สวมรอย /3

1326 Words
ภายในกระโจมที่ประทับ ร่างงามนอนหลับใหลมิได้สติจนผ่านไปหนึ่งวันกับอีกสองคืน ภายในกระโจมส่วนตัวติดกับกระโจมขององค์หญิงชิวหรงซึ่งทรงพระประชวรอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยไฟอัคคีสร้างความหวาดกลัวให้แก่นางกำนัลที่เฝ้าคอยดูแลหญิงสาวเป็นยิ่งนัก พิศเพ่งหน้านางคราใดต้องตื่นตกใจทุกครา จนมิมีผู้ใดกล้าเฝ้านางอยู่ตลอดเวลาคงทำได้แต่เพียงยืนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้าของกระโจม ใบหน้าราวปีศาจปรากฏแสงเรืองรองสว่างวาบออกมาจากรอยปานคล้ายหยดน้ำซึ่งก็คือไฟอัคคีของจอมมารชินซางที่ย้ายมาสถิตอยู่ตรงกลางหน้าผากของหญิงสาว ใบหน้าเริ่มพลิกไปมาอย่างช้าๆ เปลือกตากลอกกลิ้งไปมาพร้อมเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า เมื่อเธอได้นิมิตฝันเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ทะมึน เจ้าของเกศาสีเงินยวงสวมชุดเกราะจอมทัพ ภายในมือถือดาบยาวขนาดใหญ่ ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่โหมลุกกระพือออกเป็นวงกว้างดั่งไฟจากขุมนรก ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยทหารนับหลายพันนายรายล้อมบุรุษผู้นั้นหมายรุมฆ่าลงประชาทัณฑ์ ในขณะที่มีเพียงบุรุษผู้นั้นเพียงหนึ่งเดียวยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน เสียงตะโกนก้องกัมปนาทดังขึ้นพร้อมดาบยาวยกขึ้นชี้หน้าเหล่าทหารที่กำลังรายล้อมอยู่ในขณะนี้ “นี่หรือวิถีของคนกล้าที่แม่ทัพของเจ้านำมาใช้เล่นงานข้า! ช่างขลาดเขลาสิ้นดี! ข้ามีเพียงหนึ่งแต่เจ้ามีนับพันชีวิต เหตุใดจึงเอาชีวิตของพวกเจ้ามาเซ่นสังเวยดาบปีศาจของข้า! ไม่อยากกลับไปหาครอบครัวที่กำลังรอคอยพวกเจ้าอยู่ทางเบื้องหลังอย่างนั้นหรอกรึ!” ทหารบางนายต่างหันกลับมามองหน้ากัน ความลังเลเริ่มบังเกิดขึ้นแต่แล้วบรรดาทหารแนวหน้าพลันตะโกนก้องตวาดกลับไปทันทีอย่างไม่กลัวเกรง “พวกข้าคือหน่วยกล้าตายไฉนเลยจะอาลัยแก่ชีวิตและครอบครัว องค์ฮ่องเต้คือเจ้าชีวิตของพวกข้า! ซึ่งไม่ใช่เจ้าแม้แต่น้อยชินอ๋อง! พวกข้าก็อยากรู้นักว่าเจ้าถูกล้อมด้วยทหารนับพันจะมีปัญญาหนีออกจากกองเพลิงดั่งไฟนรกนี้ไปได้หรือไม่ ผู้คนต่างยกย่องเทิดทูนชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ว่าเปรียบประดุจดั่งเทพสงคราม ข้าก็อยากรู้ว่าจะเก่งกาจสมชื่อเสียงของเจ้าหรือไม่!” แม่ทัพของฝ่ายศัตรูตะโกนก้องด้วยถือไพ่เหนือกว่า “อย่างนั้นรึ! ในเมื่อพวกเจ้าไม่อาลัยแก่ชีวิต... เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องมีจิตสำนึกว่าลงมือสังหารมนุษย์ดั่งเช่นผักปลา!” รับสั่งพร้อมแสยะยิ้มเหยียด พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงล้อมรอบ ค่อยๆ พระดำเนินฝ่ากองเพลิงที่กำลังปะทุอย่างแรงกล้า เปลวเพลิงลุกสูงท่วมเนินเขาเตี้ยๆ เลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ทำให้ชินอ๋องสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ยังคงพระดำเนินเดินฝ่าเปลวเพลิงพร้อมกระชับดาบปีศาจเอาไว้ในพระหัตถ์ พระเนตรสีนิลกาฬแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดขึ้นมาโดยพลัน พระองค์ทรงหยุดยืนอยู่ภายในเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาอย่างรุนแรง ยืนสูงทะมึนอยู่ตรงหน้ากองทหารของศัตรู ท่ามกลางอาการตกตะลึงของบรรดาทหารฝ่ายตรงข้ามเมื่อเห็นชินอ๋องยืนอยู่กลางเปลวเพลิงอย่างไม่สะทกสะท้าน ดาบปีศาจถูกยกขึ้นก่อนจะถูกจอมมารใช้เพลงดาบส่งอาวุธคู่พระวรกายพุ่งหลาวออกไปเบื้องหน้าทันที เป้าหมายคือร่างของแม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็นองค์รัชทายาท “ฟิ้วววว!!!” ดาบปีศาจพุ่งทะยานออกไปอย่างน่าสะพรึงกลัว “ฉึกกกก!!!” ปลายดาบคมกริบเสียบเข้าที่ยอดอกทะลุไปทางด้านหลัง ในขณะที่องค์รัชทายาทจากแคว้นศัตรูอยู่ภายใต้การอารักขาของรองแม่ทัพนับสิบที่ยืนรายล้อมเป็นเกราะกำบังให้พระองค์ “ตุบ!” องค์รัชทายาทผู้นั้นสิ้นพระทัยคาที่ พระวรกายล้มลงกระแทกกับพื้นทันใด “และนี่คือผลของการกระทำที่ฮ่องเต้ของเจ้าลักพาชายาของข้าไป! ส่งชายาของข้าคืนมา! หาไม่แล้วข้าจะกุดหัวทุกชีวิตในแคว้นนี้มิให้เหลือแม้แต่ผู้เดียว!” รับสั่งตะโกนก้อง ทันใดนั้นเอง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!” เสียงหัวเราะกึกก้องดังขึ้นด้วยความพึงพอใจ ฮ่องเต้แคว้นศัตรูค่อยๆ ปรากฏพระวรกายท่ามกลางกองทหารอารักขานับพันชีวิต “เจ้าคิดว่าข้าจะอับปัญญาส่งรัชทายาทของข้ามาให้ฆ่าเล่นๆ อย่างนั้นรึ! ชินอ๋อง! อุตส่าห์มาช่วยพระชายาของเจ้า แต่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่าป่านนี้ นางเดินทางไปที่สะพานไน่เหอ[1]ล่วงหน้าก่อนเจ้าแล้ว!” พระเนตรสีเลือดลุกโชนอย่างน่าสะพรึงกลัวครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “นางมีดาวปีศาจคุ้มครอง! ไม่มีวันที่จะเดินทางไปที่สะพานไน่เหอ! คิดหรือว่าข้าจะเชื่อ...ไอ้คนปลิ้นปล้อน!...ส่งนางมาให้ข้า! ส่งวาวาของข้าคืนมา!!!” สุรเสียงตวาดดังก้อง พระเนตรสีเลือดลุกโชนวาววับอย่างน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นมาโดยพลัน “เฮือกกก!!!” ร่างงามสะดุ้งโหยงจนสุดตัวจนลุกขึ้นมานั่งพร้อมหายใจจนหอบโยน เฉินวาวายกมือขึ้นจับหน้าอกของตัวเอง เสียงตะโกนดังกึกก้องที่อยู่ในความฝันเต็มไปด้วยความห่วงและหวงแหนเธออย่างยิ่งยวด “นี่ฉันฝันบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย!” เธอบ่นพึมพำพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอด้วยรู้สึกกระหายน้ำ ก่อนจะค่อยๆ มองไปรอบกระโจมดวงตากลมโตสีเม็ดองุ่นเห็นภาพเลือนรางปรากฏขึ้นในสายตาก่อนจะค่อยๆ แจ่มชัดเพดานด้านบนคือผ้าสีขาวผืนขนาดใหญ่ มีไม้ท่อนกลมพาดไขว้ไปมาเพื่อยกขึ้นสูงคล้ายหลังคาจั่ว ถัดไปมีโต๊ะยาววางไว้กับพื้นยกที่นั่งสูงมีตั่งวางไว้คล้ายโต๊ะหนังสือเพราะมีแผ่นไม้ไผ่โบราณบันทึกอักษรวางไว้บนโต๊ะหลายม้วน เครื่องใช้ภายในมีพร้อมครบครันไม่เว้นแม้กระทั่งอ่างล่างหน้าที่ทำมาจากสัมฤทธิ์ พร้อมกระจกที่ทำมาจากสัมฤทธิ์เช่นเดียวกัน “นะ... นะ... นี่ฉันกำลังเข้าฉากหรือนอนหลับฝันไปใช่ไหม” หญิงสาวรำพึงออกมาดวงตากลมโตกวาดสายตาไปทั่วบริเวณกระโจม ซึ่งภายในนั้นมีเธอเพียงผู้เดียว คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหาหันด้วยความมึนงงกับสิ่งที่เห็น “จำได้ว่ารถที่นั่งมาตกเหวและเราก็ตกลงไปในเหว ตื่นขึ้นมาอยู่ก้นเหวและยังไปเจออะไรมากมายแล้วก็เจอ...” วาวาเอ่ยได้เพียงเท่านั้น แขนเรียวยกขึ้นพร้อมเท้าคางด้วยความสงสัย “แล้วเมื่อกี้ก็ยังฝันถึงผู้ชายคนนั้นอีก ชายาของเขามีชื่อเหมือนเราด้วย นี่ตกลงฉันฝันซ้อนฝันอีกทีใช่ไหม! หรือว่าอุบัติเหตุตกเขาเราก็ฝันไม่ใช่เรื่องจริง” ครั้นหญิงสาวคิดได้เช่นนั้นสองมือหยิกเข้าที่มือเรียวสวยทันใด “อู๊ยยยเจ็บ! ไม่ได้ฝัน! นี่คือเรื่องจริง... ว่าแต่ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ หรือว่ามาถึงกองถ่ายแล้ว ครั้งสุดท้ายจำได้ว่ารถกำลังขึ้นเขาและเผลอหลับไป ฝันเป็นตุเป็นตะได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ” หญิงสาวรำพึงรำพันอยู่เพียงลำพังก่อนจะเงยหน้าไปทางประตูทางเข้าของกระโจม พระวรกายสูงโปร่งของชิงอวิ้นฮ่องเต้เสด็จเข้ามาภายในกระโจมพร้อมราชองครักษ์ลู่เหอตามเสด็จมาด้วย ครั้นทอดพระเนตรสตรีที่พระองค์ทรงช่วยมาจากชายป่าได้สติกลับคืนมากำลังนั่งมองพระพักตร์ของพระองค์อยู่ในขณะนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD