สีหน้าลำบากใจของชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ด ทำให้ชายสูงวัยที่อายุอีกไม่ถึงสองปีดีก็จะเจ็ดสิบแปดและชายวัยกลางคนที่อายุห้าสิบห้าถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ผมอยากลาออกครับคุณปู่คุณอา ถ้าคุณปู่อนุมัติผมจะ...”
“ช่วงนี้ยัยหนูมัสลินกำลังจะหย่า จะลาองลาออกได้ยังไงกัน ไม่เอา ๆ ๆ” ฝ่ามือเหี่ยวย่นปล่อยถ้วยน้ำชาพลางโบกไปมาปฏิเสธคำขอ ก่อนที่เขาจะแอบหลบสายตาเลขาหนุ่มที่มองเขาผ่านกรอบแว่น
“นั่นสิรออีกหน่อยเถอะสมชาย อยู่ช่วยมัสลินให้ทำอะไรเข้าที่เข้าทางอีกนิด ปู่กับอาไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้แน่ ๆ”
“แต่ว่าคุณปู่สัญญากับผมไว้ว่าห้าปีนี่ครับ แล้วตอนนี้ก็ครบตามสัญญาแล้ว”
สัญญาที่ว่าจะคืนบริษัทของบิดาให้กับเขา แม้ในตอนนี้จะอยู่ในมือของพาดาแต่เขาก็มีโอกาสเข้าไปศึกษานิดหน่อย แต่อำนาจการตัดสินใจยังอยู่ในมือของพาดา
“นั่นปู่รู้ รออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรกัน”
“ตอนนี้กำไรจากบริษัทห้าปีนี้ก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก หุ้นบางส่วนก็ยังมีปัญหาอยู่ ถึงรู้ว่าเราจะแก้ปัญหาได้แต่ให้อาช่วยดีกว่า อาถึงบอกให้รอต่ออีกหน่อย”
“หมายถึงผมยังใช้หนี้ไม่หมดเหรอครับ”
“หนี้อะไรกันพ่อเราก็เพื่อนอา แต่ตอนนี้ยัยมัสต้องการชายมากกว่า ห้าปีนี่ก็ต้องผูกพันกันบ้างละ ถือว่าสงสารยัยมัสนะ”
“ไม่เลยครับ ไม่ได้สนิทกันเลยครับ”
“ไม่...ไม่เลยเหรอ สักนิดก็ไม่เลยเหรอ” พาดาหุบปากลงฉับ พร้อมกับใบหน้าที่แตกละเอียดอย่างยอมจำนน
แม้ในใจจะรู้ดีว่านิสัยลูกสาวตนจะเข้ากับใครไม่ได้
แต่กับเลขาที่ควรตัวติดกันตลอดเวลาไม่มีสักนิดเลยเหรอ
พาดายิ้มแหยให้บิดาของตนที่กระแอมไอรู้สึกกระดากอายไม่ต่างกัน
“ครับ ไม่เลยครับ”
ชายหนุ่มตอบอย่างเย็นชา ดวงตาใต้กรอบแว่นไม่ไหวติงแม้สองผู้อาวุโสจะมองเขาอย่างกดดัน
มัสลินหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเจ้าหญิงตั้งแต่วัยเด็ก เพราะอยู่ในครอบครัวที่มีแต่ผู้ชายทั้งปู่ พ่อ พี่ชายและน้องชาย ลูกสาวคนเดียวของบ้านจึงถูกสปอยจากทุกทาง และทุกอย่างก็เป็นไปตามต้องการของเธอ
อยากแต่งงานก็ได้แต่ง
อยากหย่าก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือถามสาเหตุจากเธอ
เขาเป็นเลขาของเธอยังไม่รู้เหตุผลที่เธอหย่า มีเพียงเงื่อนไขการหย่าที่เธอชี้แจงเขาและทนายให้ช่วยจัดการ
มัสลินทั้งเอาแต่ใจ เปลี่ยนแปลงตารางงานตามใจชอบ เหวี่ยง วีน และไม่ยอมเข้าบริษัทเพราะมักชอบไปเฝ้าสามีมากกว่า จนบ่อยครั้งเขาต้องไปลากตัวเธอกลับมา ถึงแม้ในด้านการทำงานจะเป๊ะจนสามารถจัดการได้ทุกอย่าง แต่เขาต้องรองรับอารมณ์ของเธอมาตลอดห้าปีนี่ก็เกินพอแล้ว ก่อนหน้าเขาในเวลาแค่สองปีมัสลินเปลี่ยนเลขาไปถึงสิบคน บางรายมาเช้าบ่ายก็ลาออกเลยก็มี
มัสลินเองก็ดูจะไม่ชอบหน้าเขาเช่นกัน แต่ต้องอดทนเพราะเขาไม่ยอมลาออก
“อีกปีเดียวก็ได้ ระหว่างนี้อาจะหาเลขาที่เหมาะกับยัยมัสอีกแรง” พาดาเอ่ยเสียงอ่อย “ช่วยอาหน่อยเถอะนะชาย”
“งั้นผมจะรออีกหนึ่งปีตามที่คุณอาสัญญาครับ ผมไปก่อนนะครับ ช่วงบ่ายคุณมัสลินมีนัดที่อำเภอ”
“อืมไปเถอะ อาฝากมัสลินด้วยนะ”
เขาก้มหัวเอ่ยลาผู้อาวุโสทั้งสองที่ในตอนนี้ยังหันมามองหน้ากัน
“ไม่มีหวังเลยเหรอ เด็กคนนี้ก็ดีนะน่าจะอยู่กับมัสลินยืด”
“อย่าเลยครับคุณพ่อ นี่ถึงกับยอมหย่ากับองศาดี ๆ ไม่โวยวายสักแอะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“คงไม่ได้แค่เรียกร้องความสนใจจากองศาใช่ไหม”
“ไม่ทราบเลยครับคุณพ่อ แต่ถึงยังไงพวกเราก็ปล่อยให้หลานใช้ชีวิตก่อนเถอะครับ ถึงไม่มีสามีตาเมฆกับเมธัสก็ไม่ทิ้งน้องสาวกับพี่สาวตัวเองแน่ครับ”
นัยน์ตาใต้กรอบแว่นฉายแววสงบนิ่งแต่ริมฝีปากของเขากลับแน่น เมื่อได้ยินเสียงก้องของบทสนทนาที่พูดถึงเขาและมัสลิน ร่างสูงภายใต้สูทพอดีตัวยกมือขึ้นขยับเนกไทอย่างอึดอัด
มัสลินไม่ได้ชอบเขาและเขาเองก็ไม่ได้สนใจเธอ
ความคิดของทั้งคู่ไม่มีทางเป็นจริงหรอก