๑๗
หลายวันต่อมา
ปึก~
"...พอแค่นี้ ฉันไม่มีอารมณ์" น้ำเสียงเกรี้ยวกราดร้องบอกหลังจากที่โยนธนบัตรแบงก์สีเทาจำนวนหลายต่อหลายใบลงบนที่นอนขนาดใหญ่ภายในห้องพักของโรงแรมที่ไม่ได้ถึงกับหรูหราอะไรมากนัก เจ้าของการกระทำคว้ารีโมทรถยนต์บนโต๊ะกระจกมาถือเอาไว้พลางสวมใส่รองเท้า ไม่ได้หันมองหญิงสาวอีกคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความเสียดาย
"พี่่ไฟคะ แต่ว่าเรายัง…"
"ได้เงินแล้วก็ควรที่จะพอใจ"
"แต่ว่านิดหน่อยอยากทำให้พี่ไฟมีความสุข"
"แต่ฉันไม่มีความสุข!" การบอกตรงๆ ส่งผลให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างอวบอิ่มผิวขาวผ่องสลดลงทันที เธออ่อยสุดตัว ทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะเรียกร้องให้เจ้าของผับหนุ่มหล่อหันมาสนใจ แต่ทว่า ไม่ทันได้ร่วมรักเลยด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่สวมใส่เกราะป้องกัน และให้เธอใช้ปากกับตรงนั้น ไม่มีโอกาสได้สอดใส่แบบที่หญิงสาวต้องการเลย
"พี่ไฟจะกลับแล้วเหรอคะ"
"ฉันไม่เคยนอนค้างกับผู้หญิงคนไหน และฉันไม่เคยคิดที่จะมีพันธะกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ต่อให้จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ได้นอนกับฉัน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะสำคัญ"
"..."
"จะไม่มีการสานต่อใดๆ หลังจากวันนี้ที่พบกัน สำหรับเธอเองก็เช่นกัน" คำพูดที่ไร้เยื้อใยดังขึ้นก่อนที่ขายาวมั่นคงภายใต้กางเกงยีนส์แบรนด์ดังจะก้าวขาออกจากห้องพักทันที
รถยนต์ส่วนตัวสีแดงเพลิงขับเคลื่อนออกจากตัวโรงแรมโดยไม่ได้คิดที่จะสนใจคนที่มาที่นี่พร้อมกัน เขาอยากระบายอารมณ์ อยากปลดปล่อยทุกอย่างจนทำให้ตัวเขากลับมารู้สึกโล่ง หรือไม่ก็คลายความหงุดหงิดที่มีให้มันหายไปสักที แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยสักคนที่ทำให้เขาสมหวังแบบที่ต้องการ
'เราเลิกกันเถอะ น้ำจะแต่งงาน'
'เราเลิกกันเถอะ น้ำจะแต่งงาน'
ความหงุดหงิดถาโถมเข้าใส่เมื่อสุดท้ายเขาก็คิดถึงคำพูดแบบนี้อีกจนได้ มือหนาบีบเข้าหากันแน่น กรามบดเข้าหากันอย่างแรง
'ไอ้ไฟที่ฮอตนักหนา สุดท้ายก็ถูกผู้หญิงหน้าจืดๆ ทิ้งเหมือนหมา'
'เราเลิกกันเถอะ น้ำจะแต่งงาน'
คันเร่งถูกเหยียบอย่างแรง รถยนต์สีแดงเพลิงพุ่งทะยานไปที่เบื้องหน้าแรงตามสรีระของร่างกายของเขาที่เป็นคนกำหนด คิดว่าสาเหตุเพราะเธอคือคนแรกที่กล้าบอกเลิก เขาถึงยังจดจำทุกอย่างไม่ลืม จากนั้นเขาจึงพยายามไม่แยแส ไม่สนใจ เลิกติดตามตัวตั้งแต่วันที่ครอบครัวของเธอกลับบ้าน แต่ตัวเธอไม่ได้กลับมา
'ผมเฝ้าที่บ้านคุณน้ำตลอดตามที่คุณบอกตลอดเวลานะครับ ตอนนี้พ่อแม่และพี่สาวของเธอกลับมาแล้ว...'
'น้ำล่ะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านหรือเปล่า'
'เธอไม่ได้กลับมาพร้อมคนอื่นๆ นะครับ ผมตามเรื่องแล้วด้วย สืบรู้แล้วว่าทำไมคุณน้ำใจถึงไม่ได้กลับมา'
'...'
'เธอไปแต่งงานครับ!'
'...อืม เลิกตาม!'
ครืด ครืด~
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่วางอยู่บนเบาะฝั่งข้างคนขับส่งผลให้อัคนีหลุดจากภวังค์ เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ สลัดเรื่องในหัวทิ้งให้เร็วที่สุดก่อนจะสวมใส่หูฟังบลูทูธพร้อมกับการกดรับสายในเวลาต่อมา
"วันนี้กูไม่มีอารมณ์จะไปไหน"
[ ตัดบทแบบนี้เลยเหรอวะ กูแค่มีเรื่องร้อนใจ ]
"กูไม่มีอารมณ์จะรับฟังว่ามึงไปยุ่งกับลูกเมียใคร"
[ ไอ้บ้านี่ กูเข็ดแล้วน่า เอาเป็นว่าแค่มึงบอกมาว่าตอนนี้มึงอยู่ที่ไหนแล้วกูจะเป็นฝ่ายไปหามึงเอง ]
"วันหลังละกัน..."
[ แต่เรื่องที่กูจะพูดกับมึงมันเกี่ยวข้องกับตัวของมึงด้วยนะ มันสำคัญมาก ]
"อะไรที่เกี่ยวกับกู" ถามออกไป แต่ไม่ค่อยได้สนใจจะฟังเท่าไหร่
[ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่กูอยากรู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ น้องน้ำคนสวยถึงหายออกไปจากชีวิตของมึง ]
"กูไม่ได้..."
[ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้เห็นในสิ่งที่กูจะให้ดู หากมึงได้เห็นและได้ฟังสิ่งที่กูอยากให้ดูแล้ว จากนั้นมึงจะไม่สนก็ตามใจ ]
อีกด้าน
"ถึงแล้วเหรอคะ" ดวงตากลมโตตวัดกลับมามองด้านหน้าเมื่อรถยนต์จอดสนิท พื้นที่สีเขียวมันช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มข้างกายของเธอปลดสายรัดนิรภัยส่งผลให้เธอทำตามและลงจากรถตามเขาแต่โดยดี
"ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ"
"แถวนี้เป็นที่นาของพี่เอง หมดนี่เลย"
"คะ? มะ หมดนี่เลย" เธอต้องสงสัยเพราะคนตัวโตกวาดนิ้วแกว่งไปทั่ว ไม่รู้ว่านิยามคำว่าแถวนี้มันสิ้นสุดแค่ตรงไหน
"ที่นาสามร้อยไร่ ในพื้นที่ที่อยู่ในรัศมีสายตาของเธอตอนนี้ เป็นของสามีเธอทั้งหมดเลย" คนฟังถึงกับชะงัก เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับจำนวนมหาศาลของเนื้อที่หรอก แต่เธอแค่รู้สึกแปลกๆ กับคำว่าสามีต่างหาก
"เยอะจังเลยค่ะ พี่คงรวยมาก"
"ไม่รวยเท่าไหร่นะ แต่เงินยี่สิบล้านที่นำไปสู่ขอเธอ พี่ไม่เคยเสียดาย" รอยยิ้มจางผุดขึ้นที่มุมปากหนา ยามที่เห็นคนตัวเล็กก้มหน้า และดูไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมายกับสิ่งที่เขามี มันทำให้เขารู้สึกดี
"พื้นที่แถวนี้เป็นสมบัติของแม่พี่ทั้งนั้น ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว เลยได้ทุกอย่างหมดเลย" คนตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ ไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำมือหนาก็เลื่อนมาคว้าข้อมือเธอแล้วพาเดินไปด้านหน้าพร้อมกัน
"ไอ้เขียวๆ นี่รู้หรือเปล่าว่าเขาเรียกว่าอะไร"
"รู้สิคะ เขาเรียกว่าต้นกล้าค่ะ"
"ใช่เหรอ ดูชัดๆ ก่อน มันอาจจะเป็นหญ้าก็ได้นะ"
"น้ำรู้ค่ะ เขาเรียกว่าต้นกล้า พอถึงฤดูกาลปักดำเจ้าพวกนี้จะกลายเป็นต้นข้าวในอนาคตค่ะ"
"เก่งเรื่องพวกนี้เหมือนกันนะเรา"
"เปล่าค่ะ เคยเรียนมา" เจ้าของคำพูดฉีกยิ้มให้คนที่มองมา พาลพาหัวใจแกร่งให้เต้นแรง
คำว่าธรรมชาติที่เปรียบกับตัวของมนุษย์ หากอยากรู้ว่าคนๆ นั้นมีความเป็นธรรมชาติมากแค่ไหน ก็คงจะต้องใช้หัวใจนั่นแหละพิสูจน์มัน
"นี่เลย ทีเด็ดอยู่ตรงนี้"
"หูววว..." ความตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจส่งผลให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ ความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินแถวนี้มันดีมาก เจ้าของพื้นที่เองก็ความคิดดีมากๆ ไม่ต่างกัน
"ของของแฟนน้ำหมดเลยนะ ชอบต้นไหนวิ่งเข้าไปหาได้เลย" ใบหน้าสวยร้อนเห่อ การพูดแบบตรงไปตรงมาทำเธอตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน มือเรียวยกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองป้อยๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวโตอมยิ้มและมองเธอไม่วางตา ดวงตาคู่สวยจึงเฉไฉไปมองที่แปลงผักใกล้ตัวแทน
"ที่นี่มีทุกอย่าง พี่ปลุกทุกอย่างที่กินได้ คนที่อยู่กับพี่จะไม่มีวันอดตาย และเขาจะมีความสุขกับทุกๆ ความสุขที่พี่สร้างขึ้นมา"
"ขะ ขอเก็บมะม่วงได้ไหมคะ" คนฟังคลี่ยิ้มออกมา มองคนที่ไม่รู้จะวางหน้าแบบไหนทำทีเป็นเฉไฉไปเรื่อย รู้แหละว่าเธอหลีกเลี่ยงคำพูดออดอ้อนที่เขาพูดมันกับเธอแค่นั้นเอง
"เก็บได้ทุกอย่าง งั้นน้ำเก็บรอพี่อยู่แถวนี้ เดี๋ยวพี่กลับไปเอาตะกร้าที่รถมาใส่"
"ค่ะ" น้ำใจพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพืชผักสวนครัวและผลไม้ต้นเล็กๆ น่ารัก ทว่า ลูกดกชะมัดที่รายล้อมตัวเธอ มะพร้าวต้นเตี้ยๆ คงเป็นมะพร้าวน้ำหอม มะม่วงต้นเล็กทว่าลูกดกก็คงจะเป็นพวกเขียวเสวย ผักชี ผักคะน้า ผักกาดหอม ผักสลัดเขียวชอุ่ม มะเขือเทศและพริกขี้หนูก็ลูกดกมาก เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่กินได้แล้วรู้สึกสบายหูสบายตาขึ้นเย็นเลย
คนตัวเล็กนั่งยองๆ ลงที่ต้นมะเขือเทศ ลงมือเก็บด้วยความตั้งอกตั้งใจ นึกไปว่า หากได้จิ้มพริกเกลือคงอร่อยอยู่เหมือนกัน
"...แม่ๆ แม่เห็นแบบที่ฉันเห็นไหม คุณภาสพาผู้หญิงมาที่นี่ ใช่คนที่พี่เอกบอกว่านายซื้อมาด้วยเงินยี่สิบล้านไหมอ่ะ"
"นี่ นังกัน ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นกันไหม"
"โถ่แม่ ที่ฉันพูดเพราะฉันก็หวังดีกับคุณภาสหรอกนะ ผู้หญิงกรุงเทพฯ หลายใจและรักความสบายใครก็รู้ คุณภาสเธอเป็นคนดีนะแม่ หากผู้หญิงคนนั้นเขามาปอกลอกคุณภาสเธอจะแย่เอานะแม่"
"เงียบเถอะน่า รีบไปทำงาน"
"แม่ก็รู้นี่ว่าคุณภาสเคยผิดหวังเรื่องความรักมาก่อน เคยถูกผู้หญิงหลอกจนเสียคนมาแล้ว หากผู้หญิงคนใหม่ของคุณภาสเลว ซ้ำรอยผู้หญิงคนนั้น มีหวัง คุณภาสเธอได้ตายทั้งเป็น"
"นังกันนะนังกัน รู้เยอะพูดเยอะ ผีเจาะปากแกมาพูดหรือไง"
"แล้วแม่คิดว่าผู้หญิงที่ยอมแต่งงานแลกเงินจะดีสักแค่ไหน ยี่สิบล้านนะแม่ กี่ชาติที่คนอย่างเราจะหาได้"
"หยุดพูดเรื่องของเจ้านายได้แล้วนังกัน ไม่ว่าเมียนายคนนี้จะเป็นคนแบบไหน จะดีกับนายแบบที่นายดีกับเธอหรือเปล่า ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของใครของมัน ส่วนแกกับฉัน รีบๆ ไปทำงาน อย่ากินแรงคนอื่นเขาเรียกว่าเห็นแก่ตัว" น้ำใจถือมะเขือเทศสีส้มอมแดงเอาไว้ในมือนิ่งแบบนั้น บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าเธอควรรู้สึกแบบไหนกับสิ่งที่พึ่งได้ฟัง มีเพียงสิ่งหนึ่งที่รู้ คือเธอไม่มีทางปอกลอกใครทั้งนั้น เธอรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร รู้ว่าเงินยี่สิบล้านที่คนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อแม่ได้ไปมันต้องแลกมากับอะไร เธอไม่มีวันหักหลังแล้วทิ้งเขา หากความจริงใจที่เธอสัมผัสจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีได้ มันเป็นความจริงใจแบบที่เธอคิดจริงๆ เธอไม่มีวันทิ้งหรือทำร้ายเขาอย่างแน่นอน