Hello วันหยุด วันนี้ฉันจะนอนให้สะใจเลย คอยดูสิแต่พอจะให้นอนเข้าจริง ๆ งึ!! พลิกซ้าย~* พลิกขวา~*
โอ้ย!!!!! อยากรู้ตอนต่อไปในนิยายเป็นยังไง อยากรู้จนนอนไม่หลับ แต่จะไปขอจากคุณปฐพีในเวลางานแบบนี้ คงดูไม่ดี แต่ฉันรักเขาเข้าแล้ว ทำยังไงถ้าไม่ได้อ่าน มันจะขาดใจ เลิกว้าวุ่นแล้วไปทำอะไรที่ควรทำดีกว่า ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับละ ฉันเอา Ipad ใส่กระเป๋า แล้วปั่นจักรยานไปในจุดที่ยังไม่เคยไป เพื่อหาโลเคชั่นใหม่ ๆ ในการเขียนนิยาย ฉันปั่นจักรยานไปตามทางจนถึงคอกม้า ที่นี่มีคอกม้าด้วยแฮะ
ฉันจอดจักรยานแล้วเดินเข้าไปดู ที่นี่ไม่ค่อยมีคนเลยแฮะ ทั้ง ๆ ที่ม้าเยอะขนาดนี้ ม้าพวกนี้จับได้รึเปล่า แต่ม้าไม่ใช่สัตว์ดุร้าย คงจับได้ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง คนดูแลที่นี่ไม่มีหรอ อาจจะเพราะมันไม่อันตราย เลยไม่ต้องมีคนดูแลมากมาย
“มีลูกม้าด้วยน่ารักจัง สีขาว สีน้ำตาล สีดำ งื้อออ ชื่ออะไรกันบ้างอะเราอะ” แต่ถ้าม้าตอบฉันได้ก็แปลกล่ะ ฉันเดินไปดูพวกที่อยู่ในคอกตัวใหญ่บ้าง โดยม้าตัวใหญ่จะอยู่คอกละตัวเลยแฮะ
“สวยจังเลย ขอจับหน่อยน้า!!!” แต่พอฉันยืนมือเข้าไป มันก็พยศ ยกสองขาหน้าใส่ฉัน
“กรี๊ดดดดดด” ฉันตกใจจนถอยเซไปชนกับอกแข็ง ๆ ของใครคนหนึ่งเข้า
“ชู่ววววววว จุ๊ ๆ ๆ เด็กดี เด็กดี นิ่ง ๆ ดีมาก” เสียงปลอบของคนตัวใหญ่ ทำเอาเจ้าม้าถึงกลับสงบลง ก่อนจะยอมให้เขาจับแต่โดยดี พอม้าสงบสายตาดุ ๆ ก็หันควับมาหาฉันทันที
ฉันได้แต่ก้มหน้า เพราะคิดว่าตัวเองต้องโดนว่าอีกแน่ ๆ รู้สึกช่วงนี้โดนดุจนชิน ก็ไม่ได้อยากจะเถียง เลยก้มหน้ารับความผิดแต่โดยดี เพราะถึงเถียงอะไรก็ผิดอยู่ดี ก็เขาบอกแล้วอยู่ที่นี่ เขาเป็นกฏ ฉันถูกลากมาตรงที่เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ สายตาที่มองมายังเต็มไปด้วยความโกรธไม่จางเลย
“รู้ไหมว่ามันอันตราย เจ้าเดฟมันมีแรงมากพอจะพังประตูออกมาได้นะ แล้วมันก็ยอมให้แค่ฉันกับพ่อจับแค่ 2 คน ทำไมถึงก่อเรื่องเก่งแบบนี้ ฉันควรจะทำยังไงกับเธอดีบอกฉันมาที หยุดก่อเรื่องสักวันได้ไหม ฉันมีงานเยอะแยะต้องทำ”
“ขอโทษค่ะ” ฉันก้มหน้าพูดขอโทษ
“ว่างนัก ทำไมไม่รีบไปแต่งนิยายให้จบ ๆ จะได้ไม่มีปัญหา จะได้รีบกลับ เป็นเด็กรึไง เที่ยวจับอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ฉันเริ่มชักไม่แน่ใจแล้ว ว่ามีเธอเป็นพนักงาน ฉันได้งาน หรือภาระ” คำพูดที่เสียดแทงมันบีบหัวใจ ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นภาระให้เขาขนาดนี้
“ขอโทษค่ะ ฉันคงสร้างเรื่องเดือดร้อนให้คุณมาก ขอโทษค่ะ ขอโทษจริง ๆ ต่อไปนี้จะไม่สร้างเดือดร้อนให้แล้วค่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบ ก่อนจะรีบกลับไปที่จักรยานคันที่ปั่นมา แล้วรีบปั่นจักรยานกลับรีสอร์ตทันที
ฉันไม่รู้ว่าฉันหรอกว่าฉันผิดแค่ไหน แต่ฉันไม่อยากเป็นภาระของใคร ไม่อยากเลยจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากจะก่อเรื่องเลยสักนิด ฉันไม่ได้ตั้งใจทำตัวเองให้มีปัญหาจริง ๆ ฉันจอดจักรยานคืนไว้ที่หน้ารีสอร์ต อยากให้ฉันไม่ก่อเรื่อง ถ้าฉันอยู่แต่ในห้องก็คงไม่มีปัญหาอะไร ฉันได้แต่ปาดน้ำตา ก่อนที่จะเดินอ้อมทางด้านหลังรีสอร์ตไปที่บ้านพักคนงาน จนลืมไปว่าตัวเองลืมกระเป๋าไว้ที่รถจักรยาน
“แย่ละสิ ลืมกระเป๋าไว้ที่จักรยาน” ฉันรีบวิ่งกลับไปที่จักรยานด้วยความเร็วแสง ที่กลัวคือกลัว Ipad หาย จะให้ซื้อใหม่คงจะไม่มีปัญญา แต่มันดันประจวบเหมาะกับที่เจอคุณณคุณพอดี
“ทำไมตาบวม โดนใครแกล้งมา ผมซื้อขนมมาฝากด้วยนะ บอกเลยว่าเจ้านี้อร่อยสุดในตลาด” คุณณคุณชูถุงขนมในมือให้ฉันดู
แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะกินเอาซะเลย ฉันไม่รู้จะพูดอะไร พูดยังไง ฉันเลยได้แต่เงียบ จะไล่เขาไปก็เสียมารยาท จะให้เขาอยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“ดูไม่ดีเลย เล่าให้ผมฟังได้นะ ผมพร้อมรับฟังนะ”
เพียงคำพูดแค่ประโยคเดียวของคุณณคุณ มันก็ทำเอาฉันระเบิดอารมณ์ที่เก็บเอาไว้ในใจ ทั้งน้ำตา ทั้งเสียงสะอื้น เหมือนกับฉันต้องการคนที่จะถามฉันว่าเป็นอะไรไหม แล้วเขาก็ถามมันได้เวลาขึ้นมา
“ฉันไม่เคยคิดอยากจะสร้างปัญหาให้ใครเลย แค่จะหาที่แต่งนิยายให้จบก็แค่นั้น ใครจะไปรู้ว่าม้ามันจะไม่ให้จับ ฮื่ออออ ฉันไม่อยากจะสร้างปัญหาสักหน่อย ฮึก ฮึก ฮื่อออออ” ฉันคิดอะไรได้ ฉันก็พูด เหมือนกับเจอคนที่พร้อมจะรับฟังแล้ว
“เอางี้ดีกว่า ผมพาคุณไปเที่ยวให้ใจเย็น ๆ แล้วเดี๋ยวกลับมาส่ง ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ก่อเรื่องก็ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม ผมไม่ดุเหมือนเจ้านายคุณหรอกนะ” คุณณคุณส่งยิ้มหวานมา
“นั่นสินะ ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมคะ” จะให้ใส่ชุดอยู่บ้านไปข้างนอก อาจจะดูไม่ดีรึเปล่า
“ไม่ต้องหรอก ผมชอบแบบนี้ คุณไม่ต้องแต่งเติมอะไรเลย ผมชอบทั้งที่เป็นคุณนั่นแหละ ปะปะ ไปเดินตลาดกัน เดินตลาดแค่นี้ก็สวยแล้ว”
นั่นสินะ อยู่ที่นี่มา 2 อาทิตย์ แทบไม่ได้ไปไหนเลย เราอาจจะเครียดมากเกินไป ไปเที่ยวให้สมองโล่ง ๆ บ้างก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ให้เป็นภาระใคร ฉันเดินตามคุณณคุณมาที่รถ โดยมีคุณณคุณบริการให้อย่างดี ทั้งเปิดประตู รัดเข็มขัด ดูแลดีจัง ในระหว่างที่เรากำลังออกไป มันก็ดันสวนกับรถขอคุณปฐพี ที่กำลังขับกลับเข้ามาพอดี
เขาคงจะดีใจ ที่ฉันจะไม่อยู่เป็นภาระของเขาแป๊บนึง ฉันนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ
“ผมอ่านนิยายคุณแล้วนะคุณชิ ทำไมพระเอกในเรื่องนี้ของคุณดูใจร้ายจัง ถึงกับข่มขืนนางเอกเลย แถมคุณบรรยายได้จริงมาจนผมแอบสงสารนางเอกจนร้องไห้ตามเลย” ประโยคของคุณณคุณ ทำเอาฉันต้องละสายตาจากหน้าต่างมามองหน้าเขา
“ถ้าเกิดมันเป็นการพลาดแบบนี้ สำหรับคุณณคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่ดีรึเปล่าคะ แบบดูง่ายจังอะไรอย่างเงี้ย”
“ไม่นะ สำหรับผม คนที่ไม่ดีคือผู้ชายต่างหาก เขาข่มขืนนะคุณ ถ้ามันไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปมีความสุขได้ยังไง”
ดีจัง อย่างน้อยก็มีคุณที่คิดเหมือนฉัน
“แล้วคุณละคุณชิ คุณมีแฟนไหม”
“ถ้าหมายถึงคนรักละก็ ไม่มีค่ะ แต่สำหรับฉัน ฉันรักพระเอกนิยายของฉันทุกคน ฮ่ะ ๆ” พอได้คุยกับคุณณคุณความเครียดในหัว มันก็ผ่อนคลายให้มีรอยยิ้มได้บ้าง
“ในที่สุดคุณก็อารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว ผมก็ยังไม่มีอะแฟน งั้นเรามาคบกันไหม”
ฉันตวัดสายตาควับไปหาคนที่พูดทันที ขอฉันคบเลยงั้นหรอ!!!!
“อย่ามาล้อฉันเล่นสิคะ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมเป็นตรง ๆ อะ ชอบคุณ ก็เลยขอคุณคบ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะมาหาคุณทุกวัน คุณอาจจะมองว่าผมไม่จริงใจที่เข้าหาคุณเร็วแบบนี้ แต่ผมชอบคุณตั้งแต่ตอนที่ผมเอาหนังสือไปให้คุณเซ็นแล้ว แต่ผมแค่ไม่รู้จะติดต่อคุณได้ยังไง เคยโทรไปสำนักพิมพ์ด้วยนะ แต่เขาบอกว่าคุณเป็นนักเขียนที่เก็บตัวมาก ผมยังตกใจที่มาเจอคุณที่รีสอร์ตที่นี่”
ไม่เก็บตัวได้ยังไง ฉันไม่มีตังค์ออกไปเปิดตัวเนี่ย กินอาหารตามสั่งได้ก็หรูแล้ว นี่แหละที่มาของนักเขียนที่เก็บตัว ถ้าใครรู้เข้าจะรู้สึกสมเพชไหมเนี่ย พอคิดถึงชีวิตตัวเองก็ขำออกมา
“ขำอะไรครับ”
“ขำตัวฉันเองค่ะ”
เรานั่งคุยมาตลอดทางเลย ถึงได้รู้ว่าว่า ตรงนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ของตลาดเป็นของครอบครัวคุณปฐพี รวยมหาศาลเลยแฮะ แต่คนรวยส่วนมากมักนิสัยไม่ดี คุณณคุณพาฉันเดินกินนู่นนี่จนรู้สึกอิ่มไปถึงตาเลย ขืนกินแบบนี้ทุกวันต้องจนแน่ ๆ ดีหน่อยที่ฉันไม่ได้จ่าย
พอฟ้าเริ่มมืดคุณณคุณก็พาฉันมาส่งที่รีสอร์ตเหมือนที่สัญญาไว้ แค่รถจอดเขาก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ฉันทันที บริการดีจัง ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะเนี่ย
“ผมฝากเอาไปคิดด้วยนะครับ ผมชอบคุณจริง ๆ ชอบมากเลย”
“โหยยย พูดตรงแบบนี้ฉันเขินแย่ เอาเป็นว่าฉันขอคิดดูก่อนนะคะ มันไวมากฉันตั้งรับไม่ทัน” ฉันยิ้มให้คนตรงหน้า แต่จู่ ๆ เขากลับโน้มตัวลงมาโดยที่ฉันยังไม่ได้ตั้งตัวเลย จะทำอะไรจูบหรอ แต่เขาก็ชะงักแล้วขอโทษ การกระทำของเขามันทำให้ใจสั่น แต่ไม่มั่นใจว่าสั่นเพราะกลัว หรือเพราะอย่างอื่น
“ผมรอคุณพร้อมดีกว่า ไม่อยากเป็นเหมือนพระเอกใจร้ายของคุณอะ ฝันดีนะครับ ผมจะรอคำตอบ” คุณณคุณพูดจบก็เดินกลับขึ้นรถ แล้วเปิดกระจกมาโบกมือลาฉันแทน
แต่การที่เขาไม่จูบมันกลับทำให้ฉันรู้สึกดีมาก เหมือนกับเขาเห็นความรู้สึกของฉันสำคัญ ฉันเลยโบกมือลาคนที่นั่งอยู่ในรถ แล้วอยู่รอจนเขาขับรถออกไปจนพ้นตา ก่อนจะกลับห้องพักของตัวเอง ในขณะที่เดินกลับ ดันถูกใครสักคนดึงข้อมือไว้
“ทำไมกลับมาเอาป่านนี้ ไปไหนมาไหนกับเขา ไว้ใจเขาได้แล้วรึไง” เสียงที่ราบเรียบมันขัดกับแววตา ที่ไม่เรียบเอาซะเลย
“เขาก็โอเคอะค่ะ ดูเป็นคนดี คุณมีอะไรอีกรึเปล่าคะ ฉันจะรีบไปนอน พรุ่งนี้ต้องทำงาน แล้วอีกอย่างฉันอยากเลิกเล่นแล้วค่ะ เกมส์ของคุณ เขาขอฉันคบแล้วแม้ว่าวันนี้จะยังไม่ตอบตกลง แต่ถ้าฉันเกิดอยากจะรักใครสักคนหนึ่ง เขาคงจะรู้สึกไม่ดี ถ้าฉันติดไอ้เกมบ้า ๆ นี่ของคุณอยู่” ฉันพยายามจะสะบัดมือของคุณปฐพีออก แต่เขากลับยิ่งจับมันแน่นขึ้น
“ฉันไม่ตลกหรอกนะ เธอกำลังทำฉันโกรธ” แล้วคนตัวใหญ่ก็กระชากแขนของฉัน จนไปกระแทกกับอกกว้าง
“ก็ฉันไม่อยากเป็นภาระคุณอีกแล้ว ต่างคนต่างอยู่มันจะได้จบ ฉัน.....”
ฉันพยายามผลักคนตรงหน้าออก แต่จากมันไม่ออกแล้ว ริมฝีปากฉันถูกปิดไม่ให้พูดต่อ ด้วยปากของคนตรงหน้า แต่ฉันผลักคุณปฐพีออกอย่างแรงอีกครั้ง ทำไมคุณชอบขืนใจฉันนัก
“ไหนสัญญาจะไม่ดุฉันอีก รู้ไหมสิ่งที่คุณพูดมา ฉันเสียใจ นี่ไงฉันจะรีบออกไปจากการรับผิดชอบของคุณ...”
แล้วเขาจูบฉันอีกครั้ง
“อะไรของคุณเนี่ย ฉันไม่ตลกด้วยแล้ว”
แล้วริมฝีปากฉันก็ถูกประกบลงมาอีก อะไรของเขา เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวจูบ เห็นฉันเป็นอะไรกัน
“บทลงโทษของคนที่พูดมากกว่าสิ่งที่ฉันถาม ถ้าวันนี้ฉันไม่ดุ แล้วถ้าเกิดเธอไปทำอีก ในตอนที่ฉันไม่อยู่ ใครจะดูแล จะต้องรอให้เจ็บตัวก่อน ถึงจะเห็นความหวังดีรึไง เห็นเธอแล้วคิดถึงน้องสาวตัวเองชะมัด ชอบหาเรื่องใส่ตัวเหมือนกัน อายุก็คงจะเท่า ๆกัน แค่น้องฉันไม่ขี้แยเหมือนเธอ เวลาฉันดุน้อง ฉันก็ดุแบบนี้ ไม่นึกว่าจะทำเธอเสียใจ ไปเป็นเพื่อนอ่านหนังสือหน่อยสิ” เขาพูดด้วยเสียงที่นิ่งเรียบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องโดยอัตโนมัติ มันทำเอาฉันปรับอารมณ์ไม่ทัน ว่าตอนนี้ควรจะเอาอารมณ์ไหนก่อนดี แล้วฉันต้องหายโกรธหรอ หรือไม่ต้องหาย แล้วเขาไม่โกรธฉันแล้วหรอ หรือฉันต้องง้อเขา แต่ง้อทำไมอะ แล้วววววว.....
“ไปอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ” ขอแยกไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วกัน
“ก็ตามใจ” ถึงพูดว่าตามใจ แต่เขาดันเอากระเป๋าของฉันไปเฉยเลย
“แล้วคุณเอากระเป๋าฉันไปทำไมคะ”
“ตัวประกัน ไปสิรีบไปอาบน้ำได้แล้ว” พอสิ้นเสียงเขาก็เดินกลับห้องตัวเองไป อะไรมีแบบนี้ด้วยหรอ มาเอากระเป๋าของคนอื่นไปแบบนี้
ฉันรีบอาบน้ำแล้วมาหาเขาที่ห้อง เพียงแค่เคาะห้องประตูมันก็เปิดออกแทบทันที อะไรเปิดไวจัง แต่คนที่มาเปิดดันไม่ใช่คุณปฐพี แต่เป็นพี่ทีต่างหาก ก็ตกใจนึกว่าเขาจะนั่งเฝ้าหน้าประตู ถึงได้เปิดไวขนาดนี้
“นายอาบน้ำครับ ถ้ายังไงผมฝากต่อเลยละกันนะครับ” พอฉันเข้าไปในห้อง พี่ทีก็ขอตัวออก
ฉันรีบเดินเข้าไปในห้อง เพื่อหากระเป๋าของฉันทันที ถ้าเขาเห็นนิยายของฉัน ฉันจะโดนเขาด่าอีกไหมเนี่ย ก็ดันเอาเรื่องของเขาไปเขียน โดยไม่ขออนุญาต งื้อออออ อย่าให้เห็นเลยดีที่สุด เหมือนเอาชีวิตไปแขวนในบนเส้นด้ายเลยเรา
พอเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ฉันก็หันไปมองต้นเสียงทันที แต่ต้องรีบหันกลับ ก็เขาดันห่อผ้าขนหนูออกมาครึ่งตัวเท่านั้น ทำไมไม่รู้จักแต่งตัวให้เสร็จก่อนออกมาจากห้องน้ำนะ ไม่รู้รึไง ในห้องนี้ก็มีผู้หญิงอยู่นะ
“เช็ดผมให้หน่อย” คุณปฐพีวางผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้บนหัวของฉัน แล้วเดินมานั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะสะบัดผมน้อย ๆ
“ทำไมไม่เช็ดเองคะ”
“อยากเช็ดเอง จะให้เธอทำไหม อย่าพูดมาก รู้ใช่ไหมพูดมากจะเจออะไร”
ฉันเงียบแล้วค่อย ๆ ซับน้ำจากผมของเขาเบา ๆ คุณต้องการอะไรจากฉันคุณปฐพี ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณหรอกนะ แต่เขาก็พูดชัดเจนแล้วนิ ว่าขอมาเป็นของเล่น เราต้องใจแข็งเข้าไว้
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำเอาคนที่นั่งนิ่ง ๆ ให้ฉันเช็ดผม หันมามอง
[ K.ณคุณ ]
“ฉันขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
“รับตรงนี้ เปิดลำโพงด้วย”
“นี่มันก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเกินไปแล้วนะคะ”
“หรือจะให้ฉันเป็นคนรับ เลือกเอา ถ้าเลือกไม่ได้ ฉันจะเป็นคนเลือกให้”
ฉันทำยอมทำตามที่คุณปฐพีสั่ง กดรับสายแล้วเปิดลำโพง
สายสนทนา
[ รับช้าจังเลย นอนแล้วหรือครับ ]
“อ่อเปล่าค่ะ พอดีฉันเช็ดผมอยู่ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ”
[ คิดถึงเฉย ๆครับ ผมรอคำตอบจากคุณอยู่นะ ถ้าคุณไม่ติดที่จะต้องเขียนนิยายที่นั่นเท่านั้น ผมยินดีรับคุณเข้าทำงานนะ ผมไม่ดุนะบอกเลย พูดอะไรออกไปเนี่ย ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณชิร้องไห้แล้วแค่นั้นเอง ]
ประโยคของเขาทำเอาคนฟังอย่างฉันถึงกับต้องยิ้มออกมาเลย
“คุณใจดีจัง”
“อุ๊ป” ฉันต้องตกใจที่จู่ ๆ คนตัวใหญ่ก็สวมกอดฉันจากด้านหลัง แต่มากอดฉันทำไมเล่า ฉันพยายามดันเขาออกไปให้ห่าง
[ มีอะไรรึเปล่าครับ ]
“ไม่ค่ะ”
มือใหญ่ไม่หยุดอยู่แค่กอดแต่เขากลับเลื่อนขึ้นมาบีบหน้าอกของฉัน ฉันพยายามจะดิ้นให้หลุด แต่มันกลับไม่ได้ผล
“เสียงดังปลายสายจะรู้นะ ว่าเราทำอะไรกัน” เสียงกระซิบที่ข้างหูมันทำเอาฉันพยายามควานหาโทรศัพท์มาเพื่อกดวาง แต่เขากลับปัดโทรศัพท์ให้ไกลออกไป เพื่อไม่ให้ฉันคว้าถึง
มือทั้งข้างของเขา ตะปบเข้ากับอกทั้งสองข้างจากด้านหลังแล้วบีบเคล้นอยู่แบบนั้น ปากก็ยังคงซุกไซ้อยู่ที่ต้นคอขาว
“อย่าครางล่ะ ครางออกมาเมื่อไหร่ เขาอาจจะไม่อยากคบกับเธอแล้วนะ ทำตัวดี ๆ แล้วฉันจะยอมให้กดวาง”