7 - ปริศนาจากคนแปลกหน้า
“มีอะไรหรือเปล่าทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย...”
เท็มเป้เห็นผมรู้สึกแย่เมื่อสีหน้าทางหน้าตาแสดงออกมา ผมปัดปัญหาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมสั่งอาหารมาที่ห้องพัก เห็นคอนโดนี้มีอาหารตรงเคาว์เตอร์บาร์อร่อยเยอะมาก ไหนจะเล้าจ์และอีกหลายมุมของชั้นล่างสุด ผมใจดีและอีกอย่างผมหิวอยากกินอะไรหรูหราสักหน่อย ที่นี่การบริการมากกว่าโรงแรมไม่รู้เท็มเป้เลือกสถานที่ถูกโฉลกกับตาผมมาก สงสัยถ้าผมให้เขาเลือกเครื่องสำอางหรือลอตเตอรี่น่าจะดวงเฮง
“ไม่มีอะไรหรอก นายหูแว่วไปเองหรือเปล่า”
“จริงเหรอ”
“พอดีจะออกมารับอาหาร แต่เขามาส่งผิดห้องน่ะ เดี๋ยวรออีกสักพักแล้วกันนะ” ผมทำทีออกมารับอาหารทั้งที่พนักงานในคอนโดมาเสิร์ฟผิดห้อง ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่ได้ตรวจเช็กก่อนมาส่งหรือไง แต่ผมไปต่อว่าความผิดพลาดให้เป็นเรื่องใหญ่คงไม่ใช่เรื่อง ผมพาเท็มเป้เข้าห้องและผมต้องกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง ทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันเหมือนจริงมากเหมือนตาผมเห็นเช่นนั้น ผมนอนพักผ่อนไม่เพียงพอจนเห็นภาพหลอนไปแล้วหรือไง
“งั้นเดี๋ยวรอกินอะไรอร่อย ๆ นะครับ”
ทางด้านราง
“น้องราง ๆ เช้าแล้วน้อง...”
ผมมึนหัวและสลบไปตอนไหน ทำไมผมมึนหัวแทบจำอะไรไม่ได้เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมพยายามย้อนความทรงจำก่อนหน้าจำได้ว่าผมมาสังสรรค์กับเพื่อนที่สถานบันเทิงประจำทุกคืน ดื่มและเต้นอย่างเมามัน ถึงไวน์หวานไม่มาแต่ผมสนุกกับกลุ่มเพื่อนผม รู้ตัวอีกทีเช้าแล้วเหรอ ได้ยินเสียงของเจ้าของร้านเจ้าประจำมาปลุกผม เป็นการดึงสติกลับมา
“อ้าวพี่... เช้าแล้วเหรอครับ”
รางได้ยินว่าเช้าแล้ว เพราะผมตื่นขึ้นมาเห็นแสงของวันใหม่สาดส่องจากหน้าต่างร้านเข้ามาในสถานบันเทิง ผมมองดูเพื่อนหลายคนนอนสลบไปพร้อมกับผม ผมทยอยปลุกทีละคนให้รู้สึกตัว ไม่ต้องนอนอยู่ที่นี่ทั้งวันเพื่อย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่ถาวรตลอดไป
“ไอ้นัส ไอ้ทิวลิป มึงตื่นได้แล้วจะย้ายบ้านมาอยู่ผับเลยไหม” ผมปลุกทุกคนให้ตื่นแล้วไปล้างหน้าทำตัวให้สร่างเมาจะได้กลับบ้านแยกย้ายไปตามถิ่นฐานของใครของมัน ไม่ใช่มานอนเมาหัวราน้ำงานการไม่ทำ ผมจะได้กลับไปหาไวน์หวาน ป่านนี้งอนไปถึงชาติหน้าแล้วมั้ง ผู้ชายของผมมันเป็นคนขี้งอนอยู่ด้วย
ผมจัดการตัวเองทำให้ตัวเองสดชื่นเรียกพลังกลับมา ผมจะได้ขับรถกลับบ้านได้ง่าย ไม่ต้องเมาแล้วขับให้ตำรวจจับเป่าแอลกอฮอล์ เมื่อคืนดื่มหนักขนาดนี้ ค่าสูงมากได้เปลี่ยนที่นอนจากบ้านไปห้องกรง ตอนนี้ผมขับรถกลับบ้าน ตอนแรกตั้งเป้าหมายว่าจะกลับบ้านเลย แต่ท้องผมหิวแบบนี้ไม่ดีแน่ แวะหาอะไรกินก่อนแล้วกัน
ผมแวะที่ร้านอาหารตามสั่ง ร้านประจำที่ผมชอบพาไวน์หวานมากิน แม่ค้ายังแซวผมเลยว่ากลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้พึ่งสร่างเมาเหรอ ผมตอบไปแบบนั้นเพราะเห็นว่าแม่ค้ามีผมเป็นลูกค้าประจำ ผมขอใช้เวลาเติมพลังก่อนแล้วค่อยออกเดินทางกลับบ้าน ป่านนี้มันคงประชดผมด้วยการหาเพื่อนผมไปอยู่แก้เหงาตามประสาคนคันไม่หาย
หลังจากผมเติมพลังเสร็จแล้ว ผมขึ้นรถมายังไม่ทันขับออกไป สายแรกที่โทรเข้ามาหาผมคือเท็มเป้ มันคงสงสัยว่าไวน์หวานโทรไปบ่นอะไรถึงโทรมาหาผม ปกติมันไม่ค่อยโทรมาหรอกต่อให้เป็นเพื่อน ก็ไม่ได้ติดต่อบ่อยโทรทุกนาทีแทบจะเป็นแฟนอีกคน
“มึงโทรมาแบบนี้แฟนกูโทรไปรายงานอะไรล่ะ”
“ก็รายงานว่ามึงเมาแล้วหาทางกลับบ้านไม่เจอ นี่มันสิบโมงเช้าแล้วนะ มึงพึ่งออกจากผับเหรอ”
“ออกมาสักพักแล้วล่ะ”
ผมออกจากสถานบันเทิงมาได้สักพักแล้ว ผมมากินข้าวและกำลังจะเดินทางกลับ เท็มเป้มันบ่นใส่ผมฝากคำพูดจากไวน์หวานส่วนหนึ่งแล้วมันต่อเติมอีกส่วนหนึ่งมันทำเหมือนแฟนอีกคนใช่เรื่องที่ไหน เท็มเป้เป็นเพื่อนผมอีกคน เรื่องอะไรจะมาเป็นแฟน ชายแท้แบบมันชอบผู้หญิงอยู่แล้ว ตั้งแต่เป็นเพื่อนมา มันก็บอกแบบนี้
“ทีหลังมึงก็กลับบ้านให้ตรงเวลาด้วย ไม่งั้นมึงก็ไปเป็นลูกเจ้าของร้านเลยก็ได้นะ”
“ประชดกูแต่เช้าเลยนะ...”
“งั้นกูมีอะไรให้ดู”
ผมคิดว่าเท็มเป้มีเรื่องด่วนอยากคุยกับผมซะอีก สีหน้าผมกำลังจริงจังอยู่ ๆ มันส่งรูปอุจาดตามาให้ผมดู มันต้องโรคจิตขนาดไหนส่งรูปรูทวารดำ ๆ ของมันมาหลอกหลอนตาผม มันทำหน้าเซกซี่อ้าขายกสูงเอานิ้วแหย่รูทวารเอานิ้วชี้แหย่ให้รูกลืนนิ้ว มันทำแบบนี้เพื่ออะไร ดูแล้วทุเรศเหมือนผู้ชายขายตัว เหงาตูดอยากเอาอะไรมายัดให้กลวงหรือไง
“ไอ้เท็มเป้ ไอ้ทุเรศ”
“อยากรูตูดบานว่ะ มาอัดตูดกูดิ” ผมว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา ความหื่นถ้าให้เรียงจากมากไปน้อย เท็มเป้ต้องขึ้นเป็นคนแรก รองลงมาคือไวน์หวาน เป็นเพื่อนกันมันถึงนิสัยไปด้วยกันได้แบบนี้ไง
“สักวันขอให้มึงโดนอัดตูดจนรูบาน” ผมวางสายเป็นการตัดทิ้งเพราะถ้ามันโรคจิตกับผมแบบนี้อีก สงสัยต้องหาคนไปรุมขืนใจมัน ชอบนักนะมายั่วโมโหและยั่วยวนทางเพศผม ผมตั้งสติเรียกกลับมาแล้วขับรถไปตามทาง ผมมองทางไปตรงหน้าไปตามถนนสายหนึ่ง อีกไกลกว่าจะถึงสี่แยกที่รถติดทุกเวลา ผมต้องผ่านทางนี้เสมอเพราะบ้านผมอยู่ระแวกนั้น หาทางลัดก็ยาก จำใจต้องไปแล้วกัน
ปึกก
อยู่ ๆ โทรศัพท์ผมตกลงที่พื้นรองเท้าเวลานั่ง ผมจำเสมอว่าเวลาขับรถหากของตกผมจะไม่ก้มเก็บเพราะเสี้ยววินาทีอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ผมไม่ทำเหมือนมุกสูตรสำเร็จในละครไทย ต้องก้มเก็บของหล่นพอเงยหน้าขึ้นมาเกิดอุบัติเหตุจากเบาไปถึงตายโหง ผมปล่อยให้มันหล่นไป ถึงบ้านค่อยเก็บ ผมต้องรักษาตัวให้ปลอดภัยไม่งั้นไวน์หวานไม่เห็นผมในชีวิตจะให้ใครดูแลต่อ เพราะผมดูแลดีที่สุด
ผมเห็นเงาอะไรบางอย่างลอยผ่านกระจก ผมตกใจเล็กน้อยเพราะเห็นจะ ๆ ตาเลยก็ว่าได้ เงาของผู้หญิงผมลอนลอยผ่านกระจก ผมถึงกับขยี้ตาว่าสิ่งตรงหน้าคือผมคิดไปเองหรือเห็นจริง ๆ ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รีบขับรถกลับบ้าน ผมเหนื่อยอยากไปพักผ่อนจะแย่อยู่แล้ว
“ไอ้ราง”
“อ๊ากกกก”
ผมตกใจเมื่อร่างของผู้หญิงผมลอนตกลงมาใส่หน้ารถ มันจ้องหน้าผมด้วยสายตาอาฆาตพร้อมจัดการผมตายให้ได้ ผมตกใจเสียสติหักรถลงข้างทางยังดีที่ตรงนั้นเป็นสนามหญ้ากว้าง ๆ รถผมไถลไปหยุดกลางสนาม ผมโล่งใจที่ตรงนั้นไม่ใช่คูน้ำหรือแม่น้ำขนาดใหญ่
ผมตกใจถึงขั้นหายใจหอบเหงื่ออกขนลุกไม่หยุด สิ่งที่ผมเห็นคือผู้หญิงผมลอน รูปร่างอวบหน่อยแล้วคนตรงหน้าผมคุ้นตาเป็นอย่างดี นั่นมันเกวลิน เพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ร่างของเขาตกลงมาในสถานะไร้ลมหายใจ ตาค้างจ้องผมด้วยความอาฆาต มันต้องการมาปลิดชีวิตผมทำไม ผมไม่ได้เป็นคนร้ายฆ่าเขาสักหน่อย และผมไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ตายหรือยังมีชีวิต สิ่งตรงหน้าผม ผมอธิบายไม่ได้เลยว่ามันคืออะไร ของจริงหรือจิตปรุงแต่ง ผมจับพวงมาลัยค้างตั้งสติไม่ขับออกไปจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
“เชี่ย... เกวลิน มึงจริง ๆ เหรอวะ”