ปิดเมืองข้า!!! ค้นหานาง!!!/6

1660 Words
ในขณะเดียวกัน “จ๊อกกกก!!!” เสียงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของเฉินวาวาดังออกมาจนเจ้าตัวที่กำลังหลับอยู่ในขณะนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที “โอ๊ยยยย!หิวข้าวจังเลย” หญิงสาวรำพึงรำพันออกมาทันที ร่างระหงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนพลางกวาดสายตาไปทั่วห้อง เมื่อไม่พบผู้ติดตามของเธอหลงเหลือสักคนไม่เว้นแม้กระทั่งมู่อิง นางกำนัลคนสนิท “ไปไหนกันหมดนะ” หญิงสาวเอ่ยพึมพำด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมาทันที “หรือว่าพากันออกจากเมืองกลับไปที่ขบวนเจ้าสาวแล้ว!” หญิงสาวกล่าวอย่างตื่นตระหนก ครั้นสายตาเหลือบไปเห็นห่อผ้าที่ลู่เหอซื้อติดมือมาเพื่อให้เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เป็นเป้าหมายเป็นชุดอื่นแทน หญิงสาวถอนหายใจออกมาทันที “เฮ้อ! โล่งอกไปทีพวกเขายังไม่พากันไปไหน ยังอยู่ที่นี่ แต่ว่าหายไปหมดแบบนี้หรือว่าจะออกไปตามหาเราอีก” หญิงสาวยืนครุ่นคิดก่อนจะได้ยินเสียงอึกทึกและการละเล่นต่างๆ เริ่มต้นการแสดงในเทศกาลลอยโคมประทีปของค่ำคืนนี้ ร่างระหงก้าวตรงไปที่หน้าต่างทันใดพร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งยวด “โอ้โฮ! สวยจังเลย” หญิงสาวแหงนคอมองโคมไฟที่กำลังค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าท่ามกลางพระจันทร์กลมโตกำลังส่องแสงสุกสกาวไปทั่วผืนฟ้าเบื้องบน “ฉันอยากลอยโคมประทีปจังเลย ดูสิเทศกาลนี้มีมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน แต่ทำไมในยุคนี้ถึงได้สวยจับใจและมีมนต์ขลังเช่นนี้หนอ ทำยังไงถึงจะปรากฏกายได้ แล้วไปลอยโคมประทีปกับคนอื่นบ้างนะ” หญิงสาวเฝ้ารำพึงรำพัน “พรึ่บ!” ร่างที่กำลังล่องหนค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นมาทันใด ทันทีที่เธอเอ่ยออกมาเช่นนั้นโดยที่เฉินวาวาก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่าสามารถปรากฏร่างได้แล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าภายในถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน จอมมารชินซางทรงพระดำเนินปะปนอยู่กับฝูงชนที่เดินเที่ยวชมเทศกาลลอยโคมประทีปกันอย่างคับคั่ง และพระองค์อยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมดังกล่าวเพียงสองร้านค้าก็ก้าวถึงแล้วนั่นเอง ท่ามกลางฝูงชนอันล้นหลามที่เดินผ่านไปมา จอมมารกวาดสายพระเนตรค้นหาเยว่วาวาของพระองค์ไปตลอดตามทางที่ก้าวเดิน ทรงค่อยๆ พระดำเนินไปอย่างช้าๆ โดยมิได้เร่งรีบใช้สายพระเนตรที่สามารถทอดพระเนตรในระยะใกล้ไกลดั่งอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ไปตลอดทาง ก่อนจะแหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรโคมประทีปที่ถูกจุดค่อยๆ ลอยขึ้นกันอย่างคับคั่ง พระเนตรสีนิลกาฬเหลือบไปพบร่างบอบบางเล็กๆ ผลุบหายออกจากหน้าต่างเข้าไปด้านในเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะถูกสายพระเนตรของพระองค์ปะทะเข้าให้อย่างจัง สายพระเนตรยังคงจับอยู่ที่โคมประทีปอยู่ตลอดเวลา ครั้นทรงย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ในเทศกาลลอยประทีปพระองค์เคยทรงตามหาสตรีที่ทรงรักอย่างสุดหัวใจแต่นางกลับมอบหัวใจให้บุรุษอื่นแทนที่จะเป็นพระองค์ “เยว่วาวาเจ้าอยู่แห่งหนใดหนอ รู้ไหมว่าข้ามิเคยปล่อยโคมประทีปเลยสักคราเพราะหามีผู้ใดเคียงข้างกายข้าที่จะร่วมอธิษฐานไปด้วยกัน” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย หัวใจของจอมมารเพียรเฝ้าคะนึงหาแต่โฉมตรู ในขณะที่คนเฝ้าคะนึงหาอยู่ตลอดเวลานั้นกำลังอ้าปากค้างด้วยความดีใจสุดขีด เมื่อเห็นร่างของเธอปรากฏอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ สองมือเรียวยกขึ้นจับใบหน้าก่อนจะหยิกแก้มของตัวเองอย่างแรง “อูยยยย!เจ็บ!!!” หญิงสาวกล่าวพร้อมฉีกยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความดีใจ “เย้!!!” เธอส่งเสียงออกมาอีกคำรบ พร้อมยกท่อนแขนกำมือเข้าหากันจนแน่นกระชากลงเป็นท่าที่แสดงออกถึงความสำเร็จที่บังเกิดขึ้น “ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องติดอยู่ในร่างล่องหนไปตลอดกาลดีใจจังเล้ย! ต่อไปจะต้องระวังคำพูดให้มาก หาไม่แล้วถ้าพูดไม่รู้จักคิดเกิดกลายเป็นหมู หมา กา ไก่แล้วคืนร่างไม่ได้เฉินวาวาเอ๋ยเฉินวาวาเธอต้องตายแน่ๆ ถ้าต้องเป็นแบบนั้น คงต้องหนีจากการถูกเชือดกลายเป็นอาหารจนหัวซุกหัวซุนเลยทีเดียว” หญิงสาวรำพึงรำพันก่อนจะหันรีหันขวางไปรอบห้อง “เอาไงดี... จะรอมู่อิงและลู่เหอกลับมาก่อนแล้วค่อยออกไป หรือเราจะออกไปเพียงลำพัง แต่คงทนรอต่อไปไม่ได้เพราะท้องหิวต้องการอาหารอย่างแรง จะแบกท้องรอพวกเขาอย่างนั้นเหรอหิวตายกันพอดี อีกอย่างฉันอยากไปปล่อยโคมประทีปและก็เดินเที่ยวงานด้วย”หญิงสาวยืนใช้ความคิดพลางเหลือบสายตาไปที่ห่อผ้าซึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง “นึกออกแล้ว! เปลี่ยนเสื้อผ้าซะก็สิ้นเรื่อง เพียงแค่นี้เราก็ไม่ใช่คนตามลักษณะที่อีตาอ๋องบ้าอำนาจพยายามค้นหาแล้วละ คราวนี้ก็จะได้ออกไปหาอะไรกินเสียที หิวจนหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินตรงไปที่ห่อผ้าที่วางไว้บนโต๊ะจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเฉินวาวาปรากฏกายในคราบของบุรุษอีกครา สวมอาภรณ์สีดำทะมึนซึ่งตัดเย็บมาจากผ้าฝ้ายเรียบง่ายไม่ดึงดูดสายตากับผู้ใดพร้อมหมวกผ้าคุลมสีดำสนิทสวมปิดบังความเป็นตัวตนของเธอ หญิงสาวเดินลงจากห้องพักก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ด้านล่างหวังจะสั่งอาหาร “อะไรกันนี่! ไม่มีโต๊ะว่างเลยเหรอ” หญิงสาวยืนบ่นพึมพำเมื่อเห็นผู้คนมากมายนั่งดื่มกินกันเต็มทุกโต๊ะไม่ว่างแม้แต่เก้าอี้เดียว “ดื่มกินกันไม่ยั้งแบบนี้ท่าทางคงลุกยาก ไปหาอะไรกินข้างนอกก็ได้เทศกาลแบบนี้ของกินคงมีขายมากมายอยู่หรอกนะ หญิงสาวบ่นพึมพำพลางก้าวเดินออกจากโรงเตี๊ยมดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง ร่างบอบบางถูกผู้ชายตัวอ้วนใหญ่ชนเข้าให้อย่างจัง “พลั่ก!” ร่างน้อยๆ เซถลาไปชนเข้ากับเสาขนาดใหญ่หน้าโรงเตี๊ยมทันที “โป๊ก!” หน้าผากกระแทกเข้ากับเสาอย่างจัง หน้ากากทองคำที่เธอสวมอยู่ในขณะนั้น กดทับลงบนปานไฟอัคคีจนปานของจอมมารห้อเลือดขึ้นมาทันใด และเลือดของเธอทำให้การส่งพลังของปานไฟอัคคีดับวูบลงโดยพลัน มิสามารถส่งกระแสนำทางให้แก่จอมมารผู้เป็นเจ้าของได้ล่วงรู้ในการปรากฏกายของเธอแต่อย่างใด “เฮ้ย! ไอ้หนูเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้เมาหรือเปล่า! ชนแล้วไม่ขอโทษด้วย!” หนุ่มอ้วนคนดังกล่าวต่อว่าเธอทันที ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นหน้ากากทองคำที่ครอบใบหน้าวาววับลอดผ้าคลุมออกมาให้เห็นด้วยความบังเอิญ “หน้ากากทองคำ!” ชายตัวใหญ่คนดังกล่าวรำพึงออกมาทันที ดวงตาเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาทันใด เฉินวาวาที่กำลังมึนกับการถูกชนอย่างแรงค่อยๆ พยุงตัวเองให้หันกลับมามองคนที่ชนเธอทันที “ลุงต่างหากที่เดินชน! ไม่เห็นหรือไงว่าฉันเดินอยู่ดีๆ ตาไม่ได้บอดมองเห็นถนนนะขอบอก... จะให้ขอโทษเหรอไม่มีทางหรอก! เชอะ!” หญิงสาวใช้คำกล่าวในยุคปัจจุบันพลางเชิดหน้าขึ้นสูงภายใต้หมวกผ้าที่ปกคลุมใบหน้า “หน็อยไอ้เด็กเมื่อวานซืน! มาว่าข้าชนเจ้าอย่างนั้นเหรอ! รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร! ทั่วทั้งเมืองเทียนจิ้นต่างยำเกรงข้าทั้งนั้น! ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ไอ้หนุ่ม!” ชายอ้วนคำรามลั่นหน้าตาถมึงทึงดุดันเอาเรื่องหนุ่มน้อยร่างบอบบางตรงหน้าอย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ต้องการมากกว่าคำขอโทษก็คือหน้ากากทองคำนั่นเอง “ถ้าฉันผิดจริงมีหรือจะไม่ขอโทษ แต่นี่ไม่ผิด! ฝันไปเถอะว่าจะขอโทษ!” เฉินวาวาผู้ที่เกิดมาไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น กล่าวด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างยิ่งยวด “อย่างนั้นเหรอ!” ชายอ้วนตะเบ็งเสียงดังก้องพร้อมส่งสัญญาณให้ลูกน้องตรงเข้าจัดการหญิงสาวทันที ชายฉกรรจ์สองคนหน้าตาดุดันซึ่งเป็นอันธพาลเป็นมือเป็นเท้าให้กับชายอ้วนคนดังกล่าวกรูเข้าหาหญิงสาวที่กำลังก้าวถอยหลังลงบันไดโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นคนทั้งสองท่าทางประสงค์ร้ายอย่างเห็นได้ชัด “เฮ้ย! เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ! บ้านเมืองมีขื่อมีแปรนะ” หญิงสาวต่อว่ากลับไปทันที “เมืองนี้นายท่านของข้าเป็นใหญ่เท่านั้นไอ้หนู!” ชายฉกรรจ์สองคนตะโกนบอกเธอ “เหวอออ... อยู่ไม่ได้แล้ว มีหวังตายแน่!” เฉินวาวากล่าวพร้อมหันหลังกลับสับขาวิ่งยาวๆ รีบหนีออกไปจากหน้าโรงเตี๊ยมทันทีอย่างสุดชีวิต “ตาม!!! จับตัวมาให้ได้! ข้าต้องการหน้ากากทองคำของมัน!” ชายอ้วนตะโกนสั่งการออกไปทันที ความบันเทิงจึงบังเกิดขึ้นทันใด เฉินวาวาถูกชายฉกรรจ์วิ่งตามอย่างไม่ลดละในขณะที่เธอสับขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางฝูงชนมากมายที่กำลังเดินชมงานกันอย่างคับคั่ง “โอ๊ยยยย! จะวิ่งตามไปถึงไหน... ก็บอกว่าไม่ผิด!ไม่ผิด!” หญิงสาวพูดไปวิ่งหนีไปจนกระทั่งเมื่อเธอเริ่มจวนตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD