ่อ..หนู”
“ไปเถอะจ้ะ ออกจากบ้านช้าเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี”
“…”
ลีอาจำใจเดินตามหญิงสาวไปเพราะไม่รู้จะหาทางปฏิเสธเธอยังไงดี โดยที่มีชายหนุ่มเดินตามหลังออกไป ตลอดทางเด็กสาวได้แต่นั่งเงียบๆ ฟังมิล่าที่พูดคุยกับเตชินท์ด้วยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งรถยนต์ขับมาจนถึงหน้าโรงเรียนของเธอ เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“จริงสิ น้องลีอาก็ใกล้เรียนจบม.6แล้วนี่ คิดไว้หรือยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน” มิล่าชวนเธอคุย เมื่อเห็นลีอานั่งนิ่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากบ้าน
“คิดไว้แล้วค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เธอพูดตอบมิล่าด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรจ้ะ แล้วตอนเย็นเรากลับยังไง”
“แม่มารับค่ะ หนูไปก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะชำเลืองสายตามองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ เขาไม่ได้หันมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้เธอรู้สึกยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม เขาช่างดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับสิ่งที่ทำไว้กับเธอและทำยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ พวกเขาสองคนอาจจะคบกันอยู่ ไม่งั้นคงไม่ทำเรื่องแบบนั้นกันหรอก แต่..มาคิดๆ ดู ถ้าเขาสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ พี่มิล่าก็คงเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายมากที่มาคบกับผู้ชายเฮงซวยแบบเขา ขนาดคนที่ไม่รู้จักแบบเธอเขาก็ยังกล้าทำแบบนั้นได้หน้าตาเฉย ชาตินี้ขออย่าให้เธอเจอะเจอกับผู้ชายแย่ๆ แบบนี้เลย
ส่วนเรื่องเมื่อคืนถือซะว่าทำทานแล้วกัน พ้นวันนี้ไปฉันก็คงไม่เจอผู้ชายเลวร้ายแบบเขาอีก พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รู้โล่งใจขึ้นมาทันที
เด็กสาวเปิดประตูรถและรีบเดินเข้าไปในโรงเรียนทันทีโดยที่ไม่ได้หันมากลับมามองรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป
ฉันก็ใกล้จะเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่6 แล้ว และตอนนี้เป้าหมายใหญ่ก็คือเรียนต่อในระดับมหาลัย ช่วงนี้เลยต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ พอคิดถึงเรื่องเรียนฉันก็เลิกสนใจเรื่องอื่นก่อนหน้านี้ไปแทบจะทันที ในหัวสมองทั้งเครียดและพะวงเรื่องการสอบมากกว่า เรื่องมหาลัยฉันก็มองๆ มหาลัยของรัฐบาลไว้สองสามที่และคงเลือกสอบเข้าคณะที่อยากเรียนแต่ก็ยังชั่งใจว่าจะเลือกคณะที่หางานง่ายๆ หรือคณะที่ตัวเองชอบดี
วันนี้ชีวิตในรั้วโรงเรียนก็จบไปอีกวันและหลังเลิกเรียนแม่ก็มารับฉันตามที่นัดไว้ ตลอดทางที่นั่งบนรถแม่ก็ชวนคุยเรื่องบ้านใหม่ ที่ทำงานใหม่และเรื่องเสอบเข้ามหาลัยของฉัน ดูแม่จะตื่นเต้นดีใจไม่น้อยกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ กับสถานที่ใหม่ๆ สายตาฉันมองไปรอบๆ ถนนหนทางที่ไม่คุ้นสายตา สักพักรถยนต์ก้ขับเข้ามาจอดตรงบ้านสีขาวสองชั้นหลังหนึ่ง มีสวนเล็กๆ ในบ้านบ้านและพื้นที่รอบๆ บริเวณบ้านที่ไม่กว้างเท่าไหร่แต่ก็ดูน่าอยู่มากสำหรับสายตาฉัน
“ถึงแล้วจ้ะ แม่ให้คนขนของของลูกขึ้นไปไว้บนห้องแล้วนะ” พิมพ์มาดาพูดบอกลูกสาวที่กำลังเปิดประตูรถตามเธอออกมา
“ว้าว บ้านน่ารักจังค่ะแม่” ลีอายิ้มกว้างออกมาขณะที่เดินตามพิมพ์มาดาเข้าไปในบ้าน สายตาเป็นประกายวิบวับราวกับเด็กน้อยที่เห็นของเล่นถูกใจ ดวงตากลมโตมองสำรวจในบ้านเกือบทุซอกทุกมุมอย่างพอใจ
“หนูขึ้นไปดูห้องนอนนะ”
เด็กสาวมองใบหน้ายิ้มของมารดาก่อนจะรีบเดินขึ้นไปดูห้องนอนของตัวเอง สายตากวาดมองดูห้องสีขาวขนาด3x4เมตรที่มีห้องน้ำในตัวอยู่ครู่หนึ่งและรีบเก็บข้าวของของตัวเองให้เข้าที่จนเรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปทานข้าวเย็นกับแม่
ระหว่างที่ทานข้าวจู่ๆ แม่ก็เอ่ยถึงเรื่องเรียนขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่แม่พูดออกมาทำให้ฉันมั้งรู้สึกแปลกใจและรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะชื่อของใครบ้างคนที่ฉันไม่อยากนึกถึง
“เรื่องเรียนมหาลัย.. เอ่อ..แม่อยากให้หนูเข้าเรียนมหาลัยที่เดียวกับลูกของน้าแคทกับอาบดินทร์ได้ไหมลูก”
“เอ่อ..แม่คะ มันเป็นมหาลัยเอกชนค่าเทอมแพงอยู่ไม่ใช่เหรอคะ หนูอยากเรียนมหาลัยของรัฐมากกว่า แล้วก็เลือกมหาลัยที่จะสอบเข้าไว้แล้วด้วย”
“แม่ก็อยากให้หนูเรียนมหาลัยที่หนูอยากเรียนนะ น้าแคทกับคุณบดินทร์ก็อยากให้หนูเรียนที่เดียวกับหนูมิล่ากับตาชินมากกว่า แล้วพอเห็นผลการเรียนของหนู คุณบดินทร์ก็อยากอาสาอยากช่วยเหลือสนับสนุนในเรื่องค่าเรียนและค่าเทอมของหนู ตอนแรกแม่ก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะเกรงใจแต่อาบดินทร์ก็ยืนกรานแบบนั้น เอ่อ..แล้ว.. "
พิมพ์มาดารู้นิสัยของลูกสาวตัวเองดี ว่าลีอาถึงจะว่านอนสอนง่ายแต่ก็แอบดื้อเงียบอยู่เหมือนกัน แต่เกิดลูกสาวรู้ว่าเธอตัดสินใจไปโดยพลการ ลูกคงไม่ยอมแน่ เธอเลยลังเลใจที่จะพูดมันออกไปดีไหม
“แม่คะ ถึงน้าแคทกับคุณบดินทร์จะเมตตาและอยากช่วยเหลือเรื่องค่าเรียนให้หนู หนูเกรงใจท่านทั้งคู่ค่ะแล้วก็คงรับไว้ได้หรอก ที่สำคัญหนูไม่อยากเรียนที่นั่นค่ะ” ลีอาพูดออกไปตามตรงที่ใจคิด
“เอ่อ..หนูคงไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก ถ้าแม่จะบอกว่าอาบดินทร์ทำเรื่องเรียนของหนูไปแล้ว แม่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง” พิมพ์มาดาพูดบอกเสียงเบา
ยิ่งเห็นใบหน้าตกใจของลูกสาวก็ยิ่งวิตกกังวล ใจจริงเธอก็เกรงใจทั้งคู่มากแต่เพราะบดินทร์ยืนยันแบบนั้นเธอก็พูดไม่ออก นอกจากเขาจะเป็นสามีเพื่อนสนิทเขายังถือว่าเป็นนายจ้างของเธอด้วย ก็เลยไม่รู้จะทำยังไงนอกจากตกปากรับคำพวกเขาทั้งคู่ไป
“หา! แม่พูดอะไรนะ ทะทำไมแม่ไม่ถามความสมัครใจของหนูก่อน แม่ตัดสินใจเองแบบนั้นได้ยังคะ”
“ลีอา อย่าโกรธแม่ได้ไหมลูก มหาลัยเอกชนนั่นก็มีชื่อเสียงระดับประเทศแล้วก็มีแต่คนที่อยากเข้าเรียนทั้งนั้นนะลูก ถึงไม่ได้เรียนมหาลัยที่หนูอยากเข้าแต่ที่นั่นก็มีคณะที่หนูอยากเรียนนะ แม่คิดว่ามันก็ดีสำหรับหนู ที่สำคัญแม่ก็น้ำท่วมปากเพราะคุณบดินทร์ก็เป็นเจ้านายแม่ พอท่านยืนกรานมาแบบนั้น แม่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธท่านยังไง”
“ขะขอโทษค่ะ หนูไม่ได้โกรธแม่นะ หนูแค่ตกใจเท่านั้นเอง แต่ถ้าแม่รับปากท่านไปแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ หนูเรียนที่นั่นก็ได้ค่ะ”
“เฮ้ออ..แม่ก็นึกว่าหนูจะโกรธแม่แล้วซะอีก”
“ไม่หรอกค่ะ ที่นั่นก็มีคณะที่หนูอยากเรียนเหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่มหาลัยที่หนูอยากจะเรียนก็เถอะ แม่อย่าคิดมากนะคะ” ลีอายิ้มกว้างให้แม่ขณะที่ในใจเธอกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“จ้ะ” พิมพ์มาดายิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ
พอเห็นสีหน้าไม่สบายใจของแม่แล้ว ฉันก็โกรธไม่ท่านไม่ลงจริงๆ ตั้งแต่พ่อเสียไปตั้งแต่ฉันยังจำความไม่ได้ ฉันก็มีแม่แค่คนเดียว และท่านก็ทนลำบากเลี้ยงดูฉันตั้งแต่เล็กจนโตขนาดนี้ แม่เหนื่อยแค่ไหน ตัวฉันเองก็รู้ดีที่สุด ถึงแม้ในใจจะไม่ค่อยพอใจก็ตาม แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ไปแล้วก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดจากที่กินอาหารด้วยความอร่อยกลับกลายเป็นไม่อร่อยขึ้นมาซะงั้น ในหัวสมองก็ครุ่นคิดอะไรไปต่างๆ นานา ทั้งเรื่องเรียนและก็อดไม่ได้ที่จะนึกเลยไปถึงใบหน้าของผู้ชายลามกนิสัยแย่ๆ คนนั้น พอยิ่งคิดถึงเรื่องที่เขาทำกับฉันก็ทำให้อารมณ์ที่โกรธมากอยู่แล้วก็โกรธมากยิ่งขึ้นอีก