ฉันไม่รอช้า ตัดสายและโยนโทรศัพท์ลงเบาะข้างคนขับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกจากมหาลัยตรงดิ่งกลับบ้าน แล้วเห็นรถตู้สีดำฟิล์มมืดหลายคันจอดอยู่
แน่ ๆ รถลึกลับแบบนี้พวกเงินกู้ของคุณหญิงแม่แน่ ๆ
“เฮ้ย ๆ ไปบอกนายดิ มันมาแล้ว!” ฉันยังไม่ลงจากรถโชว์น่องขาว ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ พวกผู้ชายเสื้อดำก็ตะโกนแหกปากชี้มาที่รถฉันแล้ว
มัน? ทั้งดุดัน ทั้งโหดร้าย
เรียกฉันว่ามันได้ยังไง เกรงใจความแบ๊วของฉันบ้าง!
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“เชิญลงมาครับ คุณพิงค์”
รู้ชื่อฉันอีก! หรือคุณหญิงแม่จะไปตกลงเรื่องหนี้แล้ว? ไม่นะ ๆ ฉันยังเรียนไม่จบ อีกแค่สามเดือนเอง
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“คุณพิงค์ครับ ผมจะพูดดี ๆ กับคุณนะครับ นายผมรอคุณข้างใน กำลังจ่อปืนเข้าหัวหมาพุดเดิ้ลของคุณอยู่ ลงมาเถอะครับ”
จ่อปืนเข้าหัวมู่ทู่!
ทำไมใจดำแบบนั้น นายที่คนพวกนี้พูดถึง เขาไม่ใช่พวกกินหมาใช่มั้ย เอะอะก็เตะหมา เอะอะก็เอาปืนจ่อหัวหมา
บ้าจริง ๆ
ฉันกำพวงมาลัยรถแน่น และเม้มปากมองผ่านกระจกหน้ารถไปที่ประตูทางเข้า ก่อนจะเห็นสายตาหนุ่ม ๆ ชุดดำทั้งซ้ายและขวากดดันเบา ๆ
จนฉันต้องจำใจหยิบกระเป๋าและเปิดประตูลงจากรถ
“เอ่อ... เขามีอะไรจะคุยกับฉันคะ?”
“กรุณาเรียกคุณอิฐครับ อย่าเรียกว่าเขา”
คุณอิฐ? เขาเป็นใคร? มาผิดบ้านรึเปล่า? เจ้าหนี้คุณหญิงแม่ชื่ออัฐไม่ใช่เหรอ?
“โทษทีนะคะฉันไม่รู้จัก พวกคุณมาผิดบ้านรึเปล่า?” ฉันถามเอาเรื่อง เพราะเริ่มเห็นผู้ชายชุดดำเดินไปเดินมาสำรวจทุกซอกทุกมุมข้างใน
มันผิดวิสัย มันผิดปกติ ปกติเจ้าหนี้คุณหญิงแม่คนแก่ ๆ ชื่อลุงอัฐอะไรนั่น เขาไม่พาลูกน้องมาเยอะขนาดนี้ และมาแต่ละคนก็ยืนนิ่งวางมาดขรึม ไม่ใช่เดินวนทั่วบ้านเหมือนพวกฉีดปลวกฉีดยุง
หรือจะมีคนสวมรอย แอบขโมยของในบ้าน?
“สงสัยอะไร ยัยโง่”
ขณะที่ฉันรอคำตอบกับผู้ชายชุดดำตรงหน้า ก็มีเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นข้างหลัง และเมื่อฉันหันขวับกลับไปมองตามเสียงนั้น ฉันก็ถอยหลังกรูจนชน ‘ปึก’ กับอกล่ำของลูกน้องเขา!
ฉันไม่รู้จะตกใจอะไรดี
ระหว่างความหล่อ ความคม ความจมูกเป็นสัน กับปืนกระบอกเงาวับ ที่จ่อหัวมู่ทู่อยู่!
“คะ คุณเป็นใคร? นั่นมู่ทู่ของฉันนะคุณเอาปืนจ่อหัวมู่ทู่ไม่ได้ สงสารน้อง!”
‘แง่ง แง่ง’ เสียงมู่ทู่ครางหงิง ๆ และพยายามดิ้นออกจากวงแขนใหญ่ เขาตัวโต ตัวสูง ทำเอามู่ทู่หมาพุดเดิ้ลของฉันตัวเล็กไปเลย
“ฉันเป็นใครเหรอ? เหอะ เลิกตีหน้าซื่อสักที เธอต้องรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร เพราะเธอคงสืบมาหมด ถึงได้เสนอตัวเป็นเมียพ่อหม้ายอย่างพ่อฉัน”
ฉันยืนตัวแข็ง ก้มมองหน้ามู่ทู่แว๊บนึงที่มันเงียบพร้อม ๆ กับฉัน ฉันไปเสนอตัวตอนไหน? พ่อหม้ายที่ว่าคือใคร? เอ๊ะ หรือว่าเขาจะเป็นลูกชายเจ้าหนี้ของคุณหญิงแม่ที่ชื่อลุงอัฐ!
“คุณเข้าใจผิด ฉันไม่เคย...”
“อย่าพูดมาก! ไม่งั้นฉันจะเป่าหัวหมาเธอ”
อะไรของเขา! ฉันจะอธิบายอยู่นี่ไง! สงสารมู่ทู่จัง ใจเย็น ๆ นะลูกแม่กำลังช่วยหนูอยู่
“ฉันแค่จะอธิบาย”
“อธิบายเรื่องเอาตัวเข้าแลก? เหอะ! ฉันไม่ฟัง!”
“แล้วมาทำซากอะไร? เอ้ย ๆ ไม่ใช่ค่ะ แล้วคุณจะมาทำไม อยากเจอฉัน ทำไมไม่ให้ฉันพูดอะไรเลยคะ?”
เขาเงียบและขมวดคิ้วมองหน้าฉัน
ก่อนจะลดปืนที่จ่อหัวมู่ทู่ลง และปล่อยเจ้าหมาน้อยลงพื้น ‘ตุ๊บ’
‘เอ๋ง!’
“กรี๊ด... มู่ทู่” เสียงกรี๊ดร้อยแปดสิบเดซิเบลของฉัน ทำผู้ชายทั้งหลายหันขวับมามองเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคุณอิฐโรคจิตอะไรนั่น เขากดตาต่ำมองฉันที่แทบกลิ้งคุกเข่าคลานไปหามู่ทู่
“ชื่ออะไรนะ?”
“มู่ทู่ไง คุณน่ะเป็นคนใจร้าย! โอ๋ ๆ มู่ทู่ของมามี๊”
“เชี่ยเอ้ย นี่กูมาอยู่ในโรงพยาบาลศรีธัญญาเหรอวะ? หยุดเล่นกับหมายัยสีชมพู! ปล่อยไอ้หมาก้อนขี้นั่นลง แล้วฟังฉัน!”
ฉันปล่อยมู่ทู่ลงทันทีและยกมือขึ้นตัวสั่น เพราะอยู่ ๆ ปืนกระบอกนั้น มันก็มาจ่ออยู่ข้างขมับฉันแล้ว!
สัมผัสใหม่จริง ๆ
สัมผัสใหม่เย็น ๆ โหวงเหวง และได้กลิ่นลูกตะกั่วจาง ๆ กลิ่นมันทำฉันเสียวท้องน้อยวาบ จนฉันค่อยๆลุกขึ้นตัวสั่นมองหน้าเขา
“ฟะ ฟัง ฟังแล้ว ๆ พูดมาสิคะ”
“ฉันไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับพ่อฉันเด็ดขาด! เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนแม่เธอทุกบาททุกสตางค์! จะด้วยวิธีไหนก็ช่าง แต่ไม่ใช่เสนอตัวให้พ่อฉัน!”
ฉันเงียบและค่อย ๆ เหล่มองปืนที่จ่อขมับ บอกเลยใจฉันสั่น และเต้นโครมครามหนักมาก ฉันกลัวปลายนิ้วเขาจะลั่นอัดลูกปืนเข้าสมองอันน้อยนิดของฉัน
ฉันยังไม่อยากตาย
เพราะเรื่องหนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันด้วยซ้ำ อีกอย่างเรื่องแต่งงานฉันไม่รู้ว่าใครไปคอนเฟิร์มออเดอร์กับลุงอัฐ เขาจะมาโวยวายฉันคนเดียวไม่ได้
เพราะฉันไม่รู้ไม่เห็น ไม่อยากแต่งงานกับใคร เขาควรไปบอกพ่อตัวเอง ให้หยุดคิดเรื่องนี้ต่างหาก!
“ฉัน...”
“ถ้าไม่ตกลงตามนั้น ฉันจะยิงหัวเธอ”
ฮือ... ฉันหลับตาปี๋และรีบยกมือไหว้ เพราะเขาพูดจบ ปลายปืนกระบอกนั้นก็กดแรงขึ้น ๆ เรื่อย ๆ
“คุณ คุณควรบอกพ่อคุณมากกว่านะคะ ฉันไม่ได้อยากแต่งหรอก แต่ถ้าคุณกับพ่อมากดดันเรื่องหนี้มาก ๆ คุณหญิงแม่ก็จำเป็นต้องใช้วิธีนี้”
“อย่าทำเป็นสอนฉัน!”
“ไม่ได้สอนนะคะ ในเมื่อคุณเองไม่อยากให้ฉันแต่ง และฉันเองก็ไม่อยากแต่ง คุณควรไปบอกพ่อคุณให้หยุดเรื่องนี้ ฉันน่ะลำบากมาก ๆ มันไม่ใช่เรื่องของฉันเลย เพราะฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณหญิงแม่ ไม่ได้ใช้เงินที่ท่านไปหยิบยืมใช้หนี้คาสิโนสักบาท อย่าบังคับให้ฉันหาเงินใช้หนี้แทนท่านเลยนะค”
เขาขมวดคิ้วและเดินมาหาฉัน ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยมู่ทู่ที่นั่งขวางทางให้หลบไป
และฉันก็เริ่มบีบน้ำหูน้ำตาให้ไหล ไล่มองชายชุดดำที่เดินมาประกบใกล้ ๆ อย่างหวาดระแวง
“เป็นคุณหนูจอมปลอมงั้นสิ หึ! แล้วไง? ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ไม่ใช้เงินสักบาท แต่เธอเอาเงินที่ไหนใช้เรียนหนังสือซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม? หรืออาชีพเสริมคือทำไซด์ไลน์?”
ฉันเม้มปากแน่น กำมือที่ขนาบข้างตัวมองคนตรงหน้า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงเห็นใจฉันแล้วล่ะ แต่นี่เขากลับเหยียดฉัน และพูดจาหมาไม่รับประทานด้วย!
โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า อดทนนะชมพูพิงค์ แค่ผู้ชายปากพล่อยคนเดียว เธอต้องปั่นหัวเขาให้ได้
ฉันจึงตัดสินใจก้าวขาไปข้างหน้า เงยขึ้นมองเขา จ้องสายตาที่คมกริบ และปล่อยน้ำตาไหลช้า ๆ ผ่านหางตาตัวเอง
เชื่อเถอะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องแพ้ความใสซื่อและน้ำตาผู้หญิง
“ฮึก ๆ พ่อคุณไม่อยากได้ฉันเป็นเมียหรอกถ้ารู้เรื่องฉาว ๆ ในบ้านฉัน คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม เพราะฉันพูดเรื่องนี้เรียกร้องอะไรกับคุณหญิงแม่ไม่ได้ ยังไง ๆ ท่านก็จะจับฉันใส่ตะกร้าล้างน้ำ ให้ฉันแต่งงานกับพ่อคุณ”
“ตะกร้าล้างน้ำอะไร? อย่ามาปั่นหัวฉัน ยัยเด็กเมื่อวานซืน”
ฉันหลับตาลงครู่นึง ให้น้ำตาที่คลอมันไหลออกมาอีก
“เรื่องที่ฉันบอกคุณ มันไม่ใช่เรื่องตลกและน่าปั่นใคร มันเป็นเรื่องคาว ๆ ที่ฉันแทบตายทั้งเป็น และฉันก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครด้วย ฮือ ๆ”
ได้ยินแบบนั้น เขาก็ค่อย ๆ ลดปืนลง และลอบถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะหันไปพยักหน้าสั่งลูกน้องที่ยืนขนาบข้างสองฝั่ง ให้ถอยออกไป
“พูดมา ถ้าเล่นลิ้นกับฉันนะ” คุณอิฐกัดฟันพูด และตั้งลำปืน ‘แกร๊ก’
แต่ฉันไม่แคร์ เชิดหน้าฮึดใจสู้ และบอกเรื่องที่ตัวเองเติมแต่ง เหมือนที่บอกผู้ชายหลายคนที่ผ่านมา
“ฉันถูกบังคับให้บำเรอพ่อบุญธรรม มาตั้งแต่อายุสิบห้า ฮือ ๆ”
“...”
“คุณช่วยบอกเรื่องนี้กับพ่อคุณได้มั้ย ถ้าคุณบอก ฉันเชื่อว่าท่านจะเปลี่ยนใจและยกเลิกเรื่องแต่งงาน เราจะได้วิน ๆ กันทั้งคู่ไง ฮือ ๆ”