ตอนที่ 4
“ไม่ใช่หรอกนะ
เขาเป็นคนกรุงเทพจริงๆ แต่อาจจะมีนิดหน่อยตรงที่พ่อเขาอพยพไปลงรากฐานที่นั่น
แล้วกลับมาที่กรุงเทพเหมือนเดิม”
เลื่อมลนินตอบเท่าที่หล่อนรู้ให้เพื่อนสนิทที่สามารถไว้ใจได้ฟัง
“เลื่อมก็ใจดำมากเลยนะ ไม่บอกเพื่อนฝูง”
“ฉันไม่กล้าบอกเพื่อนฝูงเรื่องนี้หรอกกลัวจะรับไม่ได้”
“ทำไมหรือเลื่อมถึงรับไม่ได้”
“ผู้หญิงอย่างฉันอยู่ในสภาพที่รับไม่ได้อยู่แล้ว”
“สงสารเลื่อมจริงๆ”
เขาตอบ
“ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน”
“มีอะไรให้ช่วยบ้างไหม?”
“มีสิอยากจะวานหลายเรื่อง ว่าแต่เธอมีเวลาไหม?”
“มีอยู่แล้วสำหรับเลื่อม”
“ขอบใจมากอิงค์”
หล่อนเอ่ยตอบเพื่อน แล้วหล่อนเอ่ยถาม
“แล้วเพื่อนทุกคนเป็นยังไงบ้าง”
“ก็สบายกันหมดล่ะ”
จักราวุธตอบ
“งั้นคงมีฉันคนเดียวเท่านั้นล่ะที่ไม่สบาย”
น้ำเสียงของเลื่อมลนินเปลี่ยนไปจนเขาต้องร้องเรียก น้ำเสียงนั้นดูหดหู่ขมขื่นใจ
“เลื่อม
ทำไมเป็นอย่างนั้น”
“ชีวิตของฉันไง...ชีวิตของฉันต้องเป็นอย่างนี้”
“แต่ดูเลื่อมไม่สบายใจมาก”
“ไม่เป็นไรหรอก
ฉันทนได้”
“ไหนที่เลื่อมบอกว่าจะให้อิงค์ช่วย ให้ทำอะไรหรือ”
“เดี๋ยวเลื่อมจะบอกเอาไว้วันหลังดีกว่าจะโทร.ไปเอง แค่นี้นะ” เลื่อมลนินตัดบททันที วางสายจากจักราวุธแล้ว
หล่อนไม่รู้จะต่อไปหาใครอีก แพนหรือพัณสินีดีไหม? ไม่ดีกว่า เตรียมรอรับมือกบิณฑ์ดีกว่า
คุณพิณอำพันเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งของบุตรชายที่ลิ่วๆ
เดินมาตัวตรงสง่า บุคลิกท่วงท่าอย่างนี้เป็นของกบิณฑ์
เขาพบว่าคุณพิณอำพันมารดานั่งอยู่กับแขก แขกคนนั้นไม่ใช่ใคร คือน้าสาวของเขาเอง
คุณรุจิประภา
“แม่นึกแล้วว่ากบิณฑ์จะต้องมา
แล้วลูกก็มาจริงๆ”
คุณพิณอำพันปรายสายตามองร่างสูงโปร่งหล่อเหลาในชุดภูมิฐานที่คงเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน
“เป็นไงบ้าง
เพิ่งมา เหนื่อยใช่ไหม?”
“ครับแม่”
กบิณฑ์ทักนางแล้วก้าวไปทรุดนั่งที่เบาะหนังนุ่มสีครีมใกล้ร่างมารดา
คุณพิณอำพันเงยหน้าขึ้นมองหน้าบุตรชายด้วยความภาคภูมิใจ
“แก๊ฟสิ่งที่แม่บอกให้ลูกจัดการเป็นไงมั่ง”
“ดีครับคุณแม่ ผมได้แก้แค้นสมใจอยากให้กับคุณน้า ตอบแทนการกระทำให้สาสมแทนน้าศศิ แล้วก็นายวิลัพย์” เขาเอ่ยถึงชื่อน้องชายของตัวเองเป็นคนท้ายสุด ที่เสียชีวิตไปเพราะเรื่องนี้ พร้อมกับคุณศศิที่ถูกหลอกจนตั้งท้องแล้วตายเพราะนายนิลาศ เขาจึงได้แค้นเคืองยิ่งกว่าแค้นนายนิลาศยิ่งนัก เขาจึงทำตามทุกอย่างตามอำนาจอำเภอใจของตนเองเพื่อการครั้งนี้ และผู้หญิงสวยๆ ร่างบอบบางคนนั้นก็ไม่พ้นมือเขาหรอก ด้วยเหตุผล...หล่อนเกิดมาเป็นลูกสาวนายนิลาศ หล่อนต้องรับกับกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียด้วย
“แม่ว่าลูกอิดโรย แล้วดูผอมมากนะ” คุณพิณอำพันห่วงใยบุตรชาย แต่คุณรุจิประภาหน้าตาบึ้งตึงหันมองไปอีกทาง เมื่อครู่หล่อนกำลังคุยกับพี่สาว คือแม่ของกบิณฑ์อยู่ มีการพาดพิงไปถึงผู้หญิงที่เป็นของหลานชาย ซึ่งหล่อนเรียกว่านางบำเรอจนตรอก รุจิประภาไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องนี้ แต่หล่อนเกลียดชิงชังยัยเด็กนั่นเหลือเกิน นัยน์ตาของมันวาววับไม่ยอมคน เชือดเฉือน นังเลื่อมลนิน ลูกสาวของไอ้นิลาศ พ่อผู้สิ้นเนื้อประดาตัวขนาดขายลูกสาวตัวเองกิน มันสาสมแล้วกรรมเวรที่ก่อพันกันเป็นลูกโซ่ ทั้งน้องสาวกับหลานไม่ตายฟรี
“ครับคุณแม่ ผมคงไม่เป็นไรหรอก”
“ลูกต้องห่วงตัวเองบ้างนะ ไม่ใช่จะตรากตรำอย่างเดียว แล้วงาน...ถ้าลูกอ่อนล้า ลูกก็จะต้องพักผ่อน แม่ไม่อยากจะสูญเสียลูกไปอีกคนแม่กลัว” คุณพิณอำพันเอ่ย เขานึกคิดตามทราบความเป็นมาของเรื่องราวในอดีตเหล่านั้น แต่คงไม่เป็นไรหรอก ใจเขามันแข็งกว่าหินผา เหี้ยมเกรียม ใครจะมาสยบได้ง่าย ไม่ใช่พวกใจอ่อนหลงกลใครง่ายๆ และอดทน ใครจะมาทานทนเท่าเขา
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” คุณพิณอำพันเอ่ย ไม่ได้ยึดนับถือเป็นลูกสะใภ้เลย เพราะรู้จุดประสงค์ดีแล้วจากลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียว
“ก็ต้องตกเป็นนางบำเรอของผมจนสมใจอยากนั่นแหละครับคุณแม่”
“ก็ดีแล้ว ที่ลูกจัดการแบบนั้นให้มันเป็นได้แค่นั้น แม่ล่ะไม่อยากเห็นหน้าเลย ชังน้ำหน้าเหลือเกิน”
คุณพิณอำพันเอ่ยถึงผู้หญิงที่หล่อนรังเกียจ
“แล้วแกทำอะไรอยู่ที่นั่น กินนอน...นอนกับมันหรือเปล่า”
“คงไม่หรอกครับคุณแม่ในตอนนี้ แต่ว่าต่อไปก็อาจไม่แน่เหมือนกัน”
“งั้นแกอย่าหลงมันก็แล้วกัน ลูกสาวของนายนิลาศคือศัตรูที่แม่เกลียดชัง อาฆาตนัก มันกับพ่อมันมีส่วนทำให้น้องแกตาย ลูกคนเล็กของแม่” คุณพิณอำพันยังคร่ำครวญถึงเรื่องราวในอดีต หลังจากที่เธอกลับลงไปใต้อีกครั้งเพื่อดูแลธุรกิจและพักผ่อนร่างกายอยู่กับสามี ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพอีกครั้ง อย่างในเวลานี้
“ดิฉันลาคุณพี่ล่ะค่ะ” คุณรุจิประภาอดรนทนไม่นานนัก เนื่องด้วยพอหลานชายเดินทางมาถึง เรื่องที่ค้างคาคิดจะพูดขึ้นมาหล่อนไม่อยากจะเอ่ยเลย และรู้สึกไม่พึงพอใจกบิณฑ์เป็นทุนเดิมด้วย จากนั้นก็ลุกก้าวออกไปพร้อมกับกระเป๋าติดตัว ไม่ได้หันหน้ามามองกบิณฑ์ด้วยซ้ำ กบิณฑ์ก็ไม่สน
“อ้าว จะกลับแล้วหรือน้องรุจิ ไม่อยู่ทานข้าวเย็นกับพี่ก่อนล่ะ”
“ไม่ค่ะ ดิฉันมีธุระ” พูดจบก้าวปราดแล้วหล่อนก็เดินออกไป กบิณฑ์ไม่ได้สนใจมองด้วย
ครั้นพอน้องสาวจากไปแล้วนั้น คุณพิณอำพันจึงหันมาซักไซ้ไล่เลียงบุตรชายเป็นงานเป็นการทันที อย่างเอาเรื่องเหมือนกัน
“ไหน แกบอกมาซิว่านังผู้หญิงคนนั้นเป็นอยู่ยังไงบ้าง” แม่ของเขาใช้สรรพนามรุนแรงเหลือเกิน เขาคิดในใจแต่ก็เหมาะสมกับผู้หญิงที่ชื่อเลื่อมลนินซึ่งเป็นลูกสาวของศัตรู เขาก้มหน้าลงครุ่นคิดก่อนที่จะตอบมารดา
“ก็ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรเกินเลย”
“ก็ดีแล้ว แม่จะให้แกแต่งงานกับหนูเพียงอำพร ที่เหมาะสมกับแกที่สุด สะใจแม่เหลือเกิน ได้แก้แค้นมันลึกๆ ให้กระอักเลือด ลูกสาวถูกย่ำยี เป็นหมาหัวเน่า” คุณพิณอำพันเอ่ยกล่าวคำนั้น ซึ่งคนฟังอย่างกบิณฑ์รู้สึกตกใจเหมือนกันที่มารดาของเขา ท่านเป็นผู้ดีหากจิตใจในเรื่องนี้หยาบกระด้างนัก จนเขาไม่นึกเลยว่าท่านผูกพยาบาทกับเรื่องนี้มาก เลื่อมลนินต้องรับกรรมแทนพ่อแทนคนที่ทำไปแล้ว มันช่วยไม่ได้เพราะพวกหล่อนช่วยกันก่อมันขึ้นมา
“แต่งงานหรือครับ” เขาอุทาน