EP8 - คิดได้เมื่อสาย

1928 Words
8 - คิดได้เมื่อสาย ที่บ้านราง “กว่าจะกลับมาเกือบเที่ยงเลยนะราง เที่ยวแบบไหนถึงข้ามวันขนาดนี้” ไวน์หวานเห็นรางกลับเข้าบ้านมาเกือบเที่ยง ปกติคนเที่ยวสถานบันเทิงมีทั้งกลับก่อนเวลาและตรงเวลาปิด บางคนกลับเช้าถือว่าให้อภัย แต่สำหรับรางผมจะงอนไปถึงชาติหน้าเลย คนบ้าอะไรเที่ยวกลางคืนตั้งแต่สองทุ่ม กลับมาอีกทีเที่ยงของอีกวัน “มึงไม่ต้องบ่นน่า” “จะไม่ให้กูบ่นได้ไง กอไผ่ไหนจะเท็มเป้โทรตามหาตัวมึง โทรหากูอีกคนคิดว่ามึงไปเมาตายคาร้านเหล้า โดนนักเลงกระทืบจนเอาชีวิตและร่างมึงกลับมาไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงมากขนาดนั้นก็ได้ “เพื่อนเขาเป็นห่วง กูก็เป็นห่วง” “กูเข้าใจแล้วล่ะ” ผมยกแก้วชาเขียวร้อนดื่มเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นหลังจากออกไปเมามายแทบหาทางกลับบ้านไม่ได้ ระหว่างนั้นผมไม่รู้จะพูดเรื่องนี้ดีไหมว่าผมเจออะไรบางอย่างน่ากลัว อยากพูดออกมาแต่ผมขนลุกมาก ยิ่งเล่ายิ่งตอกย้ำมากกว่าเดิม ผมว่าไม่พูดดีกว่าแต่ถ้าไม่พูดไป ผมว่าทุกคนอาจจะเจอมันก็ได้ ยิ่งทุกคนเกี่ยวข้องกัน จะหนีพ้นได้ยังไง “เป็นอะไรหรือเปล่าราง” “ใครเจอเกวลินแล้วบ้าง” “เกวลิน นายเห็นด้วยเหรอ” “หมายความว่ายังไงไวน์หวาน มึงก็เห็นเหรอ” ผมได้ยินว่าไวน์หวานพูดถึงเกวลิน ซึ่งสิ่งนั้นเองกำลังทำให้ผมหวาดกลัวไม่หยุดเพราะระหว่างขับรถกลับบ้าน ผมเห็นร่างของเกวลินตกลงมา ผมยืนยันว่าผมไม่ได้คิดไปเองไม่ได้เมาข้ามคืน ระหว่างขับรถกลับมา ผมสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งแล้ว “นายเห็นมันเหรอ” “เราว่าเกวลินตายแล้ว” “มึงมั่นใจเหรอว่าเกวลินตาย เรายังไม่เห็นศพหรือมีอะไรระบุชัดเจนเลยนะ” ผมกับรางพูดถึงเรื่องนี้แล้วบอกเลยว่าขนลุกไม่แพ้กัน จากวันลอยกระทงผมยังไม่เห็นเกวลินและติดต่อเธอไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ จะให้ผมมั่นใจได้ยังไงล่ะว่าเกวลินจะไม่อาฆาตตามมาหลอกหลอน “แต่กูกลัวมากเลยว่ะ” “เราว่าหนึ่งในกลุ่มพวกเราต้องไปทำอะไรเธอไว้แน่นอน ไม่งั้นมันจะตามมาหลอกหลอนพวกเราทำไม” ผมกลัวจนพูดอะไรน่ากลัวไปหมด ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือเกวลินจับต้องได้หรือเป็นเพียงจิตปรุงแต่งเท่านั้น ถึงยังไงก็ตามหลังวันลอยกระทงไปทำไมผมเจอแต่เรื่องประหลาด จนผมคิดว่ามีเคราะห์ร้ายมารอต้อนรับและมอบของขวัญชิ้นนี้ให้แบบเต็มใจ “กูว่าไปสะเดาะเคราะห์กันไหม ชีวิตห่างวัดเริ่มใจคอไม่ดีแล้วนะ” “มึงเชื่อเรื่องแบบนั้นเหรอ” “ราง เรื่องความศรัทธาของมนุษย์ มึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ เกิดผีมาหักคอมึงจะทำยังไง ปากมึงพลั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องทุกที” “แล้วแต่มึงนะ กูขอไปนอนก่อน” ผมไม่รู้ว่าทำไมรางต้องลบหลู่เรื่องความศรัทธาของมนุษย์ด้วย ถ้ามันไม่เชื่อก็หุบปากไม่ต้องไปพูดจาลบล้างความศรัทธาของคนที่เขาเกิดมาเพื่อรักความศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ นอกจากปากจะไม่เป็นสิริมงคลแล้ว จิตใจหยาบกว่ากระดาษทรายขนาดนี้ ควรไปชำระจิตใจที่วัดตลอดชีวิต “รางไอ้ราง!” ทางด้านเท็มเป้ ผมนั่งเล่นเกมกดอยู่กับเพื่อนของผมที่สนิทกันอีกกลุ่ม เห็นว่าเขาชอบเล่นเกมผมชวนมาที่คอนโด ถึงตัวผมโตแต่พื้นที่ในหัวใจผมยังเป็นเด็กไม่เคยเปลี่ยนเลย ผมใช้โอกาสนี้สนุกกับของเล่นวัยเด็กให้มากที่สุด จะได้ทำให้เวลาของผมไม่น่าเบื่อ เขาว่าเวลาชีวิตของผู้ใหญ่น่าเบื่อกว่าวัยเด็ก มันเป็นเรื่องจริงที่บอกเลยว่าขมกว่ากาแฟ “มึงมีแฟนหรือยังเนี่ย” “ยังเลยอะ หน้าแบบกูผู้หญิงชอบปฏิเสธกูอะ” บางทีผมแอบน้อยใจโชคชะตาเหมือนกัน ไปทำงานในกองถ่ายหนังสั้น เขาไม่ยอมให้ผมเป็นนักแสดงของช่องเพราะหน้าตาไม่ตรงใจผู้กำกับ ทำไมเขาต้องมองคนที่หน้าตาแต่ไม่วัดความสามารถ แล้วเรื่องความรักมักโดนผู้หญิงปฎิเสธด้วย ผมแอบน้อยใจเพราะแบบนี้ไง “จะมีใครเอาในชาตินี้ไหมเนี่ย” “มีดิ ยังไม่ถึงเวลา” ระหว่างเล่นเกม ผมรู้สึกอยากปล่อยผู้โดยสารมาก ผมขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำจัดการน้องชายตัวบวมน้ำของผมก่อน เวลาผมเข้าห้องน้ำถือว่าได้ปลดปล่อยกับอะไรบางอย่าง ผมถอดเสื้อและกางเกงบอลออกเหลือแต่กางเกงในสีขาว ผมทำหน้ายั่วยวนยืนตามระเบียบพัก ส่ายตัวเอามือลูบไล้เป็นการยั่วยวน เขี่ยหัวนมแล้วลูบเป้าตัวเองปลุกให้ตื่น เมื่อแข็งแล้ว ผมร้องครางแล้วถอดกางเกงในออกด้วยคำพูดติดปากที่ผมชอบพูดก่อนถอดกางเกงใน “ซื้ดด ผม... พร้อมเย็บตูดแล้ว” ผมถอดกางเกงในออกแล้วหยิบมาดม สูดดมกลิ่นอับเป้าของตัวเองแล้วนั่งยองเหมือนถ่ายหนัก ผมทำท่าล้างตูดพร้อมหยิบกางเกงในด้วยมือขวามาดมปลุกอารมณ์ ในขณะผมล้างตูดพร้อมช่วยตัวเอง ไฟในห้องน้ำดับลง ผมตกใจในท่านั้น ดีหน่อยเวลาปิดไฟ ผมจะเผยธาตุแท้ออกมาง่ายขึ้น ผมเสียวร้องครางดังขึ้น ชักพอประมาณแต่ยังไม่แตก ผมจะเอาไปแตกใส่ปากคนที่ชอบให้ได้ “อ๊าสส์ ซื้ดด” ครี๊ดดด “อ๊ากกก” ผมรู้สึกตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างช็อตเข้ารูก้นผมเต็มแรง ผมโดนที่ชอตไฟฟ้าชอตรูทวารผม ผมกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดรีบลุกขึ้น เรี่ยวแรงผมยังมาไม่เต็มที่ ทำให้ผมก้าวพลาดลื่นหัวฟาดขอบชักโครกเต็มแรงสลบไปอย่างไม่รู้ตัว ภาพตัดไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นผมไม่ได้สติกลับมารู้ตัวอีกทีเพื่อนผมมาปลุกเรียกสติพร้อมยาดมในมือ ผมเป็นอะไรไปถึงอยู่ในสภาพน่าอายขนาดนี้ ทางด้านกอไผ่ “น่ากินไหมครับ” กอไผ่ถ่ายรูปตัวเองพร้อมหม้อต้มสปาเกตตี้ขณะทำอาหาร ผมวางเส้นสปาเกตตี้ลงหม้อแล้วถ่ายรูปให้ไวน์หวานดู ผมเป็นคนลงมือทำเองมันต้องออกมาอร่อยแน่นอน ผมเป็นคนชอบทำอาหาร อยากให้ใครสักคนได้ชิมจนติดใจ มันเป็นสเน่ห์มัดใจผู้ชายที่ผมชอบเลยก็ว่าได้ ผมส่งทุกอย่างลงในห้องแชทและเขาตอบมาด้วยความจริงใจไม่ทำหนักขวา “เราว่ากอไผ่น่ากินมากกว่า” “พูดแบบนี้รางหลับแล้วใช่ไหม” “ใช่ดิ เราถึงแอบมาคุยได้ เราเห็นว่านายเป็นเพื่...” “แฟนไม่ได้เหรอ” ผมถามอะไรมากไปหรือเปล่า ผมกับไวน์หวานเข้าใจว่าเป็นเพื่อนแต่ว่าผมไปถามและยัดเยียนให้เป็นแฟนทันที มันดูมัดมือชกไปหรือเปล่าแต่เอาเถอะอยากให้ผมอยู่สถานะก็ได้ที่ไม่ทำให้ผมแชทหนักขวาตลอดไป ผมคุยกับไวน์หวานเสร็จ เดี๋ยวจะเอาสปาเกตตี้ไปส่งให้แล้วกัน โครมมม ผมตกใจเมื่ออยู่ ๆ หม้อสปาเกตตี้ล้มลงพื้นทำน้ำร้อนกระจายไปทั่วบริเวณ ผมตกใจรีบถอยออกไป จะว่าไปมันไม่มีอะไรมาทำให้มันล้มได้เลย หม้อแข็งแรงและวางกลางโต๊ะไม่น่าจะทำให้ล้มได้ ลมในห้องก็ไม่มีแล้วสาเหตุใดทำให้มันล้มระเนระนาดแบบนี้ “เชี่ย...” ผมตกใจกับสิ่งที่เห็นน้ำร้อนกัดพื้น ปกติพื้นห้องผมสั่งทำอย่างดีไม่น่าจะอ่อนโยนกับความร้อนขนาดนี้ ผมหยิบผ้ามาเช็ดพื้นอย่างระมัดระวัง สวมถุงมือกันร้อนทั้งสองข้าง ผมกำลังคลานเข่าเช้า ในตอนนั้นเองผมลื่นหัวเข่าเพราะผ้ากางเกงวอร์มผมมัน เท่านั้นแหละผมล้มโดนน้ำร้อนอย่างจัง ทำผมกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อ๊ากกก” ผมเห็นปลายทางของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา อาการหวาดกลัวสุดขีดทำผมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเกวลินมองด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะเทน้ำร้อนลงกลางหลังจัง ๆ ผมดิ้นพล่านร้องสุดเสียงแทบขาดใจตาย แต่นั่นเป็นเพียงจิตปรุงแต่ง ผมวูบหลับไปตอนไหน หน้าแนบพื้นน้ำร้อนเกือบไหลตามพื้นมาโดนหน้าผม ผมลุกขึ้นตั้งสติแล้ววิ่งออกไปทำใจหน้าบ้านเพื่อให้อากาศเย็น ๆ พัดให้ผมสูดเข้าไปให้ผมรู้สึกอุ่นใจไม่หวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านั้น “เกวลิน นี่มันอะไรกันวะ” ช่วงเย็น กอไผ่เดินทางมาถึงที่ร้านอาหารเป็นคนสุดท้าย วันนี้ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมนัดทานอาหารเย็นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เวลามีปัญหาอะไรนัดเจอกันไม่เคยพ้นเรื่องส่วนตัวและเรื่องเกวลินเลย ผมอยากรู้ว่าผ่านวันนั้นไปทำไมถึงติดต่อไม่ได้ ผมว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันจริงจังแล้ว “วันนี้กูขอให้ทางร้านเสิร์ฟน้ำมนต์แทนน้ำเปล่าแล้วนะ กูพร้อมล้อมสายสิญจน์ทั้งโต๊ะอาหารแล้ว” “มึงจะประชดทำไมเนี่ย” รางไม่เข้าใจว่าไวน์หวานจะประชดทำไม ทุกคนเจอเหมือนกันหมดไม่ต้องบอกหรอกว่าตัวเองเจอคนเดียวแล้วตื่นเต้นมาบอกทุกคน ผมไม่รู้ว่าไอ้ที่ทุกคนเห็นคือจิตปรุงแต่งหรือสิ่งสมจริง ผมไม่ยอมให้มันมาทำชีวิตพังกับเรื่องที่มองไม่เห็นแล้วคิดไปเอง เมื่อทุกคนมาครบแล้ว ผมรีบเปิดประเด็นทันที “มึงว่าเกวลินตายจริงไหมวะ ไอ้เท็มเป้มึงเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทำไมมึงตอบไม่ได้วะ” “กูไม่รู้ว่ะ วันนั้นกูก็บอกทุกคนไปแล้วนะ” ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกวลิน หลังจากงานวันลอยกระทงไป ผมยังสงสัยเลยว่าเธอหายไปไหน ตอนนี้ยังมีชีวิตหรือไม่แต่ผมกลับเชื่อว่าเธอจากโลกนี้ไปแล้ว “กูบอกแล้วไงว่าให้พวกเราไปสะเดาะเคราห์...” “อย่ามางมงายกับกูนะไวน์หวาน” ผมไม่ยอมให้ไวน์หวานเอาเรื่องงมงายมาเป่าหูผมทั้งนั้น ตอนนี้ผมอยากให้ตัวเองและทุกคนผ่อนคลาย พามาร้านอาหารนอกจากอิ่มท้องแล้ว ผมอยากให้เรื่องสยองขวัญจบไปด้วย เมื่อทุกคนมาครบแล้วผมสั่งอาหารเรียกบริกรมาทันที “สวสัดีค่ะ...” “หืม?” ผมและทุกคนได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งคุ้นเคย แม้เวลาจะผ่านไปหลายวันแต่เสียงนั้นมันก้องหูพวกเราทุกคน เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เพราะเสียงนี้เองทำให้ทุกคนหันมาหาบริกรหญิงและชายที่เดินเข้ามาสองคน คนหนึ่งไม่คุ้นหน้า แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงชัดเจนดี “พี่ส้มคั้น”

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD