“แกช่วยฉันคิดหน่อยสิว่า จะทำยังไงดี”
“หนีเลย ทางเดียวที่แกทำได้คือหนี” ชเนตตีแนะนำบัณฑิตาที่เงยหน้าขึ้นมอง “ถ้าแกไม่หนี แกก็ต้องแต่งงานตามที่คุณพ่อคุณแม่สั่ง”
“แล้วจะให้ฉันหนีไปไหนล่ะ”
บัณฑิตาถามอย่างจนด้วยความคิด ตอนนี้หล่อนคิดอะไรไม่ออก พอรู้ว่าตนเองต้องแต่งงานกับเพื่อนของบิดาและกำหนดแต่งงานก็เร็วดังสายฟ้าฟาดคือต้นเดือนหน้า หล่อนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน ปฏิเสธเท่าไหร่ก็หาได้เป็นผล บิดามารดายังยืนกรานคำเดิม คนไม่อยากแต่งงานจึงวิ่งโร่มาหาเพื่อนสนิท
“ถ้าจะหนีต้องหนีไปให้ไกลๆ ไปเมืองนอกเลย เพราะถ้าแกอยู่เมืองไทย แกไม่รอดมือพ่อแกแน่”
“ไปเมืองนอกเหรอ จะไปที่ไหนล่ะ” บัณฑิตาถามต่อ ชเนตตีกินไปด้วยคิดไปด้วย
“ไปอังกฤษ”
“หา! ไปอังกฤษ ไกลขนาดนั้นเชียว” บัณฑิตาอุทาน “แล้วทำไมต้องเป็นอังกฤษ ประเทศอื่นมีเยอะแยะ”
“แกไปใกล้ๆ แกโดนจับตัวไปแต่งงานแน่ ไปอยู่อังกฤษน่ะดีแล้ว พ่อแม่แกไม่คิดหรอกว่าแกจะบินเดี่ยวไปไกลขนาดนั้น ไปแบบเงียบเชียบด้วยนะ ฉันจะจองตั๋วให้บินสักวันพฤหัส พอได้ตั๋วแล้วแกก็เอาตั๋วไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอังกฤษ ขอวีซ่าแบบด่วนถ้าคนไม่เยอะวันรุ่งขึ้นก็ได้ แต่ถ้าคนเยอะก็ประมาณสามถึงห้าวัน ฉันเลยเผื่อวันเดินทางเป็นวันพฤหัส ยังไงแกก็ได้บินอยู่แล้ว เสื้อผ้าอะไรแกก็ไม่ต้องเอาไป ไปหาซื้อที่โน่นเอา ส่วนเรื่องที่พักฉันจะใช้ชื่อฉันในการจองให้แกเอง แล้วออกเงินให้แกด้วย เพราะแกคงใช้บัตรเครดิตไม่ได้ ถ้าใช้คุณพ่อคุณแม่แกรู้แน่ แกเอาบัตรฉันไปใช้แทน รูดได้เต็มที่ฉันอนุญาต คนอื่นจะได้ไม่สงสัย แกหนีไปสักเดือนนึงค่อยกลับมา” ชเนตตีให้เหตุผล “ส่วนที่แกถามว่าทำไมต้องเป็นอังกฤษ ก็เพราะมันเป็นประเทศที่ฉันอยากไป แต่ไปตอนนี้ไม่ได้พี่เจย์ไม่ว่าง ฉันเลยให้แกไปแทน”
บิดาบัณฑิตาเป็นทหารยศพลเอกนอกราชการ แต่แม้ว่าจะพ้นจากการรับราชการทว่าหูตายังกว้างขวาง หากบุตรสาวเพียงคนเดียวหนีออกจากบ้าน มีหรือจะไม่ส่งคนตามหา และในไม่ช้าก็ต้องพบเจอในที่สุด หากหนีไปต่างประเทศที่อยู่คนละทวีป การตามหายากขึ้น และการหนีคลุมถุงชนในครั้งนี้ของบัณฑิตามีชเนตตีสนับสนุนอย่างเป็นทางการ
“เออเนอะ แผนของแกก็ดีนะ” บัณฑิตาหยุดร้องไห้ เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนรัก “ถ้าวีซ่ายังไม่ได้ภายในห้าวันล่ะ ทำไงไม่เสียค่าตั๋วฟรีเหรอ”
“แกนี่นะ ต้องได้สิ แกเคยไปเที่ยวอังกฤษครั้งหนึ่งแล้ว แกมีประวัติแล้วเรื่องมันก็ง่ายกว่ายังไม่มี”
“เออจริง ลืมคิด” บัณฑิตาพูดเมื่อนึกขึ้นได้ “ฉันไม่คิดว่าแกจะมีความคิดดีๆ กับเขาบ้าง ที่ฉันเคยว่าแกว่า แกมีสมองคิดแต่เรื่องกิน เห็นทีฉันต้องถอนคำพูดซะแล้ว”
“ฉันน่ะฉลาด แต่แกมองไม่เห็นเอง” คนชอบกินโต้กลับ “เดี๋ยวฉันโทรไปจองตั๋วเครื่องบินให้ เอาเที่ยวที่เร็วที่สุดก็แล้วกัน”
“แกจะโทรไปจองเองเหรอ” บัณฑิตาถาม
“ให้เลขาคุณแม่จัดการย่ะ พี่อ้อมจัดการให้ได้ทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งจองโรงแรมด้วย” ชเนตตีเฉลย “ฉันจะให้พี่อ้อมจัดการไปแลกเงินให้แกนะ พกเงินสดติดตัวไปก่อน ค่อยรูดบัตรทีหลัง มันจะได้เนียนๆ ไม่มีคนสงสัย”
นอกจากชเนตตีจะกินเก่งแล้ว หล่อนยังมีความฉลาดจากการกินช็อกโกเลต
“ฉันจะรูดให้แกหมดตัวเลย จะช้อปปิ้งให้เกลี้ยง” บัณฑิตาพูดอย่างหมั่นไส้เพื่อน
“ย่ะเชิญเลย ฉันรวย ไม่หมดง่ายๆ หรอก” คนให้ยืมบัตรเครดิตไปรูดไม่กลัวจน หล่อนจะกลัวไปทำไมในเมื่อมารดามีทรัพย์สินเป็นพันล้าน ทางด้านสามีก็ใช่ย่อย ร่ำรวยพอๆ กัน “แต่แกไปอยู่ที่โน่นต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ การติดต่อของเราก็คงใช้เบอร์มือถือเก่า ไลน์หรือเฟชบุ๊กไม่ได้ แกกับฉันต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้วใช้เบอร์นี้ติดต่อกัน”
“อืมๆ ฉันขอบใจแกมากนะ ถ้าไม่ได้แก ฉันคงแย่”
“จะว่าไป พี่ตั้มก็เพอร์เฟคนะ หล่อ รวย การศึกษาดี ตระกูลก็ดีด้วย สาวๆ ก็พากันอยากได้เป็นผัวกันทั้งนั้น ที่สำคัญแกกับพี่ตั้มก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าพี่ตั้มจะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่อายุสิบห้า ทำไมแกยอมรับเขาไม่ได้ล่ะ” ชเนตตีถามเพื่อน “แต่ฉันก็พอจะเข้าใจแกนะ แกคงอยากแต่งงานกับคนที่แกรัก เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”
ชเนตตีพูดถูก สุรศักดิ์เป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ทว่าบัณฑิตารักสุรศักดิ์เหมือนพี่ชาย หาใช่คนรักที่จะแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ที่สำคัญที่สุด หล่อนมีความลับที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรับรู้ แม้แต่ชเนตตีเพื่อนสนิท เป็นความลับแสนอัปยศที่หล่อนจำได้ไม่มีลืม ทั้งที่ไม่อยากจดจำเลยแม้แต่น้อย และนี่คือเหตุผลที่บัณฑิตาไม่ยอมรับขนมจีบจากชายใด รวมถึงไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่บิดามารดาหาให้ เพราะหล่อนคิดว่า ตนเองด่างพร้อยเปื้อนราคี ไม่เหมาะสมเป็นคู่ชีวิตของใคร บัณฑิตาตั้งใจครองตัวเป็นโสดไปตลอดชีวิต
“ฉันว่านะ เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่า พี่เจย์ซื้อซีรี่ย์เกาหลีมาให้ตั้งหลายเรื่อง พระเอกหล๊อหล่อ ส่วนนางเอกไม่ต้องพูดถึง สวยสู้ฉันไม่ได้”
พูดจบ ชเนตตีจัดการเปิดดูซีรี่ย์เรื่องใหม่ ก่อนมานั่งข้างเพื่อน ดูซีรี่ย์คลายความเครียด กลบความทุกข์ในใจบัณฑิตาได้ชั่วขณะหนึ่ง