สนามบินลอนดอนฮีทโธรว
ไม่รู้ว่าเพราะน่านฟ้าการบินของลอนดอนหนาแน่นหรือเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้ไฟล์ทของมุกลดามาถึงลอนดอนได้ช้ากว่าที่กำหนดไว้เป็นชั่วโมง แต่ที่นั่งสบายในชั้นเฟิร์สคลาสที่เควินจัดการให้ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำขนาดนั้น รวมทั้งการได้เหยียบแผ่นดินของอังกฤษทำให้หล่อนพึงใจอย่างเหลือล้นกับ ทริปนี้เลยไม่มีเวลามาเสียอารมณ์กับความล่าช้าของเที่ยวบิน...
นอกจากจะสลัดคนที่บังอาจมาสร้างรอยราคีตีตราซ้ำในครั้งที่สองให้หายไปจากชีวิตถาวรได้แล้ว หล่อนยังเรียกค่าทำขวัญที่คนของเขาบังอาจเอาตัวหล่อนมาสังเวยเขาโดยที่หล่อนไม่ได้เต็มใจมาเป็นค่าทุนในการทำภารกิจของหล่อนเพิ่มเติมได้ก้อนใหญ่ ซึ่งเขาก็จ่ายโดยไม่สะทกสะท้านอะไร
ตอนที่แยกจากเขาออกมานั้นมุกลดาเตรียมจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่เองและออกจากฮ่องกงทันที แต่คนของเขาได้จัดการเรื่องตั๋วและมาส่งหล่อนที่สนามบินอย่างเรียบร้อยทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ อย่างไรเสียก็คงไม่ได้เจอกันอีกแต่แน่ล่ะว่าหล่อนรับไมตรีนั้นจากเขาเป็นการส่งท้าย
เพราะถึงยังไงเขาก็คงไม่มีโอกาสได้พูดว่าหล่อนเป็นพวกเห็นแก่เงิน หรือว่าขายเรือนร่างเพื่อรับค่าจ้างอีก เขากับหล่อนคงไม่มีวันได้เจอกันอีกตลอดกาล
เพราะบิดาเป็นคนที่นี่หล่อนเกิดและเติบโตที่ประเทศนี้ ก่อนครอบครัวจะย้ายไปอยู่บ้านเกิดมารดาที่ไทยตอนอายุสิบสองปีอากาศที่แสนแปรปรวนของเกาะอังกฤษจึงไม่ได้ทำให้หล่อนต้องปรับตัวมากนัก แต่เรื่องของภาษาและผู้คนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากฮ่องกง หล่อนต้องปรับตัวเข้าหาหลังจากไม่ได้มาใช้ชีวิตที่นี่นานแล้ว โชคดีที่หล่อนไม่ต้องกลับเมืองไทยไปขอวีซ่าของที่นี่ก่อนเพราะสัญชาติอังกฤษเป็นสัญชาติที่สองที่หล่อนมีจากทางฝั่งบิดาทำให้หล่อนสามารถเดินทางมาที่นี่ทันทีจากฮ่องกง เงินก้อนที่สะสมมานั้นจะต้องทำให้บรรลุเป้าหมายในสิ่งที่หล่อนต้องการจะทำที่นี่ในทุกประการ แม้จะเกลียดกับสาเหตุที่ได้เงินก้อนใหญ่มา แต่หล่อนจะไม่นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องอดีตเพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
มุกลดายังไม่ลืมโทรกลับไปหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่ได้โทรศัพท์กลับคืนและติดต่อเหมยลี่จินและ อลินแล้วหล่อนได้รู้ว่าอลินเองก็หายตัวไป ก่อนขึ้นเครื่องหล่อนติดต่อ อลินยังไม่ได้ เมื่อลงเครื่องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจนขึ้นเเท็กซี่เข้าย่านใจกลางลอนดอนเสร็จสรรพก็โทรหาอลินอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“เพิร์ล เป็นยังไงบ้าง เราเห็นสายที่เพิร์ลโทรหาแล้วไม่ได้รับหลายสายเพราะโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่เราตอนแรก แต่โทรกลับเพิร์ลก็ปิดเครื่องไป เราโทรหาหลายครั้งแล้ว”
เสียงร้อนรนของเพื่อนทำให้คนที่จะเอ่ยปากถามอลินด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นต้องเป็นฝ่ายมาตอบคำถามเเทน
“คนของเควินฉุดเราให้ไปพบเขา...” บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ในหัวยังนึกถึงกลิ่นฉุนของน้ำยาที่โปะที่จมูกหล่อนในตอนที่ออกมาจากอพาร์ตเมนต์แล้วจากนั้นหล่อนก็ไปรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่อยู่บนเตียงของเควินแล้ว “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขาจะไม่มีวันข่มเหงเราได้อีก เรายืนยันไปแล้วว่าเราไม่ได้ทำงานพิเศษและไม่มีวันทำในเมื่อเราไม่ได้เต็มใจเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาตัวเราไว้ ตอนนี้เราบินมาถึงอังกฤษแล้วกำลังนั่งแท็กซี่ไปโรงแรมแถวแลงคาสเตอร์เกต แล้วว่าแต่ตอนนี้อลินเป็นยังไงบ้าง กลับถึงไทยหรือยัง"
“ยินดีด้วยนะเพิร์ล ได้หลุดพ้นจากอิทธิพลของเควิน โชคดีที่เขายอมปล่อยมือง่ายๆ แต่เราคงไม่ได้โชคดีแบบนั้น เขาไปรับเราที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องแค่ไม่กี่ชั่วโมงเพื่อให้กลับมาทำงานและไม่ยอมให้เรากลับจนกว่าจะทำงานที่เคยรับปากไว้ให้ครบ ตอนนี้เราอยู่บนเรือโกลด์สตาร์ครูซ”
“ตายจริงอลิน” เสียงอุทานประหวั่นพรั่นพรึง “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะแค้นฝังหุ่นและไม่ยอมแพ้จนต้องไปเอาตัวอลินมา เอาจริงๆ เขาไม่มีความจำเป็นต้องตามใครขนาดนี้นะเราว่า หรือว่าเขาจริงจังกับอลิน เลยไม่ยอมปล่อย”
“ไม่มีทางหรอกเพิร์ล เขาเพียงแค่โกรธที่รับงานแล้วหนีไปไม่บอกกล่าว... อยู่บนเรือเราก็แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้เขาหมดหน้าที่แล้วก็คงไม่แคร์อะไร คู่หมั้นของเขาก็ยังอยู่ทั้งคน มีข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำไป” คนที่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังในห้องพักวิวทะเลของเรือสำราญเอ่ยเสียงราบเรียบ เคยคิดเหมือนที่เพื่อนพูดเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ชานป๋อหลินก็พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น คำพูดของเพื่อนจึงไม่ได้ทำให้ฉุกคิดอะไรมากมายกว่าความเฉยเมย
สิ่งที่มุกลดาพูดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยเพราะว่าในขณะที่หล่อนเป็นนางในห้องที่เฝ้ารอบำเรอยามเขามีความต้องการ ชานป๋อหลินก็ออกไปดินเนอร์กับคู่หมั้นและกลุ่มเพื่อนคู่ค้าทางธุรกิจของเขาที่นัดหารือร่วมกันบนเรือนี้ โดยที่หล่อนไม่มีส่วนใดๆ กับชีวิตเขานอกเหนือจากนั้น
จะว่าเป็นนักโทษที่เขาจับมาขังไว้ตรงนี้เพื่อลงโทษให้สาแก่ใจก็คงไม่ผิดเท่าใดนัก
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี อลินจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น อลินก็ใช้วิธีเดียวกันกับที่เราใช้กับเควินก็ได้ ถ้าเขาอยากเก็บเราไว้เป็นนางบำเรอจนเบื่อในขณะที่เราไม่ต้องการ ทางออกมันมี เราเองก็เพิ่งค้นเจอและเป็นอิสระในตอนนี้”
มุกลดาไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องเล่าเรื่องนี้และแนะนำให้เพื่อนทำตามตัวเอง หากแต่หล่อนดูแล้วมีแนวโน้มว่าชานป๋อหลินจะต้องติดใจผู้หญิงที่สวยไปหมดทุกอณูอย่างอลินและไม่มีทางปล่อยง่ายๆ เขาดูหลงอลินจะตายแต่ถ้าเขามีคู่หมั้นและคิดจะเก็บ อลินไว้เพียงบำเรอความต้องการ โดยไม่สนว่าอลินอยากทำหรือไม่ ข้อเสนอเดียวกันกับที่เสนอให้เควินก็คงได้ผลกับชานป๋อหลินเช่นกัน
“วิธีอะไรเหรอเพิร์ล”
“ก็แค่บอกว่าเราไม่ต้องการขายตัว... ไม่ขัดขืนด้วยถ้าเขาจะเข้าหา แต่... จะนอนด้วยกันอีกครั้งก็ต่อเมื่อเขาแต่งงานกับเรา เพราะเราจะไม่นอนกับคนอื่นนอกจากสามี ถ้าแต่งงานกับเราไม่ได้ ก็ไปซื้อคนอื่นมานอนด้วยซะแล้วอย่านึกถึงเราอีก ถ้าเกิดอยากได้เราก็ไม่อยาก ขอเราแต่งงาน ได้จดทะเบียนสมรสและจัดเลี้ยงสมฐานะจนคนรู้ทั่วทั้งแดนมังกรเมื่อไหร่ อยากนอนกับเราเราจะไม่มีวันขัด แค่เสนอข้อตกลงไป เควินก็ไม่คิดจะบังคับอะไรเพิร์ลอีก ไม่คิดจะแตะแม้แต่ปลายก้อยเลยตอนที่บอกว่าอยากมีความมั่นคงในชีวิตกับเขาหรือกับใครก็ได้ที่ยอมแต่งงานด้วย แล้วเพิร์ลก็เลยได้รับอิสระ”
“ถ้าเราพูดอย่างนั้นกับป๋อหลิน เขาคงหัวเราะเยาะเราน่าดู”
ก็ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้พูดนั่นแปลว่าเขาไม่ยอมปล่อยมือจากอลิน ข้อแม้นี้เป็นสิ่งเดียวที่จะพ้นมือเขาได้ แต่ถ้าไม่ได้พูด ก็แล้วไป”
“คิดว่าคงไม่ได้พูดหรอกเนาะ... อยากกลับเมืองไทยไปดูแลที่บ้านต่อจะเเย่แล้ว ตอนที่โทรไปเลื่อนวันกลับกับพ่อเสียงท่านดูเศร้าๆ ยังไงไม่รู้ เราอยากกลับไปทำงานช่วยพ่อไวๆ ท่านเพิ่งหายป่วยไม่อยากให้ทำงานคนเดียวหนักเกินไป แล้วว่าแต่ทางนั้นเป็นยังไงบ้างเพิร์ล เรื่องเรียนทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ”
“จ้ะเรียบร้อยดี ไม่ค่อยยากอะไร เราได้สัญชาติของที่นี่ตามพ่อเราอยู่แล้ว เรื่องเรียนก็เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนมาแล้ว เหลือแค่ต้องหาที่อยู่แล้วก็จัดการเรื่องธนาคารกับซิมโทรศัพท์เท่านั้นแหละจ้ะ ได้เบอร์ที่นี่ยังไงเราจะโทรหานะ ถ้าเกิดว่าไม่ได้รับสายก็จะส่งข้อความเข้า”
“ตกลงจ้ะ... ขอบใจมากนะเพิร์ล อยู่ทางนั้นคนเดียวดูแลตัวเองด้วยนะ” อลินเอ่ยขอบคุณมาตามสาย
“ฮื่อ ดูแลตัวเองดีๆ เหมือนกันนะอลิน เราสองคนต้องผ่านตอนนี้ไปให้ได้นะ” วางสายไปพร้อมกับที่ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่ แต่สิ่งที่ต้องจัดการยุ่งเหยิงรวมทั้งหล่อนเชื่อว่าเพื่อนแกร่งพอที่จะเอาตัวรอดได้ รวมทั้งข้อแม้ที่สอนให้เพื่อนเสนอให้กับชานป๋อหลินย่อมได้ผลแน่ๆ หล่อนกับเพื่อนจึงต่างแยกตัวกันเพื่อมาดำเนินเรื่องส่วนตัว
“มุกลดาพิงพนักรถที่แล่นเข้าสู่กลางเมือง มองตามข้างทาง ที่นี่อบอุ่นและคุ้นเคยไม่แพ้เมืองไทย และมีสิ่งที่หล่อนตามหา แม้จะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นที่ฮ่องกง แต่อย่างน้อยที่สุดมุกลดาก็มองโลกในแง่ดีว่าหล่อนได้เงินทุนมาตามความฝันที่จะมีครอบครัวอบอุ่นและใช้ชีวิตที่นี่ตลอดไป พอชีวิตเดินไปข้างหน้าแล้วจุดด่างพร้อยรอยราคีที่เกิดขึ้นในวันก่อนหน้าคงจะค่อยๆ ลืมเลือนไปเอง