บทที่ 1 หนูอยากมีผัว
คำทำนายเซียมซี ใบที่ ๒๒
เซียมซีใบนี้ว่าไว้ ชีวิตจะพลิกคว่ำคะมำหงาย
จากร้ายกลายดี จากยาจกเข็ญใจกลายเป็นเศรษฐี
หากถามหาคู่สู่สมภิรมย์หมาย จะได้พบเคียงคู่ชูชีวัน
ถามหาบุตรว่ามีแน่ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ดั่งใจหมาย
นับจากนี้จะประสบพบสิ่งดี สมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ
มุมปากหยักยิ้มน้อยๆ เมื่ออ่านกระดาษเซียมซีจากวัดใกล้บ้าน ก่อนจะหัวเราะขบขันแล้วขยำกระดาษเซียมซีใบนั้นทิ้งลงถังขยะอย่างไร้ความสนใจ
“อะไรมันจะดีขนาดน้านนนน!”
หญิงสาวหัวเราะราวกับเสียสติ เปล่าเลยเธอไม่ได้หัวเราะคำทำนายในใบเซียมซี แต่หัวเราะเย้ยหยันให้กับชะตาชีวิตของตนเองต่างหากล่ะ
วันนี้บัวบูชาอายุย่างเข้าวัยเบญจเพสอย่างเต็มตัว ตลอดเวลาที่ลืมตาดูโลก เธอประสบแต่ความโชคร้าย!
โชคร้ายมาก! และโคตรโชคร้ายอย่างถึงที่สุด!
ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาที่มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุ ลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องร่วมแบ่งเบาความทุกข์ มีญาติก็เหมือนไม่มี ไม่เคยได้พึ่งพาอาศัยหรือแม้แต่หยิบยืมเศษเงินช่วยเหลือสักสตางค์แดงเดียว
ความยากจนทำให้บัวบูชาต้องต่อสู้ ดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง
หาเช้า กินค่ำ บางวันหาตอนเช้า แต่ตอนค่ำก็ยังนอนหิวโซเพราะไม่อาจหาเงินมาซื้ออาหารยาไส้ จำต้องบากหน้าขอข้าวก้นบาตรพระประทังชีวิต ทุกวันนี้นับว่าดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนชนิดที่เรียกได้ว่า ‘จากหลังเท้าเป็นหน้ามือ’
บัวบูชาบากบั่นเรียนการศึกษานอกโรงเรียน จากนั้นจึงสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจนได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี บัดนี้เธอทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือนขั้นต่ำในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง
‘หึ! ถ้าจะรันทดขนาดนี้ กูเกิดมาทำไมวะคะ!’
หน้าตารึก็แสนจืดชืด ชีวิตนี้ห้ามขาดดินสอเขียนคิ้วเด็ดขาด! เพราะมีคิ้วก็เหมือนไม่มี ที่มีอยู่ไม่กี่เส้นแต่กลับกระจุกอยู่บริเวณหัวคิ้ว ส่วนกลางและหางคิ้วโล่งเตียนราวกับทะเลทรายแห้งแล้ง
จมูกหักจนรูปหน้าดูแบนราบ ถูกหลอกตั้งแต่เด็กว่าห้ามนอนตะแคง ไม่อย่างนั้นลูกนัยน์ตาจะไหลไปกองรวมกัน ด้วยความที่ยังเด็กไม่ประสา เธอเชื่อและพยายามนอนหงายมาตลอด กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกก็กลายเป็นที่ขบขันของผู้ใหญ่ใจร้ายไปเสียแล้ว
หน้าใหญ่ สันกรามเหลี่ยม แน่นอนโดนล้อว่ากินข้าวเหนียวมากไปจนกรามโต อีกทั้งปากหนาแถมฟันเหยินจนถูกล้อเลียนว่าเป็นนางแก้วหน้าม้า ฮี่ ก็อบ ก็อบ...
ล้อดีนัก! เดี๋ยวปั๊ดเอาฟันเจาะหัวเสียเลยนี่!
บางคนหน้าตาไม่ดีแต่รูปร่างดียังทดแทนกันได้ แต่...ใช้ไม่ได้กับบัวบูชา อะไรที่ว่าแย่สวรรค์ส่งมาให้เธอทั้งหมด เธอมีรูปร่างผ่ายผอมเหมือนโครงกระดูกเดินได้ หน้าอกแบบราบเสียยิ่งกว่าไม้กระดาน จะหันหน้าหรือหันหลังก็แทบแยกไม่ออก บางวันสวมแค่เสื้อกล้ามซับในตัวเดียวไม่จำเป็นต้องใส่บราเซียประคองเต้า เพราะไม่มีเต้าให้ประคอง ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง มีเพียงลูกเกดสองเม็ดแปะอยู่บนหน้าอกราบเรียบเท่านั้น
หึ! คิดแล้วอนาถใจ ผู้ชายยังนมใหญ่กว่ากูอีก!
ผิวรึก็ขาวเหลือง ซีดเหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย กอปรกับใบหน้าเต็มไปด้วยสิวฝ้าจากความเครียดและฮอร์โมน แน่นอนว่าสารรูปแบบนี้ไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้อง
อดีตไม่มี! ปัจจุบันไม่มี! อนาคตก็ไม่มี!
แต่ถ้าถามว่าอยากมีมั้ย บอกได้เลยว่าโคตรอยากมี!
“หนูอยากมีผัวค่ะ!”
หญิงสาวตะโกนออกไปจนสุดเสียงด้วยความอัดอั้นตันใจ วันเกิดปีที่ 25 แสนเงียบเหงา ชีวิตที่มีอยู่ก็เหมือนไม่มี เป็นคนไร้ค่าที่โลกไม่จดจำ ต่อให้เธอตายหรือหายไปตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจ
“ต๊าย! เด็กสาวสมัยนี้ใจกล้าเสียจริง กล้าขอพรพระด้วยเรื่องน่าบัดสี ไม่ไหวๆ สงสัยไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน”
หญิงวัยกลางคนที่กำลังประนมมือก้มกราบพระถึงกับสะดุ้งโหยง บ่นออกมาเสียงดังอย่างตำหนิ ทว่าชายสูงวัยที่มาด้วยกันกลับยิ้มขัน
“แม่หนูมันคงอยากมีผัวจริงๆ ถึงได้ตะโกนขอพรพระดังขนาดนั้น ช่างเด็กมันเถอะคุณ อย่าไปสนใจเลย”
บัวบูชายืนอ้าปากค้าง ‘นะ...นี่กูทำอะไรลงไป! กูตะโกนว่าอยากมีผัวในวัด ให้ตายเถอะ! โคตรน่าอายเลย!’
หญิงสาวแทบอยากจะเอาหน้ามุดแผ่นดินหนี จำต้องรีบเดินออกจากอุโบสถไปให้เร็วที่สุด มิวายโดนเด็กวัดที่กำลังกวาดเศษใบไม้กลางลานตะโกนล้อดังลั่น
“เจ๊บัว! เจ๊อยากมีผัวเหรอ”
ไอ้จ้อยเด็กวัดหัวเราะคิกคักอย่างล้อเลียน เพราะเสียงของบัวบูชานั้นดังลั่นไปทั้งวัด ใครไม่ได้ยินคงหูตึงเป็นแน่
“เออสิวะ! ไอ้จ้อยมึงอยากโดนตีนกูหรือไง”
บัวบูชายกเท้าทำท่าจะถีบจริงดังปากพูด ทว่าไอ้จ้อยทิ้งไม้กวาดเผ่นแนบไม่คิดชีวิต บัวบูชาไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้นจัดการวิ่งไล่กระทืบไอ้จ้อยสุดฝีเท้า
หน็อย! มึงคิดจะลองดีกับกูเหรอไอ้จ้อย!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไอ้จ้อย! มึงมาให้กูถีบซะดีๆ”
บุญของไอ้จ้อยที่ไม่โดนบาทา เพราะจังหวะนั้นท่านเจ้าอาวาสเดินผ่านมาพอดี เธอจึงรีบยกเท้าลงอย่างสำรวมแล้วทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าประนมมือไหว้พระภิกษุสงฆ์ที่เคารพ
“กราบเจ้าค่ะหลวงตา”
“แข็งแรงดีนะโยมบัว วิ่งเสียเร็วเชียว”
“ขอบพระคุณค่ะหลวงตา”
บัวบูชาก้มหน้างุด วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย ถึงต้องให้เธอเจอเรื่องอับอายซ้ำๆ ชนิดไม่ยอมให้พักหายใจกันเลยทีเดียว
“วันนี้วันเกิดไม่ใช่เหรอโยมบัว มาเถอะอาตมาจะให้ศีลให้พร การเดินทางไกลในครั้งนี้จะได้ปลอดภัย มีแต่ความสุขความเจริญนะโยมนะ”
“อ่า...หลวงตาทราบได้ยังไงคะ ว่าหนูต้องเดินทางไปเชียงใหม่พรุ่งนี้”
หญิงสาวย้อนถามด้วยความมึนงง เรื่องที่เธอต้องไปสัมมนาที่เชียงใหม่เธอไม่เคยเล่าให้คนในวัดฟังเลยสักคน แล้วเจ้าอาวาสท่านไปรู้มาได้อย่างไรหนอ...
ทว่าท่านเจ้าอาวาสกลับยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา ทอดมองหญิงสาวด้วยความเอ็นดูเพราะเห็นเธอมาตั้งแต่ยังเล็กๆ สิบกว่าปีก่อนเธอมานั่งร้องไห้ข้างกุฏิ ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่สะอึกสะอื้นน่าสงสาร ท่านจึงนำอาหารก้นบาตรและผลไม้มาให้ เพราะเห็นรูปร่างผอมแห้งท่าทางหิวโซ นับตั้งแต่นั้นบัวบูชาก็มาที่วัดแทบทุกวัน บางวันไปรับจ้างล้างจาน หาเงินมาได้ก็เอามาถวายให้ท่าน บ้างก็ซื้อขนมแจกจ่ายเด็กคนอื่นที่มีน้อยกว่าตน