บทนำ (2)

1708 Words
“โมนา...” เสียงมินนี่ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องพร้อมกับเจ้าตัวที่เปิดเข้ามาเห็นว่าพี่สาวกำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่พอดีจึงเอ่ยถาม “โมนาจะไปไหน” “พี่จะออกไปอยู่ข้างนอก” เธอตอบกลับไปทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองคู่สนทนาเลยสักนิด “มินนี่ไปด้วย มินนี่อยากอยู่กับโมนา” “มินนี่ไปไม่ได้” หญิงสาวอธิบายพลางออกแรงโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วสวมกอดไว้แน่น “มินนี่ยังเด็ก มินนี่ต้องอยู่กับแม่นะ” “มินนี่อยากไป...” “ไปไม่ได้ รอให้มินนี่โตขึ้นแล้วพี่จะมารับไปนะ” “โมนาสัญญานะ” มินนี่กำชับอีกครั้งก่อนจะยื่นนิ้วก้อยให้มติมนต์เกี่ยวไว้เป็นการสัญญา “อื้ม...” หญิงสาวรับคำแบบส่ง ๆ ก่อนจะหันไปเก็บเสื้อผ้าต่อ ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็ลากมันลงชั้นล่างท่ามกลางสายตาของเมษาและไมเคิลที่พากันตกใจ “โมนาจะไปไหนลูก” “จะออกไปอยู่ข้างนอกไงคะ หนูมันเห็บหมัดนี่แม่ไม่ได้ยินเหรอ” มติมนต์เหลือบมองไมเคิลที่กำลังนั่งทานมื้อค่ำอย่างสบายใจ “ไม่ได้นะลูก แม่...” “อยากไปก็ไป ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะแน่สักแค่ไหน” พ่อเลี้ยงยืนขึ้นแล้วเข้ามากระชากเมษาให้ออกห่างก่อนที่เขาจะออกแรงหิ้วกระเป๋าของมติมนต์ออกไปทิ้งนอกบ้าน “ออกไปซะ อยากไปก็ไปเลย” “คุณจะให้ลูกไปตอนนี้ไม่ได้นะไมเคิล นี่มันมืดแล้ว หนาวก็หนาว ลูกจะอยู่ยังไง” เมษาพยายามขอร้องอ้อนวอนแต่ไมเคิลก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ “โมนาเป็นลูกของเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นยังไง” “งั้นฉันจะไปด้วยโมนา” เมษายืนยันเสียงหนักแน่นแต่มินนี่กลับรีบเข้ามาสวมกอดแม่เอาไว้ “แม่อย่าไปนะคะ” “ไปเลยสิ” ไมเคิลกระตุกยิ้มอย่างเลือดเย็น “ถ้าเธอก้าวออกไป ก็อย่าได้หวังว่าฉันจะหยิบยื่นเงินให้เธอ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก” คำขู่นั้นทำให้เมษาต้องหยุดชะงัก ถึงเธอจะรักมติมนต์แต่เธอก็รักความสบายเช่นกัน ถ้าออกไปแล้วต้องอด ๆ อยาก ๆ เธอก็อยากจะอยู่ที่นี่กับมินนี่เสียดีกว่า “โมนา...แม่ขอโทษ” “หนูเข้าใจแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ” พูดจบ มติมนต์ก็กระแทกเดินออกไปก่อนที่ไมเคิลจะตวัดประตูปิดลงตามหลัง ปัง! เสียงประตูที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อกวาดสายตามองไปรอบกายก็พบแต่ความมืดและความเหน็บหนาวจากหิมะที่ยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย “เป็นไงล่ะ รสชาติของการถูกตัดหางปล่อยวัด” มติมนต์บ่นพึมพำก่อนจะกระชับถุงมือและเสื้อคลุมตัวใหญ่ให้แน่นก่อนจะเดินฝ่าความเหน็บหนาวออกไปสู่ถนนใหญ่ จากนั้นจึงโทรหาเกว็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่นึกถึงในตอนนี้ให้มารับ “เกว็น ช่วยมารับฉันหน่อยได้ไหม” (ดึกป่านนี้แล้วเธอจะออกไปไหน) ปลายสายเอ่ยถามด้วยความตกใจ “ฉันว่าจะไปเช่าอพาร์ตเมนต์น่ะ คือ...ถ้าจะให้พูดตามตรง ฉันถูกพ่อเลี้ยงไล่ออกจากบ้านมากกว่า” (ตายแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันไปรับนะ) เกว็นอุทานลั่นก่อนจะรีบวางสายไป มติมนต์จึงตัดสินใจลากกระเป๋าใบใหญ่ไปรอที่ป้ายรถเมล์ เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมงเกว็นก็มาถึง เธอจึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกครั้ง “เสียดายจัง ตกลงนี่เราจะไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกันแล้วใช่ไหมเนี่ย” อีกฝ่ายคอตกด้วยความเสียดาย “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ตอนนี้ฉันคิดว่าคงต้องหางานทำเก็บเงินสักก้อนแล้วค่อยบินกลับเมืองไทยน่ะ” “เธอคิดดีแล้วนะโมนา” เกว็นถามย้ำอีกครั้ง “ฉันคิดดีแล้ว ถึงจะจากมานานแต่ที่นั่นก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของฉัน” “เอาไว้ถ้ามีโอกาส ฉันค่อยไปเยี่ยมเธอก็แล้วกันนะโมนา” เกว็นเอื้อมมาจับมือเธอไว้เพื่อปลอบใจ ก่อนจะขับรถเข้าเมืองหาเช่าอพาร์ตเมนต์ราคาถูก ใช้เงินเก็บจากการทำงานพาร์ตไทม์เมื่อเทอมที่ผ่านมาเป็นค่ามัดจำ ส่วนที่เหลือก็เอาไว้กินไว้ใช้ในตอนที่หางานยังไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะมีเมธัสคอยซัพพอร์ตและให้ความช่วยเหลือแต่เธอคิดว่ายังไงการยืนด้วยขาตัวเองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ทำงานเก็บเงินสักปีค่อยซิ่วไปเรียนปีหนึ่งใหม่ที่เมืองไทยก็คงไม่สาย “นี่จะย้ายออกไปจริง ๆ เหรอหมอก” สายใจ ภรรยาใหม่ของภากรเอ่ยถามหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของบิดา เมธัสก็ตัดสินใจย้ายออกไปซื้อบ้านเล็ก ๆ เป็นของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมในการทำงานอย่างเต็มตัว “ครับน้าสาย” เขาตอบกลับไปแต่เพียงสั้น ๆ ในขณะที่ยังคงก้มหน้าเก็บสัมภาระย้ายออกไป “แล้วได้ที่อยู่ใหม่แล้วเหรอ” “ผมดาวน์บ้านไว้หลังนึงแล้วครับ อีกไม่นานโมนาก็จะย้ายกลับมาอยู่ด้วย ผมว่าผมย้ายออกไปดีกว่าครับ” “ทำไมถึงย้ายกลับมาล่ะ แม่เขาไปไหน เห็นบอกว่าจะช่วยกันเลี้ยงกับคุณภากรไม่ใช่เหรอ” สายใจเอ่ยถามด้วยความลืมตัวเพราะภรรยาใหม่มักจะไม่ชอบหน้าภรรยาเก่าเป็นปกติอยู่แล้ว “โมนาเขาอยากย้ายมาอยู่กับผมเองน่ะครับ” “ถ้าคิดดีแล้วน้าก็คงไม่ห้ามหรอกนะ แต่เธอก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าน้ากับพ่อเธอเราสองคนจดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งก็ต้องเป็นของน้าด้วย” อีกฝ่ายเน้นย้ำทำให้เมธัสถึงกลับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ข้อนั้นผมไม่ลืมหรอกครับ” “ก็ดี...” พูดจบสายใจก็เดินออกจากห้องไป พอลับหลังผู้เป็นแม่ ใบหม่อน น้องสาวต่างสายเลือดซึ่งเป็นลูกติดของสายใจก็เดินเข้ามาโน้มน้าวเขาอีกครั้ง “พี่หมอกไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” “ใบหม่อน...” เมธัสหันมามองตามต้นเสียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเขาจะมองไม่ออกว่าใบหม่อนนั้นเหมือนจะลำเส้นความเป็นพี่น้องกับเขามากเกินไปจนรู้สึกอึดอัด “พี่ไม่ไปไม่ได้หรอก น้องสาวของพี่เขากำลังจะกลับมา” “แต่ใบหม่อนก็เป็นน้องสาวของพี่หมอกนะคะ” “พี่หมายถึงโมนา...น้องสาวแท้ ๆ ที่พี่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่ยังก้มหน้าเก็บของต่อ “แล้วใบหม่อนจะอยู่กับใครล่ะคะ” “ก็อยู่กับแม่ไง” “แต่ใบหม่อนอยากอยู่กับพี่หมอก” “ว่าง ๆ ใบหม่อนค่อยไปหาพี่ก็ได้ พี่ไม่ได้ย้ายไปไหนไกลเสียหน่อย” เมธัสพยายามถนอมน้ำใจเพราะรู้ดีว่าใบหม่อนนั้นไม่ใช่คนปกติแต่มีอาการทางจิตเวชอ่อน ๆ จนต้องรับยามาทานหลายครั้ง การปลีกตัวออกไปอยู่ข้างนอกจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา “พี่หมอก...” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ขอตัวก่อนนะ” อีกฝ่ายรีบตัดบทด้วยการขนกระเป๋าลงไปเก็บไว้ที่รถข้างล่างและจังหวะนั้นเองที่มติมนต์ส่งความเด้งเข้ามาในมือถือของเขาซึ่งยังคงวางไว้บนเตียงกว้าง “โมนาจะตั้งใจทำงานเก็บเงินสักก้อนแล้วบินไปหาพี่นะ” “ยัยโมนา...คนนี้น่ะเหรอ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที ใบหม่อนจดจำชื่อเฟซบุ๊กของมติมนต์แล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อค้นหาชื่อนี้ในคอมพิวเตอร์ของเธอทันที “โมนา...ชื่อสวยจัง...ตัวจริงก็สวย...ดูสิ...สวยไปหมด” ใบหม่อนจ้องมองภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้วยความชื่นชม แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนใบหน้าของเธอ รอยยิ้มนั้นก็มลายหายไปในทันที ใบหน้าอวบอิ่มเต็มไปด้วยสิวเขรอะขึ้นเต็มใบหน้า ริมฝีปากหนาสีดำคล้ำกลับดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวที่มองยังไงก็แทบไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเลยสักนิด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอ้วนเพราะน้ำหนักที่ย่างสู่เลขเก้าแล้ว พูดได้เต็มปากเลยว่าเธอไม่มีตรงไหนน่ามองเลยสักที่ “อยากสวยเหมือนโมนาจัง...” ใบหม่อนพึมพำกับตัวเองภายในห้องนอน แล้วความคิดชั่วร้ายก็โผล่เข้ามา ฝ่ามือใหญ่ขยับเมาส์เลื่อนดูรูปของมติมนต์ทีละรูปแล้วกดบันทึกไว้ทุกรูป สายตามีแต่ความชื่นชมแต่รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้ากลับดูน่ากลัวจนน่าขนลุก “เธออยู่ต่างประเทศ เธอไม่รู้หรอกว่าฉันกำลังเป็นเธออีกคน ฮ่า ๆ ๆ” ใบหม่อนหัวเราะลั่นออกมาอย่างคนเสียสติ หลังจากที่จัดการแฮ็กข้อมูลส่วนตัวของมติมนต์มาได้ เธอก็เริ่มแอดผู้ชายเป็นเพื่อนทันทีรวมถึงเข็มทิศ เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายที่เธอแอบชอบมาโดยตลอด แม้ว่าตอนนี้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อเข็มทิศนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ถ้าเธอไม่ป่วยเสียก่อนป่านนี้คงจะได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแบบที่เธอฝันเอาไว้แล้ว “อีกไม่นานเราคงจะได้เจอกันนะเข็มทิศ” ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวจ้องมองรูปเข็มทิศผ่านหน้าจอด้วยความหลงใหล นิ้วอวบ ๆ เกลี่ยลงบนนั้นแผ่วเบา แทบจะอดใจรอวันที่ได้เจอกันไม่ไหว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD