10
ไม่ถึงคืบลีโอนาร์ดก็จะได้จูบหล่อน ทว่าเปลือกตาบัณฑิตาค่อยๆ ปรือเปิด และทันทีที่หล่อนลืมตา เห็นใบหน้าคนที่อ้างว่าเป็นคนพรากความสาวในคืนนั้น หล่อนตกใจ ผลักร่างหนาทันที ก่อนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองเขาด้วยใจเต้นตึกตัก บัณฑิตาพยายามดึงเสี้ยววินาทีที่เห็นหน้าชายคนนั้นขึ้นมา จะว่าไปหน้าตาเขาก็คล้ายผู้ชายคนนั้น
“แหม...เสียดายจัง ไม่น่าฟื้นเร็วเลย” ลีโอนาร์ดพูดยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจหวั่นไหว ทว่าบัณฑิตาก็รีบดึงความรู้สึกนั้นกลับมา กวาดตามองไปรอบห้องที่จำได้ว่า ไม่ใช่ห้องของตน ถึงแม้ว่าห้องจะเหมือนกันก็ตาม
“ที่นี่ไม่ใช่ห้องฉันนี่”
“ก็ใช่น่ะสิ ห้องนี้คือห้องของผมเอง”
“ห้องคุณ” บัณฑิตาเริ่มกลัวขึ้นมาจับจิตจับใจ “แล้วคุณพาฉันมาห้องนี้ทำไม”
“พามาทวนความจำไงล่ะ” ม่านตาบัณฑิตาขยายกว้าง ปากหล่อนอ้าค้างด้วยอาการตกใจ หล่อนไม่ใช่เด็กถึงไม่รู้ว่า ความหมายที่เขาพูดคืออะไร บัณฑิตาอยากวิ่งออกไปจากห้องนี้ แต่ด้วยเหตุใดมิทราบได้ ขาทั้งสองข้างหล่อนแข็ง ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“ทวนความจงความจำอะไร เราไม่มีความทรงจำต่อกัน”
ความทรงจำในคืนนั้นสิ้นสุดลงตอนที่หล่อนนั่งดื่มกับเพื่อนในผับแล้วเกิดอาการมึนศีรษะอย่างหนัก ก่อนที่เพื่อนจะพาตนออกมาจากผับ ต่อจากนั้นบัณฑิตาจำอะไรไม่ได้เลย มารู้สึกตัวก็ตอนสายในสภาพร่างกายเปล่าเปลือยอยู่บนเตียงในโรงแรม
บัณฑิตายังจำวินาทีแรกที่รู้สึกตัวได้ดีว่าเป็นเช่นไร ยามสายของวันรุ่งขึ้น บัณฑิตาเปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งขึ้น พร้อมกับรู้สึกเมื่อยขบตามร่างกายไปทั่ว ระบมตรงใจกลางแห่งสตรีเพศ แล้วพอลืมตาตื่นเต็มที่หล่อนก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง มองร่างกายของตัวเองเป็นอันดับแรก จึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น มีร่องรอยสีแดงอยู่ตรงเนินอก เสมือนรอยดูดเม้มหลายจุด ประกอบกับที่นอนยับยู่ยี่ราวกับผ่านสมรภูมิอะไรบางอย่าง
น้ำตาสาวหยดไหลกับสภาพของตัวเอง บัณฑิตายังคิดในทางที่ดีว่าคงไม่มีอะไรเกินกว่านี้ แต่พอนัยน์ตาสาวปะทะกับบางสิ่งบางอย่างอยู่บนพื้น สิ่งนั้นคือถุงยางอนามัยใช้แล้ว มันตอกย้ำให้เธอตระหนักว่า ความสาวที่เก็บไว้ให้คนที่ตนรักและเจ้าบ่าวในอนาคตไม่มีอีกแล้ว มันสูญสิ้นไม่เหลือชิ้นดี น้ำตาและเสียงสะอื้นก็ดังคับห้อง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหนีไปให้พ้นห้องนั้นในเวลาต่อมา นับตั้งแต่วันนั้นหล่อนก็มีตราบาปติดตัว ติดอยู่ในความรู้สึกเรื่อยมา
“คุณอาจไม่มี แต่ผมมี และมีมากด้วย” ลีโอนาร์ดพูดเสียงจริงจัง “ผมจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ผมตกใจและเสียใจมากที่กลับมาห้องพักแล้วไม่เจอคุณ คุณไม่รู้หรอกว่า ผมเฝ้ารอวันนี้มานานเป็นปี วันที่จะได้พบคุณอีกครั้ง”
บัณฑิตาอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่คิดว่าเขาจะเฝ้ารอพบตน มองหน้าเขาพร้อมกับคำถามหลายคำถามที่วิ่งใส่หัว เขาจะรอตนทำไม ในเมื่อเรื่องคืนนั้นเขามีแต่ได้กับได้ เป็นความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนที่หล่อนคิดว่า พอเช้ามาทุกอย่างก็จบ ไม่มีข้อผูกมัดใดใดทั้งสิ้น หล่อนต่างหากที่สูญเสียสิ่งมีค่าอย่างไม่มีวันหวนคืน เป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่อยากปัดมันออกไปจากสมองและความรู้สึก มันไม่มีอะไรน่าจดจำสักนิดเดียว แล้วเขาจำมันเพื่ออะไร
ไม่ใช่ว่าลีโอนาร์ดจะนิ่งนอนใจในการตามหาสาวปริศนาที่ให้ความสุขตนทั้งกายและใจ ข้อมูลที่เขาได้จากกล้องวงจรปิดของโรงแรม ไม่ได้ทำให้ความกระจ่างลีโอนาร์ดมากนัก เห็นเพียงหล่อนเดินเข้าไปในผับหรูชั้นสี่ของโรงแรม ก่อนที่หล่อนจะถูกเพื่อนประคองขึ้นไปบนห้องพักที่อยู่เยื้องๆ ห้องที่เขาพัก และต่อจากนั้นหล่อนถูกพนักงานแผนกแม่บ้านพยุงออกมาจากห้องนั้น นำตัวหล่อนมาไว้ที่ห้องของตน จนเกิดเรื่องราวอันแสนหวานบนเตียง
ลีโอนาร์ดสอบถามพนักงานคนนั้นได้ความว่า บัณฑิตาบอกกับตนว่า ถูกเพื่อนมอมเหล้า ให้ช่วยออกไปจากห้องนี้ พนักงานหญิงจึงพยุงบัณฑิตามายังอีกห้องหนึ่งที่ไม่รู้ว่า กำลังมีแขกเข้ามาพัก พนักงานหญิงตั้งใจจะไปตามหัวหน้ามาช่วย แต่ขณะนั้นได้รับโทรศัพท์ด่วนจากมารดาว่า บิดาเสีย พนักงานจึงลืมเรื่องบัณฑิตาเสียสนิท รีบเดินทางกลับบ้านทันที
เมื่อได้ข้อมูลเพียงน้อยนิด ลีโอนาร์ดไม่สามารถตามหาทางอื่นได้ มีแต่ภาพใบหน้าหล่อนที่เขาไม่มีวันลืม กับภาพจากกล้องวงจรปิดที่เขาขอร้องให้พนักงานรักษาความปลอดภัยโหลดเข้ามือถือตน เพื่อจะได้เก็บไว้ดูให้หายความคำนึง ซึ่งเขาก็ดูภาพนั้นทุกวัน
“คุณจะมารอฉันทำไม อีกอย่างคุณอาจจำผิดคนก็ได้”
“ผมไม่ใช่คนประสาทเสื่อมนะที่จะจำใครไม่ได้ โดยเฉพาะคุณ” เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามอึ้งไปอีกรอบ “ผมจำคู่นอนของผมได้ทุกคน แต่ผมไม่เคยใส่ใจและคิดถึงคู่นอนของผมเลย เช้ามาคือจบ แต่คุณทำให้ความคิดถึงกระตุ้นในใจผม ผมลืมคุณไม่ได้ ลืมความสุขที่เราสองคนมีต่อกันไม่ได้เลย ผมพยายามแล้ว แต่ผมทำไม่ได้”
โอ้มายก๊อด!
บัณฑิตาอุทานในใจ หล่อนไม่อยากเชื่อประโยคที่ได้ยิน สาวชาวไทยพยายามปัดเรื่องคืนนั้นทิ้งไป ทว่าเขากลับฝังความทรงจำไว้ในสมอง และเฝ้ารอตนด้วยความคิดถึง ความรู้สึกหล่อนตอนนี้ไม่รู้ว่า จะดีใจดีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ หัวใจหล่อนพองโต เสมือนมีน้ำมารดต้นไม้ใกล้ตายให้ชุ่มฉ่ำ