๓๓
"...ตัวเล็กหลับแล้วเหรอครับ" เสียงจากทางด้านหลังส่งผลให้คนที่นอนไม่หลับ และตั้งใจว่าจะลงมาดื่มน้ำหันไปทางต้นเสียง
"หมอเรศยังไม่นอนเหรอคะ น้ำลุกมาเปิดไฟด้านล่างเป็นการรบกวนคุณหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกครับ มีน้องๆ ที่จบใหม่โทรเข้ามาปรึกษาผมเรื่องงาน เพิ่งจะวางสายไปน่ะครับ" คนฟังพยักหน้าออกมาเบาๆ
"ดื่มน้ำไหมคะ"
"ก็ดีเหมือนกันครับ" หญิงสาวเปิดตู้เย็นพลางหยิบน้ำดื่มสะอาดเทใส่ลงไปในแก้วใสตามด้วยการหยิบยื่นให้นายแพทย์หนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
"น้ำนอนไม่หลับเหรอ"
"เป็นห่วงที่บ้านด้วยค่ะ มาด้วยกันทุกคนไม่มีใครดูแลบ้านเลย"
"...อย่ากังวลเลยครับ ที่นั่นมีกล้องวงจรปิดแทบทุกจุดตั้งแต่วันที่เปิดพินัยกรรม ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นแน่นอน ผมขอถามอะไรในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ" คนถูกถามเงยหน้ามอง เหมือนเธอเองพอรู้ว่านายแพทย์หนุ่มต้องการคุยเรื่องอะไร
"หากหมอเรศอยากคุยกับน้ำเรื่องนั้น ความจริงคือเราไม่เคยติดต่อกันตั้งแต่วันที่น้ำเดินเข้ามาในชีวิตของพี่ภาสค่ะ น้ำรู้ว่าหมอเรศอาจจะรู้ว่าเขาคือใคร" หญิงสาวจำวันที่อดีตคนรักพาลเข้ามาชกสามีของเธอได้ เธอเห็นนายแพทย์หนุ่มมองอยู่เหมือนกัน
"ครับ ผมพอรู้ว่าเขาคือใคร น้ำคิดแบบไหนเหรอครับกับการที่เขาเดินเข้ามาทักทายทั้งที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน"
"น้ำไม่รู้ค่ะ น้ำไม่เคยคิดว่ามันจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ"
"เรื่องมันก็ผ่านมานานมาก ตอนนี้ผมอยากถามจริงๆ เพื่อนผมแย่งน้ำมาจากเขาใช่ไหม..."
"น้ำตัดสินใจของน้ำเองค่ะ พี่ภาสไม่ได้ผิดอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องระหว่างน้ำกับเขาคนนั้น น้ำพูดคำว่าจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหมือนกัน"
"นายภาสก็จากไปตั้งนานแล้ว ถามในฐานะเพื่อนนะครับ น้ำคิดจะมีคนใหม่หรือเปล่า"
"ไม่เคยคิดค่ะ ไม่เคยคิดเลย..." นายแพทย์หนุ่มคลี่ยิ้มบางตอบรับคำตอบที่ชัดเจนของภรรยาของเพื่อนรัก ผู้ชายคนนั้นที่เจอกันที่ร้านไอศกรีม ผู้ชายที่ชื่ออัคนี หมอหนุ่มรู้ดีว่าชายหนุ่มคนนั้นคือใคร
"...คุณแม่" น้ำเสียงงอแงของบุตรสาว เรียกความสนใจจากผู้เป็นแม่ให้หลุดจากหลายๆ อย่างในหัว
"เหนื่อยไหมคะลูก" คำถามดังขึ้นระหว่างที่นั่งรถกลับ ลุงพัฒน์ยังทำหน้าที่เป็นพลขับเช่นทุกครั้ง ผู้ที่นั่งประกบข้างคือป้าหมอนซึ่งเป็นภรรยา ส่วนปุ้มปุ้ยนั่งที่เบาะด้านหลัง มีเธอและลูกที่นั่งเคียงข้างกันในตำแหน่งที่สบาย และหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนของรถมากที่สุด
"น้องนิปวดหัวค่ะ"
"รู้สึกอยากอ้วกด้วยไหมคะ" บุตรสาวพยักหน้าหงึกหงัก นิทานมักเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีการเดินทางด้วยระยะเวลาและระยะทางที่นาน
ดวงตากลมโตตวัดออกไปมองที่ด้านข้างหวังจะเจอปั้มน้ำมันพอที่จะพาบุตรสาวลงไปล้างหน้าล้างตาได้ ถนนหลักทางกลับบ้านในตอนนี้ไม่ได้รายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างอย่างที่อยู่ในเมือง หลายชั่วโมงพอสมควรที่ขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ ในตอนนี้พื้นที่สองรอบข้างทางปกคลุมไปด้วยฟาร์มวัวและพื้นที่สีเขียวขจี
"ลุงพัฒน์ช่วยจอดรถด้านหน้าให้น้ำหน่อยนะคะ น้องนิเมารถค่ะ" ลุงพัฒน์ยอมทำตามคำขอ เพราะปุ้มปุ้ยอยู่เบาะด้านหลัง เธอจึงเลื่อนประตูรถและประคองตัวบุตรสาวลงจากรถเอง
"เข้าร่มก่อนนะคะ ถ้าอยากอ้วกหนูปล่อยออกมาได้เลยนะ"
"เมื่อไหร่จะถึงบ้านคะ น้องนิไม่ไหว" คนตัวเล็กคว่ำปาก โก่งคอคล้ายกับคนที่กำลังจะอาเจียน คนเป็นแม่ต้องประคองกอด ปลอบประโลมยกใหญ่ให้คนตัวเล็กหายงอแง
"อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงบ้านแล้ว อดทนหน่อยนะคะลูก หนูนอนหนุนตักแม่บนรถเหมือนเดิมได้ไหมคะ"
"น้องนิอยากกลับบ้านเร็วๆ ค่ะ ไม่อยากนั่งรถแล้วค่ะ"
"ถ้าไม่นั่งรถเราก็ไปไม่ถึงบ้านนะคะ"
"น้องนิเมารถเหรอลูก นี่น้ำล้างปากค่ะหนูน้ำ" ป้าหมอนตามลงมาเช่นเดียวกับปุ้มปุ้ย แต่คนตัวเล็กที่มีน้ำตาคลอหน่วยออกมาทั้งสองเบ้าตาไม่ยอมหาใครเลย
"เมารถนั่นแหละค่ะ ดีไม่ดีอาจจะมีไข้ด้วย ตัวอุ่นๆ ค่ะป้าหมอน"
"ไปนั่งกับย่าหมอนไหมคะ" คนตัวเล็กยังคงส่ายหน้าพลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของตัวเองป้อยๆ
เอี๊ยดดดดดด!
เสียงรถยนต์ที่มีการเบรกลากยาว เรียกความสนใจจากทุกคนได้ในทันที รถยนต์คันนั้นเบรกในระยะประชิดก่อนจะใส่เกียร์ถอยเพื่อถอยรถกลับ การหยุดรถใกล้เคียงกับรถของเธอที่จอดอยู่เป็นลางสังหรณ์แปลกๆ สุดท้าย การที่ประตูรถถูกเปิดตามด้วยชายฉกรรจ์สองคนที่เดินลงมาพร้อมปืนทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
"ว๊ายยยยย ปะ ปืน" ปุ้มปุ้ยกรี๊ดลั่น ซึ่งส่งผลให้ปลายกระบอกปืนเล็งมาที่มุมของพวกเธอทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำใจรวบตัวบุตรสาวเข้าสู่อ้อมกอดทันที
"เอาตัวมันมา!"
"ทะ ทำอะไรอ่ะ พวกแกจะทำอะไร ตาพัฒน์ช่วย..."
ผัวะ!
"โอ๊ยยยย...!"
"เงียบไปเลยอีแก่!" หลังมือตวัดฟาดลงที่ป้าหมอน สถานการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก หนึ่งในสองคนนั้นเล็งปืนมาที่น้ำใจและบุตรสาว ความกลัวส่งผลให้ผู้เป็นแม่กอดลูก ขยับตัวปกป้องลูกเท่าที่จะทำได้
"ยะ อย่าทำ"
"ถ้าไม่อยากให้ลูกแกตาย ไปขึ้นรถ!"
"คะ ใครส่งแกมา แกต้องการอะไร"
"ไป!" ปลายกระบอกปืนที่เล็งมาตรงหน้า พร้อมกับเสียงตวาด บ่งบอกอารมณ์ที่ร้อนมากจนคนฟังสะดุ้ง เด็กหญิงในอ้อมกอดของแม่ร้องไห้ ปุ้มปุ้ยทิ้งตัวลงกับพื้นพลางยกสองมือประกบปิดที่ข้างหูด้วยความตกใจ ลุงพัฒน์เปิดประตูลงมา ทว่าถูกปืนเล็งใส่เช่นกัน
"ไป!" แขนเรียวถูกกระชากอย่างแรง เช่นเดียวกับบุตรสาวของเธอที่เปล่งเสียงร้องไห้ออกมา
"กรี๊ดดดด ฮื่อ..."
"เด็กกลัว อย่าดึงลูกฉัน" ผู้เป็นแม่ไม่สนกระบอกปืนแล้วในตอนนั้น คนตัวเล็กพุ่งเข้าไปคว้าตัวบุตรสาวมากอดแนบอก แม้ความกลัวจะถาโถมเข้าใส่แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ ห่วงความปลอดภัยของลูกมากกว่าการกลัวตัวตาย
"คุณแม่ น้องนิกลัว ฮื่อ..." แขนเรียวถูกกระชากไปที่รถตู้ซึ่งจอดอยู่ ทั้งสถานการณ์ที่หดหู่ไร้การต่อสู้ทำได้เพียงแค่กอดลูกไว้แม้จะถูกลากไปขึ้นรถแล้วก็ตาม
"เงียบ!" เสียงตวาดดังก้องพร้อมกับการเดินรถต่อทันที แม้ว่ากลัวสุดขีด แต่คนในอ้อมกอดที่กลัวกว่าทำให้ผู้เป็นแม่มองออกไปภายในรถ เห็นว่าพวกนั้นมีกันสามคนซึ่งเธอแน่ใจว่าเธอไม่รู้จักคนพวกนี้เลย
"พวกแกต้องการอะไร จะจับฉันกับลูกฉันไปทำไม"
"เอาไปปล่อยทิ้งกลางป่าให้ตายเหมือนหมูเหมือนหมาไง"
"ฮื่อ..." แรงกอดจากแขนเล็กแน่นขึ้นเพราะความหวาดกลัว หัวใจคนเป็นแม่คล้ายถูกบีบอย่างหนัก สองแขนโอบกอดลูกสาวในอ้อมกอดแน่น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ต้นเหตุของเรื่องหญิงสาวไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้เลย