เสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วทั้งโรงยิมของมหาวิทยาลัยเมื่อร่างสูงกระโดดขึ้นแล้วชู้ตลูกบาสทำแต้มให้ทีมหลายลูกติดจนในที่สุดก็คว้าชัยชนะมาครอง
“สุดยอดเลยไอ้เข็ม แบบนี้มันต้องเลี้ยงแลองกันหน่อย” พายุ เพื่อนร่วมทีมตบไหล่กว้างดาวเด่นในสนามของวันนี้ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าไปนั่งพักหยิบน้ำขึ้นมากระดกเข้าปากเพื่อดับกระหาย
เสียงโห่ร้องชอบใจยังดังต่อเนื่องแม้ว่าการแข่งขันจะสิ้นสุดลงแล้ว บรรดานักเล่นในทีมจึงลุกขึ้นเพื่อขอบคุณกองเชียร์อีกครั้งก่อนจะพากันออกจากสนาม
บรรดานักศึกษาร่วมคณะต่างพากันแอบมองแล้วส่งเสียงกระซิบกระซาบในความหล่อของเขาก่อนจะพากันเดินจากไปแต่ก็ยังเหลียวมองจนคอแทบเคล็ด
“อย่าลืมมาให้ได้นะไอ้เข็ม” พายุเน้นย้ำอีกครั้งในขณะที่เข็มทิศกำลังคร่อมมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขากลับบ้านในตอนเย็น
“เออ กูไม่ลืมหรอก ใครไปทีหลังเลี้ยงด้วยนะโว้ย!” เข็มทิศกล่าวทิ้งท้ายหลังจากนั้นจึงรีบสตาร์ตเครื่องเร่งความเร็วออกสู่ถนนใหญ่ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็กลับมาถึงบ้านในสภาพที่เหงื่อไหลโทรมกายเพราะเพิ่งแข่งกีฬามาหมาด ๆ
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่โซฟาทำให้เข็มทิศต้องหยุดชะงัก เมื่อหันไปมองก็พบกับเท้าคู่หนึ่งที่กำลังกระดิกอย่างสบายใจในขณะที่เจ้าตัวกำลังจับจ้องอยู่บนหน้าจอมือถือเพื่อเล่นเกมโปรด
“ไอ้เชี่ยคิม ฝนอะไรหอบมึงกลับมาบ้านเนี่ย”
“ทำไมกูจะกลับไม่ได้ก็นี่มันบ้านกู”
“เออกูรู้ แต่ที่กูถามคือกูไม่เคยเห็นมึงกลับเลยไง”
“เอาอีกแล้ว สองพี่น้องนี่เจอกันทีไรพูดจาภาษาดอกไม้กันทุกที แม่หัวใจจะวาย” เกสรเข้ามาร่วมวงสนทนาทันทีที่ได้ยินลูกชายทั้งสองคนเอ่ยทักกัน “ว่าแต่เราน่ะตาคิม อย่าว่าแต่น้องเลยที่แปลกใจแม่เองก็แปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะกลับมาบ้าน”
ผู้เป็นแม่หันไปถามคิมหันต์ ลูกชายคนโตอายุยี่สิบสามกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สองคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเดียวกันแต่ก็อยู่คนละมหาวิทยาลัยกับเข็มทิศ
“ผมแค่คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่น่ะครับ” เขาวางมือถือแล้วหันมาออดอ้อนเกสรแทน
“จะกินข้าวก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าสิตาคิม” ผู้เป็นแม่ลูบเรือนผมสีดำขลับก่อนจะหันไปถามเข็มทิศ “เราล่ะจะทานด้วยกันไหม แม่จะได้ให้ป้าสุตั้งโต๊ะ”
“ไม่ดีกว่าครับแม่ วันนี้ผมมีเลี้ยงฉลองกับทีม อาจจะกลับดึกหน่อยนะครับ” พูดจบเข็มทิศก็หมุนตัวเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปเลี้ยงฉลอง ไปถึงสถานนัดหมายก่อนตั้งครึ่งชั่วโมง เขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูเพื่อเป็นการฆ่าเวลาในระหว่างที่เพื่อนทยอยเดินทางมาถึง
“หืม...โมนา มติมนต์” เขาอ่านชื่อรายชื่อเพื่อนใหม่ที่แอดเข้ามาก่อนจะรีบเข้าไปส่องโปรไฟล์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายน่ารักจึงรีบกดรับในทันที “น่ารักแฮะ...ลองทักไปหน่อยดีกว่า”
เข็มทิศ : สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
หลังจากพิมพ์ข้อความไปไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
โมนา : สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
เข็มทิศ : เข็มทิศนะครับ
โมนา : โมนาค่ะ
บทสนทนาดำเนินต่อไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้างของเข็มทิศ ยิ่งได้เห็นอีกฝ่ายพิมพ์ตอบกลับมาอย่างเป็นมิตรเขาก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากจะทำความรู้จักเธอมากยิ่งขึ้น
“ไงไอ้เข็ม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยกับสาวอยู่เหรอวะ” พายุเอ่ยทักทันทีที่มาถึง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทกำลังยิ้มกับหน้าจอมือถือ
“เออ น่ารักซะด้วย” เขาตอบด้วยสีหน้าที่ยังเปื้อนรอยยิ้มในขณะที่ยังพิมพ์ตอบกลับไป แม้ว่าเพื่อนอีกหลายคนจะเดินทางมาถึงแต่เข็มทิศก็ยังคงจับจ้องอยู่กับหน้าจอ แม้ในตอนที่กลับมาถึงบ้านเขาก็ยังหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อสนทนากับมติมนต์ต่อ
เข็มทิศ : เราถึงบ้านแล้วนะ โมนาทำอะไรอยู่เหรอ
โมนา : เรากำลังทำงานอยู่น่ะ แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงพัก
เข็มทิศ : เรารบกวนหรือเปล่า ให้เราคุยด้วยได้ไหม
บทสนทนายังดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืน ยิ่งได้คุยเขาก็ยิ่งตื่นเต้นที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอ
เข็มทิศ : โมนาจะกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่เหรอ
โมนา : คงอีกสักพักแหละ เราต้องทำงานเก็บเงินก่อน
เข็มทิศ : ขยันจังเลย เราอยากจะเจอโมนาเร็ว ๆ แล้วสิ
โมนา : อีกไม่นานเราคงได้เจอกันแน่นอน
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตั้งแต่วันที่ได้รู้จักกัน เข็มทิศก็เริ่มติดมือถือมากขึ้นเพราะเขามักจะเข้าไปส่องดูว่ามติมนต์อัพรูปถ่ายลงบ้างหรือเปล่า หรือมีข้อความอะไรส่งถึงเขาบ้าง
เข็มทิศ : กินข้าวยัง
โมนา : ที่นั่นเที่ยงแต่ที่นี่เพิ่งจะเช้าเองนะ
เข็มทิศ : จริงด้วย โมนาตื่นเช้าจัง
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเวลาของที่นี่ห่างกับลอนดอนถึงเจ็ดชั่วโมง
โมนา : เราก็ตื่นมาคุยกับเข็มไง
ประโยคที่อีกฝ่ายตอบกลับมามันยิ่งทำให้เข็มทิศมั่นใจว่ามติมนต์เองก็รู้สึกดีกับเขา ทำให้เข็มทิศแทบจะนับวันรอที่จะได้เจอกันแทบไม่ไหว
“ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแบบนี้ คุยกับสาวอยู่ล่ะสิ” คิมหันต์เอ่ยทักในขณะที่เขากำลังหิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้านเพื่อเดินทางกลับคอนโดฯ ในตอนบ่ายของวันอาทิตย์ พอเหลือบไปเห็นเข็มทิศกำลังนั่งยิ้มกับหน้าจอมือถือเขาก็อดเอ่ยแซวเสียไม่ได้
“บ้าเหรอพี่ สาวที่ไหนไม่มีหรอก” อีกฝ่ายทำท่าปฏิเสธรีบเก็บมือถือแต่คิมหันต์กลับเข้ามานั่งลงเคียงข้างแล้วหยิบมันขึ้นมาดู
“โมนา...”
“เออ คุยกับสาวอยู่” พอถูกจับได้เข็มทิศจึงต้องจำนนต่อหลักฐานแล้วสารภาพความจริงออกไป “เป็นไง น่ารักป่ะ”
“ก็งั้น ๆ ” คิมหันต์เลื่อนดูรูปถ่ายของมติมนต์แบบผ่าน ๆ ก่อนจะโยนมือถือคืนให้น้องชาย
“งั้น ๆ ของพี่น่ะหมายความว่ายังไง”
“ก็งั้น ๆ ที่แปลว่าเฉย ๆ ” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจพลางเอื้อมมือไปหยิบน้ำส้มของน้องชายขึ้นมากระดกเข้าปาก
“แต่ผมว่าโมนาเขาน่ารักดีนะพี่ อายุเท่ากับผมเลย”
“มิจฉาชีพมากกว่าล่ะมั้ง”
“มิจฉาชีพที่ไหนพี่ เราคุยกันมาสักพักแล้ว ไม่เห็นว่าเขาจะพูดถึงเรื่องเงินเลย โมนาเขาไม่ได้อยู่ไทย เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขามีพี่ชายอยู่ที่นี่เทอมหน้าเขาจะกลับมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ด้วย” เข็มทิศร่ายยาวโดยที่คิมหันต์ไม่ได้สนใจจะรับฟังเสียเท่าไหร่
“รู้เรื่องของเขาดีจัง เรื่องเรียนน่ะให้มันได้อย่างนี้บ้างสิ อาทิตย์หน้าจะสอบปลายภาคแล้ว หนังสือน่ะอ่านบ้างยัง” ฝ่ามือใหญ่ปะทะลงบนศีรษะน้องชายเต็มแรงทำให้เข็มทิศถึงกับโอดครวญ
“พี่คิม ผมเจ็บนะ”
“เลิกไร้สาระแล้วก็เริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว”
“ไร้สาระที่ไหนกันพี่ คนนี้น่ะผมจริงจัง” เข็มทิศยืนกรานเสียงหนักแน่นทำให้คิมหันต์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“จริงจัง...มึงเพิ่งสิบแปดย่างสิบเก้า ยังเรียนอยู่ปีหนึ่งนี่อ่านะ จะจริงจัง...ถุ้ย”
“ผมพูดจริง ๆ นะพี่ ไม่เหมือนพี่หรอก ฟันแล้วทิ้งแบบนี้ สักวันพี่ต้องหอบลูกมาไหว้แม่แน่ ๆ ”
“ไอ้เข็ม! มึง!” คิมหันต์กัดฟันแน่น เขาถลาลุกขึ้นไปนั่งคร่อมน้องชายไว้แล้วใช้หมอนอิงปิดหน้าเข็มทิศจนอีกฝ่ายส่งเสียงอื้อในลำคอ
“อื้อ...อื้อ...ไอ้คิม มึงจะห่ากูเหรอ”
“ฮ่า ๆ ๆ คิดว่าจะแน่” คนตัวโตหัวเราะลั่น เขายกหมอนออกแล้วทุบลงบนศีรษะเข็มทิศอีกครั้ง “ไปอ่านหนังสือได้แล้ว อย่าหมกมุ่นให้มันมาก”
“เออ เป็นพี่หรือเป็นพ่อวะ”
“เป็นทั้งสองนั่นแหละ ไปเลย!” คิมหันต์ยกขาตวัดไปที่ลำแข้งของเข็มทิศอีกครั้งทำให้อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะหันมาแลบลิ้นใส่
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้คิม”
“รีบมาเอาคืนนะเว้ย!” เขาตะโกนไล่หลังน้องชายไปแล้วจึงทรุดกายนั่งลงที่เดิม แอบจำชื่อเฟซบุ๊กของมติมนต์ไว้แล้วกดค้นหาบนมือถือของตัวเองอีกครั้ง
ถึงเข็มทิศจะยืนยันว่าชอบผู้หญิงคนนี้จริง ๆ แต่น้องชายค่อนข้างหัวอ่อนเพราะเกสรส่งตัวไปอยู่กับยายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาแบบประคบประหงมเป็นพิเศษเขาจึงต้องเป็นคนเฝ้าจับตาดูแลเข็มทิศอยู่ห่าง ๆ แทนพ่อที่ตายจากไปตั้งแต่ยังเด็ก
“โมนา มติมนต์...” ดวงตาคมกริบจ้องมองรูปที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอก่อนที่รอยยิ้มจาง ๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ก็น่ารักดี หวังว่าคงไม่มาหลอกไอ้เข็มก็แล้วกัน”
คิมหันต์ส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วจึงหยิบกระเป๋าสะพายออกจากบ้าน
ฮัลโหล ๆ มีคนอยู่ไหมค้า คอมเมนต์ติชมได้น้าาา อ้อนสุด ๆ