ตอนที่ 10
ดวงหน้าหวานหลับตาพริ้มแล้วด้วยความอ่อนเพลียเหนื่อยล้าจากการทำงาน กบิณฑ์มายืนหยุดนิ่งเบื้องหน้านั้นนานพอสมควร ไรผมของหล่อนปรกสยายบนหมอน ดวงหน้าสวย จมูกโด่งได้สัดส่วนกับริมฝีปากบางอวบอิ่มน่าจูบ เผยอขึ้นเล็กน้อย แม้แต่ในยามนอนของหล่อนก็เป็นอิริยาบถที่สวยงาม น่าท้าทายหัวใจของกบิณฑ์นัก แบบนี้เองจะไม่ทำให้ผมอดนึกหลงรักคุณได้อย่างไรเลื่อมลนิน ถึงจะได้หล่อนมาในสภาพนางบำเรอก็ตาม เขาไม่ยอมสูญเสียหล่อนให้ใครหรอก หล่อนเหมือนรู้สึกตัว เงยหน้าขึ้นตกใจ
“คุณกบิณฑ์”
“ใช่ผมเอง” หล่อนเหมือนฝันร้ายหล่อนตกใจ จากนั้นสาวสวยเป็นฝ่ายเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เงยหน้ามอง
“นี่คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่นอนอีกหรือคะ” เลื่อมลนินถามเบาๆ
“ผมห่วงคุณ เลยเข้ามาดู อีกอย่างผมเพิ่งกลับมาจากเยี่ยมคุณแม่”
“แหม ฉันนึกว่าคุณจะค้างที่โน่นเสียอีก ฉันว่าจะปิดประตูล็อกกลอนลงเสียแล้ว”
“นอนทำไม นี่มันบ้านผม ห้องของผม และถึงคุณจะล็อกกลอนกุญแจคุณลืมไปแล้วหรือเลื่อมลนิน ผมก็มีลูกกุญแจทุกห้องในคอนโดนี้”
“ฉันทำเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่อยากให้คุณมายุ่งกับฉัน งั้นคุณก็กลับไปนอนได้แล้ว”
“มาถึงก็ไล่เลยหรือไง” เขาว่า
“ก็ฉันง่วงนอนนี่ คุณมาปลุกทำไมไม่ทราบ พรุ่งนี้ฉันจะต้องตื่นทำงานแต่เช้า”
“อุ๊ย บริษัทของผมคุณจะไปเวลาไหนก็ได้”
“ไม่ค่ะ ฉันจะต้องไปตามเวลา” หล่อนบอก
“ฉันไม่อยากได้อภิสิทธิ์ที่น่าขยะแขยงและเกลียดชัง”
“ก็ไม่เป็นไร ตามใจคุณ”
“แล้วนี่ คุยกับผมได้ไหม? นั่งคุยกัน ยังไงคุณก็ตื่นแล้ว”
“ฉันอยากนอนค่ะ” สาวสวยเอ่ยบอกอีกครั้งท่าทางง่วงและเพลียจัด
“งั้นผมนอนด้วย ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมาพูด”
“กรุณาเถอะค่ะ ฉันต้องการหลับต้องการนอน”
“งั้นผมก็นอนด้วย นอนกอดคุณ” กบิณฑ์เอ่ยบอกแบบไม่วายที่จะเลิกตอแยกับภรรยาสาวสวย จนหล่อนต้องงัวเงียตื่นจากนอนขึ้นทันที เพื่อแสดงสิทธิ์ของตนเองอย่างเต็มที่ อย่างที่ตกลงกันเอาไว้แล้ว ที่นอนของเขาคือโซฟาโน่น เขายิ้มให้หล่อน สีหน้าของเลื่อมลนินยุ่งยากเต็มที
“คุณจะเอายังไง” เขายิ้มอีกหน
“ไม่มีอะไรหรอก ราตรีสวัสดิ์ นอนเถอะ ขอยั่วก่อนนอน”
เขาเอ่ยพร้อมเดินจากหล่อนไปที่โซฟา ยังเงยหน้ามายิ้มให้หล่อน เลื่อมลนินค่อนเขาอีกครั้งก่อนที่จะล้มตัวลงทาบบนที่นอนอีกครั้งเพื่อหลับใหล เพื่อลุกขึ้นแต่เช้ามาจะได้ต่อสู้ชีวิตในโลกของวันใหม่
อลัมน้องชายของเขามาหาเขาที่ทำงานแต่เช้าตรู่พร้อมด้วยคุณพิณอำพันผู้เป็นมารดา
“แม่ขี้เกียจ ไม่อยากให้เจ้าลัมมันนั่งกินนอนกิน แล้วก็ไม่อยากให้มันแบมือขอเงินใช้อย่างเดียว เดี๋ยวมันจะเคยตัว แม่เลยเอาน้องมาฝากไว้กับแกให้มันทำงานด้วย สอนมันบ้างนะกบิณฑ์ ในเมื่อมันเป็นน้องกำพร้าของแกคนหนึ่ง ยังไงอาศรมก็เป็นอาของแก น้องชายพ่อแก”
ข้อนี้เขารู้ดี ทำไมจะไม่รู้เล่า หากนับญาติกันก็คงจะอย่างงั้น แต่เขาไม่ค่อยใส่ใจอลัม อลัมเกกมะเหรกเกเร ดื้อนัก เพราะว่ามารดาของเขาคอยให้ท้าย อลัมยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ แต่เขาทำเพราะรับปากมารดา คุณพิณอำพันที่ห่วงใยหลานรักหลานใคร่มากยิ่งนัก
เขาเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าน้องไม่รักดีอย่างหมิ่นๆ นัก อลัมได้แต่ก้มหน้าหลบพี่ชายของตัวเอง มันอ่อนกว่าเขาตั้งหลายปี ถ้าจะลองเทียบเคียงอายุแล้ว น่าจะอายุเทียบเท่ากับภรรยาของเขา เอ๊ย...นางบำเรอสิจะถูก เพราะหล่อนไม่ได้รับการยอมรับ
“แกจะทำงานหรือ แกแน่ใจแค่ไหน แกเตรียมใจแล้วหรือไงที่จะทำงานกับฉัน ฉันโหดนะไอ้ลัม”
เขาเรียกน้องชายลูกพี่ลูกน้องอย่างนั้น อลัมยิ่งกลัวพี่ชายคนนี้หนักเข้าไปอีก
“ทำไมแกไม่เงยหน้าขึ้นมองฉันบ้างวะ กลัวนักหรือไง กลัวยังอยากจะมาทำงานกับฉัน”
เขาพูดกระทบเสียงเข้ม ดุดันอย่างนี้อลัมยิ่งกลัว
“แกละก็ พูดกับน้องเพราะๆ หน่อยสิลูก ทีกับคนอื่นละก็พูดเพราะ”
คุณพิณอำพันเหมือนจงใจพูดจากระทบไปถึงใครคนหนึ่งที่นางไม่รู้ว่าเผลอนอนเตียงเดียวกันกับลูกชายเสียแล้ว นี่ถ้ายิ่งได้รู้ความจริง คุณนายพิณอำพันคงจะเต้นแร้งเต้นกามากกว่าเดิมอีก นี่เพราะไม่รู้หรอก เรื่องจึงเงียบ และกบิณฑ์ก็เจ้าเล่ห์เรื่องนี้พอสมควร
ก็ในเมื่อเลื่อมลนินอยู่ในกำมือของเขา เขาจะทำอย่างไรก็ได้ คุณแม่ไม่ควรจะเข้ามาก้าวก่าย เขาคิดในใจ ถ้าเป็นเรื่องอาณาจักรส่วนตัวของสามีกับภรรยา
“เอาล่ะพอแล้ว ตกลงอลัมเตรียมตัวทำงานพร้อมกับพี่เขาเสียสิ”
“สวัสดี เอ้อ...ขอบคุณครับพี่แก๊ฟ”
“แกไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก” เขาว่าใส่น้องชาย
“ให้รู้จักขยันมากกว่าเดิมก็พอ ถ้าแกมีความรับผิดชอบจะดีมาก”
“ขอบคุณครับ ผมจะทำตามพี่”
“ฉันบอกแกไม่ต้องทำตามฉันไง” เขากระแทกเสียงเข้มใส่ ดุ จนอลัมสะดุ้งเล็กน้อย คุณนายพิณอำพันมองกิริยานั้นไม่พอใจเล็กน้อยแต่ไม่ว่าอะไร
“นังเมียลูกจ้างของแกยังไม่ตื่นหรือยังไง” คุณพิณอำพันนึกขึ้นได้ว่าเลื่อมลนินต้องมาทำงาน
“อยู่ครับ เธอตื่นแล้ว ตื่นก่อนผมเสียอีก ปลุกผมด้วย”
“ปลุกแก ทำไมต้องให้มันปลุก แม่ให้แกช่วยเหลือตัวเองนี่นา”
เรื่องนี้คุณพิณอำพันไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนนางเต้นแร้งเต้นกาออกมาว่าลูกชายคนเดียวเสียงเข้ม
กบิณฑ์ไล่น้องชายออกไปทันที
“แกออกไปได้แล้ว ฉันจะคุยกับคุณแม่ ป้าของแกตามลำพัง ถ้าขยันนักเข้าไปในออฟฟิศก็ได้ ดาริกามีงานให้แกทำ คอมฯ ถ้าใช้ไม่เป็นก็หัดซะ ไปเรียนมาด้วย โปรแกรมที่เกี่ยวกับธุรกิจแกจำเป็นต้องใช้ ไม่งั้นจะหาว่าญาติฉันโง่เง่าดักดาน ฉันอายคนอื่น” กบิณฑ์เอ่ยกับน้องชายจนเขาลนลานจากไป คุณพิณอำพันได้แต่ถอนหายใจตามหลัง
“แกก็ว่าน้องมันมากเกินไปแล้วนะกบิณฑ์ ปรามมันเบาๆ หน่อยสิ”
“คุณแม่ก็มัวแต่ให้ท้ายมันนี่แหละมันจึงเคยตัว ถลุงไปเท่าไหร่แล้วครับ พอมันแบมือก็รีบให้ อีกหน่อยคงจะผลาญไม่เหลือ มันใช้เงินมือเติบยิ่งกว่าอะไร”
เขาเอ่ยถึงความจริงที่มารดาเถียงไม่ออก พิณอำพันก็นิ่งเงียบจริงๆ แต่ก็ยังอยากเถียงเสียงอ่อย
“แกมันก็อย่างนี้แหละ”