“อย่าหลงระเริงนักเลย มัสลินก็แค่อยากประชดฉันเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางรักใครจริงนอกจากตัวเอง”
“คุณเลยนอกใจเธอเหรอครับ...”
“ลูกพีชไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะพี่สมชาย” หญิงสาวตอบแทนด้วยท่าทีร้อนรน น้ำตาที่เอ่อที่ดวงตาไม่ได้ทำให้สมชายรู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากนัก ยิ่งเปรียบเทียบกับน้ำตาหยดเดียวของมัสลินยิ่งเทียบกันไม่ได้สักนิด
ผู้หญิงที่ไม่เคยร้องไห้อย่างมัสลินกลับอ่อนไหวจนร้องไห้ออกมาตรงหน้าเขา
สมชายเม้มปากแน่นมองพิชชาค่อย ๆ สอดมือเข้าในท่อนแขนขององศาราวกับลูกนกโผเข้าหาที่พักพิง
“จะไม่เชื่อก็ตามใจ เพราะจากนี้ผู้หญิงคนนั้นคงแสดงออกว่าชอบนายมากจนอยากจะแต่งงานกับนาย แต่ก็แค่เห็นนายเป็นของเล่นแก้เบื่อเท่านั้นแหละ สุดท้ายนายก็ตกนรกทั้งเป็นเหมือนฉัน เด็กกำพร้าอย่างนายคงดีใจจนตัวสั่นสินะที่มัสลินทำท่าสนใจ”
เขาหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงมาคาบไว้ แล้วมองสมชายด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมคำพูดสาดโครมใส่เลขาหนุ่ม
“แต่อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ถ้าฉันไม่หึงวันหนึ่งมัสลินก็เลิกเล่นกับนายไปเอง”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณองศากำลังพูดอะไรครับ” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเอื่อยเฉื่อยพลางหันหน้าหนี
“แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่ขายตัวให้กับศตวรรษเวชไปแล้วอย่างนาย ก็คงอดทนได้เกินปีอยู่หรอกมั้ง ใครจะไปทนอยู่กับผู้หญิงอย่างมัสลินถ้าไม่มีเงิน”
พลั่ก!!!
“ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ราชการครับ”
“กรี๊ดดดพี่องศา...”
“ไอ้เหี้ยนี่! มึง!!!”
ร่างที่ถูกหมัดหนักกระแทกจนเซไปชนกับประตูกระจก หันกลับมามองสมชายด้วยสายตาวาวโรจน์ ก่อนจะถลาเข้าใส่เลขาหนุ่มหมายจะเอาคืน ทำให้คนที่เข้าไปล้างมือในห้องน้ำรีบสืบเท้าออกมาขวางหน้าเขาไว้ ไม่ให้เข้าใกล้เลขาของเธอไปมากกว่านี้
“ถอยไปนะองศา”
“ไอ้ขี้ข้านี่มัน...”
“นี่คุณมีความสุขจนสติหลุดแล้วรึไง เอาหน้ามากระแทกหมัดเลขาฉันทำไมคะ ถ้ามือสวย ๆ ของสมชายเป็นแผลขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบเหรอ” มัสลินแสร้งพูดเฉไฉก่อนจะรวบมือใหญ่ของสมชายขึ้นมาถู ๆ แล้วเป่าราวกับว่าเขากำลังเจ็บ
ถ้าเธอไม่กวนประสาทเขาตอนนี้องศาไม่มีทางปล่อยเลขาเธอแน่
“เอาหน้าไปกระแทกหมัด...คุณหาเหยื่อใหม่ได้เร็วดีนี่ ดูท่ามันจะหน้าโง่ด้วย”
“แล้วทำไมคะ อยากเป็นเหยื่อฉันต่อเหรอ แต่ฉันไม่เอาคุณเพราะคุณหน้าโง่กว่าเขา”
“ที่เราต้องจบแบบนี้ มันเพราะคุณทั้งนั้นมัสลิน”
“เฮ้อออ ไอ้ลูกหมานี่ยังไม่หยุดอีก อยากโดนฉันแตะด้วยคริสติยองลูบูแตงใช่ไหม!!! ไม่ต้องมาพูดเรื่องหมิ่นประมาทซึ่งหน้าบ้าบอนะคะ เพราะฉันจะเตะคุณด้วยค่ะคุณทนาย” มัสลินเหวี่ยงเท้าก่อนจะยืนกอดอกมองสามีเก่าที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปพร้อมกับพิชชาและทนาย ไม่วายหันมาอาฆาตแค้นเธออีก
“มัสลิน!!! ถ้าผมไม่รังเกียจคุณจนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคุณ ผมไม่ยอมจบแค่นี้แน่”
“เป็นพระคุณอย่างสูงเลยค่ะคุณอดีตสามี ไปผุดไปเกิดเลยนะคะ”
“แล้วคุณจะต้องเสียใจ”
“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มัสลินเหลือบมองคนข้างกายที่เอาแต่ยืนนิ่ง เขาดึงมือของตัวเองกลับไปไม่พูดไม่จา เธอเองก็ไม่คิดเอ่ยตำหนิหรือถามเรื่องที่เขาไปต่อยองศา แต่ร่างสูงกลับทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ
“ทำอะไรน่ะ ถึงฉันจะดูเท่มาก แต่เรานอนด้วยกันสักครั้งแล้วค่อยขอฉันแต่งงานก็ได้นะ”
คนบนพื้นเหลือบตามองคนพูดอย่างเฉยชา สายตาไร้ความรู้สึกของเขาซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใน ก่อนน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายจะบอกกับเธอ “รองเท้าคุณหลุดแล้วครับ แล้วกระโปรงของคุณก็ไม่เหมาะที่จะก้มในตอนนี้ จับไหล่ผมไว้สิครับ”
“อ๋อ...ขอบคุณนะ”
“แล้วตอนนี้คุณองศาก็ไม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเหมือนชอบผมประชดเขาหรอกครับ” เขาพูดพลางสวมรองเท้าคืนให้เธอแล้ววางลงเท้าเธอลงกับพื้น
“ฉันจะประชดคนพันธุ์นั้นไปทำไม ที่ฉันบอกว่ารักแรกพบน่ะจริง ๆ นะ ถ้าไม่เชื่อเราไปนอนแก้ผ้าคุยกะ...อื้ออ”
ลูกอมถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าสูทก่อนที่สมชายจะยัดเข้าไปในริมฝีปากเล็ก ๆ ของมัสลิน กลิ่นสตรอว์เบอร์รีคละคลุ้งแทรกเข้ามาตามนิ้วเขา ความนุ่มและเปียกชื้นทำให้ชายหนุ่มรีบชักมือออก ก่อนจะก้าวถอยหลังออกห่างมัสลินสองก้าว
“พูดจาไร้สาระอีกแล้วนะครับ”
“นี่! เอามือที่จับเท้าฉันมาโดนลิ้นฉันได้ยังไงยะ!”
“ขอโทษครับเดี๋ยวผมไปล้างมือ”
นั่นมันหมายความว่ายังไงกัน
มัสลินถลึงตาอ้าปากค้างอยากจะกรี๊ด แต่ลูกอมที่กลิ้งเกลือกอยู่บนลิ้นกลับทำให้อารมณ์ขุ่นมัวหายเป็นปลิดทิ้ง “จะบอกว่าน้ำลายฉันสกปรกรึไง แต่ยังไงตอนจูบกันก็ต้องกินน้ำลายกันอยู่แล้วนะ”
“ถ้าคุณยังเอาแต่พูดจาไร้สาระอยู่ ผมจะไปรอที่รถนะครับ”
สมชายแสร้งถอนหายใจเฮือกใหญ่จงใจให้เธอได้ยิน ก่อนจะเดินนำหน้าเธอไปที่รถไม่เหลียวหลังมามองเธอแม้เสี้ยววิ
“ทำไมชอบเดินหนีนักนะ”
ชายหนุ่มเผลอขยับแว่นที่ไม่ได้สวม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบใบหน้าที่กำลังแดงก่ำของตัวเอง เมื่อมันร้อนผ่าวเพราะคำพูดของเธอ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยสนใจเขาสักนิด พอมาตอนนี้กลับเอาแต่เกี้ยวเขา
เห็นหน้ากันมาห้าปีกลับบอกว่ารักแรกพบ
เขาจะเชื่อได้ยังไงหรือเธอจะบอกว่ารักแรกพบกับเขา ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นเธอยังไล่ตามองศาราวกับคนเสียสติเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง
นั่นคือชอบเขางั้นเหรอ
เลขาหนุ่มขมวดคิ้วตัดสินใจว่าเขาจะไม่เชื่อลมปากมัสลินอีก
มัสลินยักไหล่ไม่สนใจท่าทีเย็นชา ก็เขาดันน่ารักถูกใจเธอตอนโดนแกล้งทำไมล่ะ
ห้าปีที่ผ่านมาเธอจำหน้าเขาไม่ได้เลย เหมือนทุกอย่างจะดำมืดราวกับเขาคือตัวละครที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาไม่มีแสงไฟ ไร้หน้าตา เธอรู้ว่าเขาใส่แว่นและมักสวมสูท หากแต่ไม่เคยเห็นเขาชัด ๆ ในความทรงจำของเธอสักครั้งจนกระทั่งวันนี้
สมชายนั้นเลือนรางราวกับกำลังจะหายไป ตอนนั้นเลขาของเธอใช่เขารึเปล่านะ
มัสลินมองไปยังร่างสูงก่อนจะเบิกตากว้าง
ไม่ใช่! ตอนที่เธอจ้างคนไปฆ่าพิชชาเพราะความริษยา ไม่ใช่สมชายที่อยู่ข้างเธอ ใช่แล้วเขาลาออกไปก่อนที่เธอจะยอมหย่ากับองศาในคราวแรกนี่ จำได้ว่าเธอขว้างแจกันใส่หัวเขาแตก เพราะสมชายเอาดอกลิลลี่ดอกไม้ที่องศามอบให้พิชชามาตั้งในห้องทำงานเธอ เธอเลยไล่เขาออกไป
เขามีบทอยู่แค่ไม่กี่หน้าแรกและมีเพียงสองสามบรรทัดด้วยซ้ำ ประโยคคำพูดก็มีเพียง ‘ครับ’ ‘ครับคุณมัสลิน’
ตัวละครที่ควรจะหายไปยังปรากฏอยู่
หมายความว่าการกระทำของเธอกำลังเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
งั้นเธอก็แต่งงานและมีลูกกับสมชายได้น่ะสิ
ว่าแต่นักเขียนคิดยังไงถึงตั้งชื่อสมชายว่าสมชายเนี่ย!!!
“โอ๊ยยยหงุดหงิด! แต่ตอนเรียกคุณสมชายก็น่ารักดีนะ คุณสมชาย!!! มาแต่งงานกันเถอะ”
ปัง!
สิ้นประโยคประตูรถราคาแพงของมัสลินก็กระแทกปิดท่ามกลางสีหน้างอง้ำของนางร้ายที่ทำได้แต่เข่นเขี้ยวเขาในใจ