“คุณหนู!! คุณหนู!! ถ้าไม่รีบตื่นจะไม่ทันเรียนมารยาทนะเจ้าคะ”
เสียงปลุกของสาวใช้ทำหญิงสาวสะดุ้งตื่น นางมองไปรอบห้องด้วยอาการตื่นกลัวก่อนจะจับไปที่ใบหน้าของสาวใช้ “ฮุยอิน!! เจ้ายังมีชีวิตอยู่!!”
“เอ่อ...คุณหนู เป็นอะไร”
ฝันเหรอ...
“คุณหนูคงจะเป็นกังวลกับกฎระเบียบในวัง” ฮุยอินเอ่ยด้วยความเห็นใจ “ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คุณหนูของข้าทำได้แน่”
“นี่เราเข้ามาอยู่ในวังได้กี่วันแล้ว”
“เอ๊ะ? คุณหนู…ล้อข้าเล่นหรือ เราเข้าวังมาได้จะอาทิตย์นึงแล้วนะเจ้าคะ”
อาทิตย์แรกที่เข้าวัง...เรียนเรื่องกฎระเบียบมารยาท ประเพณีต่างๆ การวางตัวและสิ่งที่พึงมีของว่าที่พระชายา
“ถ้าคุณหนูไม่สบาย วันนี้พักที่ตำหนักกันก่อนไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปตามหมอหลวง...”
“กุ้ยเฟย!? ข้าต้องไปเรียนมารยาทกับกุ้ยเฟย”
ฮุยอินทำหน้างง “ก็แน่สิเจ้าคะ ท่านเรียนกับนางมาตั้งแต่เข้าวังวันแรก วันนี้ก็เช่นกัน”
กุ้ยเฟย*... หนึ่งในสี่พระชายาของฮ่องเต้ ตั้งแต่ฮองเฮาคนก่อนสวรรคต นางก็ได้รับพระบัญชาขึ้นมาปกครองวังหลัง แต่เนื่องด้วยไม่สามารถมีพระโอรสธิดาให้ฮ่องเต้ได้ จึงไม่เป็นที่โปรดปราน บทบาทของนางจึงเริ่มลดน้อยลง ครั้นฮ่องเต้ประกาศออกไปว่า อวี้เม่ยคือฮองเฮาในอนาคต กุ้ยเฟยจึงต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดวิชาทุกอย่างให้เเก่อวี้เม่ยอย่างขัดเสียไม่ได้
“แต่จะว่าไป คุณหนูก็ไม่เคยขาดเรียน แถมกุ้ยเฟยก็สอนอะไรแต่ละอย่าง น่าปวดหัวทั้งนั้น ถ้าเราจะขาดเรียนสักวัน คงไม่...”
“ไม่!! ข้าอยากไป... อยากไปเรียนมารยาทกับกุ้ยเฟย”
แม้จะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องทั้งหมดที่เห็นเป็นแค่ความฝันจริงหรือไม่ ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือพิสูจน์
หากจำไม่ผิด วันนี้กุ้ยเฟยจะสอนวิธีรินชาและการรับประทานขนมอย่างสุภาพ ช่างน่าขันแม้แต่การกินก็ยังมีพิธีรีตอง คนชั้นสูงช่างเรื่องเยอะเสียจริง หลังจากนั้นกุ้ยเฟยก็จะแกล้งทำชุดข้าเปื้อน ขัดขวางไม่ให้ข้าเอาขนมไปมอบให้หวงไท่จื่อ
“อวี้เม่ย ทำไมดูเหม่ออย่างนั้นล่ะ ไม่สบายรึเปล่า”
“ไม่เพคะกุ้ยเฟย หม่อมฉันสบายดี”
“เช่นนั้นก็ดี หากล้มป่วยไปจะแย่ ผู้หญิงอย่างเราสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ในภายภาคหน้าเจ้าก็ต้องให้กำเนิดโอรสธิดา ดูแลตัวเองดีๆ ละ”
“ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วงเพคะ”
ช่างตอแหลเสียจริง เห็นข้าเป็นเด็กอมมือสินะ ข้าจดจำทุกอย่างที่ท่านทำไว้กับข้าได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ไฟริษยาในตัวท่าน อยากขัดขวางข้าสินะ ไม่อยากให้ข้ามาแย่งหน้าที่ของท่าน กุ้ยเฟย...ท่านช่างเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกเสียจริง
“วันนี้ไท่จื่อเสด็จกลับมาจากการล่าสัตว์ เจ้าคิดจะไปเข้าเฝ้าหรือไม่”
“เพคะ หม่อมฉันจะนำขนมที่ทำเองไปมอบให้พระองค์”
ขั้นแรกก็ชวนสนทนาตามประสา สั่งให้คนยกขนมกับชาร้อนเข้ามา สอนการทานแบบชาววังที่ต้องสำรวมและเรียบร้อย สอนการรินชาเพื่อเอาใจว่าที่พระสวามีในอนาคต จบลงด้วยการทำชาหกรดกระโปรงข้า...
“ตายแล้ว ข้าขอโทษนะอวี้เม่ย ข้าซุ่มซ่ามเสียจริง”
เป็นไปตามนั้นทุกขั้นตอน อวี้เม่ยเริ่มมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่แค่ฝัน บางทีนางอาจจะมองเห็นอนาคตหรือไม่ เรื่องที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เคยเกิดขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ กระทั่งอดคิดไม่ได้ว่าตนอาจจะได้รับโอกาสครั้งที่สองจากสวรรค์ก็เป็นได้
“งั้นหม่อมฉันขอตัวกลับตำหนักก่อน เสื้อผ้าเปื้อนแบบนี้ ไปเข้าเฝ้าไท่จื่อ คงไม่เหมาะ” กล่าวจบ อวี้เม่ยก็ขอตัวกุ้ยเฟยกลับตำหนักจินเยว่ทันที
ตำหนักจินเยว่เป็นตำหนักฝ่ายในของวังทางตะวันออกซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของหวงไท่จื่อ องค์รัชทายาท ฮ่องเต้องค์ต่อไป หรือก็คือว่าที่พระสวามีของอวี้เม่ยนั่นเอง
“ฮุยอิน... ข้าว่า มันไม่ใช่ฝันแน่ๆ”
“ฝัน... อะไรเจ้าคะ”
อวี้เม่ยสูดหายใจลึก “เอาไว้ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังนะ”
ขณะทั้งคู่เดินผ่านอุทยานหลวง ก็มีลมพัดเอาผ้าแพรของอวี้เม่ยไปติดอยู่บนกิ่งไม้ของต้นบ๊วยที่อยู่ใกล้ๆ ฮุยอินทำท่าจะปีนขึ้นไปเก็บแต่อวี้เม่ยก็ร้องห้ามไว้
“เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บให้”
ฮุยอินทำหน้างง “ใครจะมาเก็บเจ้าคะ”
สาม... สอง... หนึ่ง...
“อวี้เม่ย!! เจ้าอยู่นี่เองเหรอ”
ตรงตามที่ได้คำนวณไว้
อวี้เม่ยหันไปถวายพระพรองค์ชายห้าอย่างไว ขณะที่ฮุยอินยังยืนงงไม่หายว่าเจ้านายของตนรู้ได้อย่างไรว่าจะได้พบองค์ชายห้า
องค์ชายห้าหรือองค์ชายอ้ายฉิง บุตรชายสุดรักสุดหวงของ
เต๋อเฟย* พระชายาเอกลำดับที่สามของฮ่องเต้ เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่ทั้งเก่งและฉลาด รอบรู้ทั้งเขียน อ่าน กาพย์กลอนและการศึกสงคราม จนผู้คนในวังต่างซุบซิบกันว่าองค์ชายห้าเหมาะที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นหวงไท่จื่อมากกว่าองค์ชายสามที่เย่อหยิ่งเสียอีก
แต่ก็เพราะองค์ชายสามเป็นบุตรของฮองเฮาที่ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งยังมีคำสัญญาระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาร่วมอีกด้วย จึงเป็นการเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้องค์ชายสามได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอันดับหนึ่ง
“ผ้าแพรของเจ้าไปติดอยู่ตรงนั้นได้ไง เดี๋ยวข้าหยิบให้นะ”
ถึงจะใจดีแค่ไหน แต่พอเกิดเรื่องก็ไม่เคยออกตัวช่วยข้า เอาแต่หลบซ่อนอยู่หลังพระมารดา ช่างขี้ขลาดเสียจริง
“ได้แล้ว” องค์ชายห้ายื่นผ้าแพรคืนให้อวี้เม่ย แต่นางกลับไม่รับทั้งยังจ้องหน้าเขาตาเขม็ง “เจ้ามองหน้าข้าด้วยสายตาเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร”
อวี้เม่ยได้สติ “เอ่อ...เปล่า หม่อมฉันขอบพระทัยที่ทรงช่วย”
“เรื่องเล็กน้อย ก็เราสองคน...”
“โตมาด้วยกัน” อวี้เม่ยพูดแทรก “เปรียบดังพี่น้องท้องเดียว วันนี้ข้าช่วยเจ้าอย่านับเป็นบุญคุณ ให้คิดเสียว่าพี่ชายคนหนึ่งมีน้ำใจเอื้อเฟื้อน้องสาวก็พอ”
องค์ชายอึ้งไปชั่วครู่ “เจ้ารู้ว่าข้าจะพูดอะไรได้อย่างไร”
“อย่าใส่ใจเลยเพคะ ทรงต้องรีบไปหาเต๋อเฟยก็ไปเถิด”
“เจ้ารู้ได้ไง...”
อวี้เม่ยยิ้มก่อนจะถวายพระพรองค์ชายห้า แล้วเดินจากมา
และวันนี้ก็คงจะจบลงแค่นี้ กลับตำหนัก เปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งอ่านหนังสือ ดีดพิณ ไม่มีอะไรพิเศษซึ่งก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้สิ จะต้องไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮา ฮ่องเต้หลังจากนั้นก็..หวงไท่จื่อ คนเลวนั้น ข้าไม่อยากเจอะเจอเลย
“หรือว่าข้าจะหนีดีไหม...”
ฮุยอินทำหน้าตกใจ “คุณหนูพูดอะไรเจ้าคะ”
“ข้าไม่อยากตายฮุยอิน หากข้าบอกเจ้าว่าข้ามองเห็นอนาคต…”
อวี้เม่ยกล่าวกับสาวใช้คนสนิทด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าจะเชื่อข้าไหม”
____________________________________________________
กุ้ยเฟย,ซูเฟย,เต๋อเฟย,เสียนเฟย = ตำแหน่งพระชายาลำดับที่สามในองค์จักรพรรดิ ซึ่งมีทั้งหมดสี่ตำแหน่ง ด้วยกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า ซื่อฟูเหริน (สี่พระชายา)