สูตรรักฉบับคนเถื่อน | 13

1408 Words
๑๓ ครืด~ ครืด~ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะกระจกที่ส่งเสียงเรียกเข้าขึ้นมาส่งผลให้คนที่กำลังนั่งสูบบุหรี่ปล่อยควันขาวคลุ้งให้ลอยกระจายไปในอากาศคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที "ว่าไง..." [ บ้านถูกปิดเงียบครับ ไม่มีใครอยู่เลย ] "ตั้งแต่เช้างั้นเหรอ?" [ ครับ ผมถามคนแถวนี้แล้ว เห็นบอกว่าหายออกไปพร้อมกันทั้งครอบครัว ไม่ได้ไปกับใครเพียงลำพังแน่นอนครับ ] ร่างสูงตวัดขายาวขึ้นมาไขว้ห้าง ครู่หนึ่งที่คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปมเผลอคิดคาดเดาไปเองต่างๆ นานา [ เห็นคนแถวนี้ว่ากันว่า วันสองวันก่อนมีคนมาโวยวายที่บ้านนะครับ มีทำร้ายร่างกายคนในบ้านด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือ เห็นว่ากลุ่มคนพวกนั้นมีปืน ] ดวงตาคมกริบทอแสงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น อาการเริ่มนั่งไม่ติดที่ส่งผลให้ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นจนเต็มความสูง ในตอนนี้เขาไม่สามารถลบภาพใบหน้าสวยหวานที่เปื้อนน้ำตาของอีกคนออกจากหัวไปได้เลย "สืบมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ให้คนเฝ้าที่บ้านหลังนั้นเอาไว้ด้วย ทันทีที่เจอตัวน้ำใจ ให้โทรกลับมาหาฉันทันที" [ ครับ ] อัคนีละโทรศัพท์ออกจากหู ก่อนจะคีบบุหรี่เข้าปากตามเดิม ดวงตาคมหลุดให้เห็นว่าภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิด แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร อีกด้าน "น้ำลูก พ่อขอโทษนะ..." เสียงนี้ยังคงดังซ้ำๆ เช่นเดียวกับเฟื่องรัตน์ที่พยายามลากสามี และปลายฟ้าที่ช่วยดึงแขนพ่อออกมาจากตรงนั้นเพื่อตัดความอาลัยอาวรณ์อีกข้าง น้ำใจทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนนิ่งๆ สองแก้มเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ดวงตากลมโตทอดมองไร้จุดหมาย ในตอนนี้เธอไม่ได้หันมองใครเลย และสุดท้าย พวกเขาก็ลากแขนกันออกไป ปล่อยเธอให้นั่งอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง มือเรียวเลื่อนขึ้นมาลูบแขนตัวเองเป็นเชิงปลอบใจ ได้แต่บอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอจะต้องอดทนและก้าวผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปให้ได้ "หนูน้ำ..." เสียงเรียกโดยน้ำเสียงไม่คุ้นเคยส่งผลให้หญิงสาวหันมอง พบคุณลุงคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วอายุมากกว่าคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อ "ฉันมารับหนูกลับบ้าน" หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเองเมื่อยามที่มองสบตากับชายคนนั้น เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เธอ ก่อนจะขยับปากเอ่ยบางอย่างออกมา "น้ำใจ ลูกสาวของนายเสกสรรค์ นางเฟื่องรัตน์ พ้องพงษ์พันธ์ พ่อแม่หนูให้ฉันมารับหนูไปดูแล" น้ำใจกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ มองมือเหี่ยวเฉาที่เลื่อนออกมาตรงหน้าของเธอ บ่งบอกว่าเขามารับเธอกลับจริงๆ "นี่คือหลักฐานการโอนเงินยี่สิบล้านที่เป็นค่าสินสอดที่ฉันสู่ขอหนูจากพ่อมาหนูมา" หลักฐานในโทรศัพท์ถูกเปิดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวรุ่นราวคราวลูกยังคงนิ่งเฉย ท้ายที่สุดเมื่อดวงตากลมโตกวาดมองไปยังสลิปโอนเงิน เธอก็พยักหน้าทั้งน้ำตา พลางขยับตัวลุกทั้งที่แรงจะลุกเธอแทบไม่มีเหลือเลย "หนูพร้อมแล้วค่ะ ในเมื่อพวกเขาเอาหนูมาแลกกับเงินยี่สิบล้านของคุณ หนูก็จะก้มหน้ารับผิดชอบทุกอย่างเอง" รอยยิ้มจางๆ จากชายตรงหน้าผุดขึ้นบนมุมปาก มือเหี่ยวผายไปที่อีกด้าน จากนั้นก็เป็นฝ่ายเดินนำหญิงสาวไปยังรถที่จอดรอ รถหรูเคลื่อนตัวออกจากปั้มน้ำมันทันทีที่หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนรถ ภายในรถมีผู้ชายคนนั้นที่เดินลงไปรับเธอ และมีคนขับรถอีกคนรวมเธอเป็นสามคน "ไม่ต้องกังวลนะหนู ที่ที่หนูจะไป มันดีกว่าการอยู่ที่บ้านหลังเดิมหลังนั้นอย่างแน่นอน" "..." "ดูหนูไม่เต็มใจเลยนะ" "เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนี่คะ หนูไม่เคยรู้จักคุณ ที่หนูต้องทำแบบนี้เพราะหนูจำเป็น" "ความกตัญญูที่หนูมี จะเป็นเกราะป้องกันตัวหนูเอง ลุงเชื่อแบบนั้นนะ" น้ำใจเลือกที่จะทิ้งแผ่นหลังกับเบาะรถ หลับตาลง ยอมรับโชคชะตาของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือกอีกต่อไป "อื้อออ~" เสียงครางในลำคอดังแผ่วเบา หลังจากที่หญิงสาวผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้ามาตลอดการเดินทาง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ยังรู้สึกว่ากระบอกตาของเธอมันร้อนผ่าว ไม่รู้ว่ารถจอดตั้งแต่ตอนไหน คนขับรถหายไป คุณคนนั้นที่ไปรับเธอก็หายไป เธอนอนบนรถเพียงลำพัง แต่รถยนต์ยังติดเครื่องเอาไว้ คงความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้รู้สึกเย็นสบายแบบเดิม น้ำใจกวาดสายตาออกไปโดยรอบเพื่อสังเกตสถานที่ พบบ้านหลังใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นบ้านของใคร รายล้อมตัวบ้านเต็มไปด้วยความงดงามของดอกไม้ รั้วบ้านหรูหราสมกับตัวบ้าน วินาทีที่พบกับความแปลกตา เธอไม่ได้รู้สึกดีแต่ตรงกันข้ามกับรู้สึกใจหายกับความแปลกที่แปลกทาง การมาโผล่ในที่ที่ต่างบ้านมันทำให้รู้สึกแย่ด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากตัวบ้านมาหยุดที่ข้างรถเหมือนรอเธอ น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวเลื่อนเปิดประตูรถ ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถในเวลาต่อมา คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะโค้งศีรษะลงเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ ความงุนงงมันถาโถมเข้าใส่แต่ไม่ทันมีโอกาสได้ถามอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมา "เจ้านายรอคุณที่ด้านในค่ะ" "สะ เสี่ยประภาสน่ะเหรอคะ" "ค่ะ เชิญคุณเข้าบ้านก่อนนะคะ ด้านนอกอากาศร้อน คุณเพิ่งลงจากรถ อยู่ในอากาศเย็นๆ ลงมาเจอแดดอาจจะทำให้ไม่สบายได้" รอยยิ้มเป็นมิตรถูกส่งต่อมาให้ น้ำใจพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านไปอย่างไม่มีทางเลือก ความอลังการที่พบเจอตั้งแต่วินาทีแรกที่เท้าเหยียบพื้นกระเบื้องอย่างดี น้ำใจโน้มตัวลงตั้งท่าจะถอดรองเท้า แต่ถูกคัดค้านเอาไว้ "คุณไม่ต้องถอดรองเท้าก็ได้นะคะ พื้นที่ชั้นล่างคุณสามารถใส่รองเท้าเข้าบ้านได้เลย" น้ำใจชะงักกึก มองรองเท้าของตัวเองกับพื้นสะอาดสะอ้าดแล้วรู้สึกเกร็งแปลกๆ "ใส่เข้ามาเถอะค่ะ เจ้านายอนุญาตแน่นอน" "...ค่ะ" น้ำใจหยัดตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าบ้านต่อไป "ดิฉันพาคุณผู้หญิงเข้ามาแล้วค่ะ" น้ำใจยืนกุมมือตัวเองนิ่ง หัวใจวาบหวิวแปลกๆ เห็นเพียงแผ่นหลังของคนที่นั่งบนเก้าอี้นวมอย่างดี เธอเลือกที่จะก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองเงียบๆ "มาแล้วเหรอ..." เก้าอี้ทำงานหันขวับ วินาทีที่ได้ยินเสียง หัวใจดวงน้อยมันยิ่งวาบหวิวไปหมด "เดินทางมาค่อนข้างไกล เหนื่อยหรือเปล่า..." เมื่อเขาถาม เธอจึงจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมอง แอบชะงักไปเล็กน้อย เมื่อคนที่เธอพบกลับไม่ใช่คุณลุงคนที่ไปรับเธอ "ฉันรู้จักเธอแล้วนะ น้ำใจ ส่วนฉัน ชื่อประภาสนะ" "คะ คุณคือ..." "ฉันคือคนที่สู่ขอเธอจากครอบครัวด้วยเงินยี่สิบล้าน ฉันชื่อประภาส นาราอภิบาล ที่นี่คือบ้านของฉัน และฉันก็ตั้งใจสู่ขอเธอมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน" รอยยิ้มอบอุ่นคลี่ออกบนใบหน้าหล่อเหลา ประภาส จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ถูกชะตามากกว่าเก่า เขาเคยพบเธอแบบผ่านตา แค่วันนี้รู้ว่า เธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาแล้ว อาการป่วยที่ชายหนุ่มต้องต่อสู้กับมันในทุกๆ วัน กลับมีความรู้สึกเบาบางลงได้อย่างที่ไม่เคยเป็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD