๒๐
@เพนต์เฮาส์ของอัคนี
"กูไม่มีเวลาให้มึงมากนัก อยากพูดอะไรก็พูดมา แต่กูหวังนะว่าเรื่องของมึงมันจะมีสาระ" เจ้าของเพนต์เฮาส์ใช้เสียงไม่สบอารมณ์พลางพิงแผ่นหลังกับโซฟาเช่นเดียวกับขายาวมั่นคงที่ตวัดขึ้นไขว้ห้าง มือหนาคว้ารีโมทมาเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนที่ชายหนุ่มจะแนบท้ายทอยเข้ากับพนักโซฟา ผ่อนร่างกายในท่าที่ผ่อนคลาย
"มึงดูเหนื่อยๆ นะไฟ หน้าตาไม่สดใสด้วย เป็นเพราะน้องน้ำหรือเปล่า"
"อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาข้องเกี่ยวกับกูอีก เขาเลือกที่จะไปจากกูแล้ว" ตาคมตวัดมองอย่างไม่พอใจ เขาพยายามที่จะไม่สนใจแม้ว่าในตอนนี้ในหัวจะลบภาพเธอไม่ได้ก็ตาม
"ว่าแล้ว..." คนที่เหมือนจะรู้ทุกอย่างสบถออกมาเบาๆ พลางหย่อนสะโพกลงนั่งตรงข้ามกับเพื่อน มือหนาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพลางขยับปากพูดไป
"กูไม่รู้หรอกนะ ว่าสาเหตุที่น้องน้ำคนสวยของมึงหายไปมันเป็นเพราะอะไร เท่าที่เห็นมึงไม่ค่อยแยแส อาจจะจบไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่หากมีใครสักคนเข้ามามีอิทธิพลต่อเรา ทำให้เรารู้สึกหรือหัวเสียมากขนาดนี้ได้ หมายความว่าเขาต้องมีความหมายในระดับหนึ่งถูกไหม"
"อย่าพูดเรื่องนี้ กูรำคาญ"
"ไถ่โทษที่กูทำให้มึงเดือดร้อนในเรื่องกูไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ งานนี้กูว่ากูอาจจะแก้ตัวด้วยการช่วยไขความกระจ่างบางอย่างให้กับมึงได้นะ"
"หมายความว่าไง"
"วันนั้นที่สวนสาธารณะ หลังจากที่เราแยกกัน จู่ๆ มึงก็กลับไปโผล่ในสภาพหัวเสียที่ผับ สาเหตุเพราะน้องน้ำคนสวยผิดนัด เหมือนกับว่าหลังจากนั้นจะมีการระหองระแหง สุดท้ายน้องน้ำก็หายไป เป็นไปได้ไหม ที่เหตุการณ์ที่กล้องหน้ารถของกูบันทึกเอาไว้ได้ จะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องน้ำทิ้งมึง"
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูถูกเลื่อนมาวางที่ตรงหน้า คำว่าถูกทิ้งมันสะกิดใจอย่างจัง สาเหตุที่เธอไป เธอบอกว่าเธอจะแต่งงาน คนของเขาที่ใช้ให้ตามตั้งแต่ตอนแรกก็บอกเองว่าผู้หญิงที่เขาเคยคบเธอหนีไปแต่งงานจริงๆ คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องตามคนที่เลือกที่จะไป เหมือนอย่างกรณีของเขา หากเขาเลือกที่จะไม่เอาใคร ใครก็ไม่สามารถรั้งเขาเอาไว้ได้ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะรั้งน้ำใจเมื่อเธออยากไป แม้จะโกรธที่เธอใช้เรื่องผู้หญิงที่มาหาเขาถึงห้อง ทั้งที่เขายืนยันว่าจบทุกอย่างไปแล้วมาประกอบสาเหตุที่เธอต้องการเลิกกัน แต่เขาฟันธงว่าสาเหตุหลัก เธอแค่เลือกคนอื่นที่ไม่ใช่เขาแค่นั้นเอง
"วันนั้นน้ำไม่ได้มาตามนัด กูนึกไม่ออกว่ามึงมีอะไรที่ต้องให้กูดู"
"ตอนแรกที่กูตามมาดูกล้องหน้ารถ ไม่ได้จะสนเรื่องอะไรของมึงหรอก แค่กูจำได้ว่า กล้องหน้ารถของกูเคยบันทึกภาพผู้หญิงมีเจ้าของที่กูเคยยุ่งด้วยในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับคนอื่นได้ หวังจะเอามาเปิดเพื่อให้ไอ้เหี้ยนั่นกราบตีนเราเล่นๆ สักหน่อย ก็ไม่คิดแหละว่าจะเจอผู้หญิงของมึงในกล้องหน้ารถของกูด้วย" หัวใจแกร่งกระตุกขึ้นมาอย่างแรงเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น เขายอมคว้าโทรศัพท์ของเพื่อนขึ้นมาถือเอาไว้ บนหน้าจอมีลิงก์บางอย่างค้างอยู่ ชายหนุ่มเลือกที่จะเปิดลิงก์นั้นทันที
หัวใจแกร่งเต้นแรงเมื่อภาพเคลื่อนไหวปรากฏภาพหญิงสาวที่เขาเคยคบหา ภาพชัด แต่ไม่มีเสียงใดๆ ที่ดังเข้ามา รู้แค่ว่าน้ำใจยืนนิ่ง ทิศทางที่เธอมอง เหมือนจะมองไปยังตำแหน่งที่เขาและเพื่อนยืนอยู่ เป็นไปได้ด้วยว่า น้ำใจอาจจะได้ยินในสิ่งที่เขาและเพื่อนคุยกัน
"กูจำได้เว้ยไฟว่าวันนั้นเรื่องที่เราคุยกัน ผู้หญิงไม่ควรได้มาฟัง กูว่าน้องได้ยินในสิ่งที่เราคุยกัน"
"บ้าเอ้ย คิดว่ากูจะหลอกฟัน คิดว่าคนอย่างกูจริงใจกับใครไม่เป็นงั้นเหรอวะ" ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาใส่ การที่อยู่ดีๆ เธอก็หนีหาย ทำให้เขาเลือกที่จะไม่แยแสอะไรเช่นกัน กลับกลายเป็นว่าเขากำลังพลาด พลาดที่ปล่อยให้มีเรื่องเข้าใจผิดจนสุดท้ายความไม่เข้าใจก็พรากเขาและเธอไปคนละทาง
"กูว่ามึงควรไปปรับความเข้าใจกับน้อง"
"กูทำแน่ ถึงยังไงกูก็จะเอาน้ำกลับคืน!"
"...นังปุ้ย กระเป๋าเสื้อผ้าของคุณภาสที่จะใช้วันมะรืนนี้แกเก็บเรียบร้อยหรือยัง"
"เตรียมไว้แล้วจ๊ะป้า เหลือเก็บใส่กระเป๋าแค่นั้น"
"พี่ภาสจะไปไหนเหรอคะ" หญิงสาวที่ยกชามเข้ามาในห้องครัว ซึ่งได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่พอดีเอ่ยถามขึ้นมา ไม่ได้อยากสอดรู้สอดเห็น แต่คิดเพียงว่า อาจจะมีอะไรที่เธอพอช่วยได้บ้าง
"วันมะรืนคุณเขาต้องเข้ากรุงเทพฯ ค่ะ เธอยังไม่บอกหนูเหรอคะ คงจะทำงานจนลืมวันอีกตามเคย" ป้าหมอนยิ้มให้พลางรับจานไปจากมือเธอ
"มีธุระเหรอคะ"
"ไปพบหมอตามนัดนั่นแหละค่ะ ถึงแม้มองภายนอกคุณเขาอาจจะดูแข็งแรง แต่ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่าความแข็งแรงที่มีจะคงทนแค่ไหน"
"หากน้ำจะถามว่า มะเร็งระยะที่เท่าไหร่มันจะน่าเกลียดเกินไปไหมคะ น้ำแค่อยากรู้เรื่องสุขภาพเขา แต่ลึกๆ ก็ไม่อยากถามให้รู้สึกแย่"
"คุณเขาไม่เคยบอกใครหรอกค่ะ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นความลับ จริงๆ ก็ไม่อยากให้ใครทุกข์และคิดมากไปด้วย เขาก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละค่ะ" คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านในตามเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
"ห้องไม่ได้ล็อกครับ" เสียงของคนที่อยู่ทางด้านในส่งผลให้มือเรียวเลื่อนไปเปิดประตูให้เปิดกว้าง ตามด้วยการแทรกตัวเข้าไปในห้องนอน
ความใหญ่โตของห้องทำให้หญิงสาวเกร็งขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจะพบคนตัวโตที่ในมือถือแฟ้มบางอย่าง เขายิ้มให้ เมื่อยามที่เงยหน้ามามองสบตากับเธอ
"น้ำมารบกวนไหมคะ"
"ไม่กวนครับ พี่กำลังจะอาบน้ำน่ะ น้ำมีอะไรหรือเปล่า"
"พี่ภาสยังทำงานอยู่เหรอคะ นี่มันสามทุ่มแล้วนะคะ"
"พี่ลงรายละเอียดต้นทุนของนาข้าวเพิ่มเติมน่ะ กลัวว่าจะลืม"
"ต้องลงรายละเอียดด้วยเหรอคะ ในเมื่อมันเป็นของพี่อยู่แล้ว แล้วทำไมต้องลงล่ะคะ"
"พี่ใช้มันเพื่อวัดระดับความเป็นอยู่ของคนงานแบบปีต่อปีนะ เอาต้นทุนปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว ต้นทุนเท่ากันไหม กำไรเพิ่มไหม ราคาข้าวลด เพิ่ม หรือว่าคงที่ จากนั้นก็ใช้สถิติที่จดบันทึกมาประเมินค่าใช้จ่ายเทียบกับค่าครองชีพว่าคนงานของเราจะอยู่ได้ไหม" คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ไม่เคยคิดเลยว่าคนอายุเท่านี้จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ด้วย
แอบยอมรับว่าเขาเก่งมากจริงๆ
"ทำเองทุกอย่างแบบนี้ก็เหนื่อยแย่น่ะสิคะ"
"อดทนไงครับ นั่งก่อนสิ" มือหนาผายไปที่เตียงขนาดใหญ่ แม้แขกผู้มาเยือนจะมีท่าทีเกร็งๆ อยู่บ้าง แต่เวลาที่ทำให้ได้รู้จักเขา เธอมั่นใจว่าเขาไว้ใจได้
หญิงสาวเดินไปหย่อนสะโพกลงบนเตียงอย่างว่าง่าย เป็นจังหวะเดียวกับคนตัวโตที่เก็บแฟ้มเอกสารในมือ
"ให้น้ำทำช่วยได้หรือเปล่าคะ"
"พี่เต็มใจให้น้ำเรียนรู้ทุกอย่างนะ เพราะพี่อยากให้น้ำรู้ทุกอย่าง อยากบอกน้ำด้วยว่าแม้จะเหนื่อยก็ต้องอดทนให้ได้เหมือนพี่ ความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านทุกอย่างไปได้"
"ค่ะ น้ำได้ยินป้าหมอนกับพี่ปุ้ยคุยกันเรื่องที่พี่ภาสจะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาหมอ"
"อ๋อ พี่ลืมไปเลยว่ามีนัดหมอ" คนตัวโตยิ้มแห้งๆ พลางยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอย รู้สึกเหมือนเธอจะรู้ทันเขาเลย
"ลืมจริงๆ คงไม่เป็นไร แต่อย่าแกล้งลืมเพราะไม่อยากไปหาหมอได้ไหมคะ น้ำอยากให้คุณหมอดูแลพี่ให้พี่หายดีนะ"
"เป็นห่วงพี่เหรอ?"
"...เราเป็นสามีภรรยากันนี่คะ น้ำมาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียพี่ น้ำก็ต้องดูแลพี่สิ"
"พี่อยากให้น้ำทำหน้าที่เมียแล้วนะ พี่ขอมากไปไหม"
"คือว่าน้ำ..."
"พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้จะบังคับนะ พี่แค่ขอ พี่ไม่รู้ว่าการมีอะไรกันมันจะทำให้คนเราอยู่ด้วยกันได้จริงหรือเปล่า แต่บางครั้งเซ็กส์มันก็ช่วยเติมเต็ม สายสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้มันแน่นแฟ้นกว่าเดิม"
"..."
"พี่ขอโทษนะ ถ้าสิ่งที่พี่ขอมันทำให้น้ำไม่สบายใจ" หญิงสาวเงยหน้ามองเสี้ยวใบหน้าคมคายของคนที่ก้มหน้าลง เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดดี
"หลังจากที่พี่ภาสไปหาหมอที่กรุงเทพฯ รับปากน้ำว่าจะเชื่อฟังหมอ ให้คุณหมอดูแลต่อเนื่องจนกว่าจะหาย หลังจากที่น้ำเห็นว่าพี่ภาสเต็มใจไปหาหมอจริงๆ น้ำ ...จะยอมทำหน้าที่เมียค่ะ" เมื่อแน่ใจแล้วจึงเลือกที่จะพูดออกมา แน่นอนว่า คนตัวโตเบิกตากว้าง เขาเอียงคอมองเธออย่างพิจารณาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างทันที
"ก็ได้ครับ พี่ยอม พี่สัญญาว่าพี่จะไปหาหมอ น้ำพาพี่ไปนะ"
"ค่ะ" หญิงสาวส่งยิ้มตอบรับรอยยิ้มดีใจของอีกฝ่าย ในเมื่อผู้ชายคนนี้ทำเพื่อเธอไปแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เธอต้องทำเพื่อเขาบ้างเหมือนกัน