ตอนที่2 หาทางออก
“พี่ภัส...”
“อย่าเพิ่งขยับตัวนะ!” พรลภัสรีบเข้าจับตัวน้องชายไม่ให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตามที่หมอสั่ง ณัฐดนัยยังมึนงงความทรงจำล่าสุดหมอบอกว่าไส้ติ่งอักเสบ ชายหนุ่มก้มมองตัวเองพลางเอามือคลำหน้าท้อง
“ณัฐยังไม่ตายเหรอ”
“ยัง แต่ก็เกือบนะทำไมถึงทนปวดขนาดนั้น”
“ณัฐคิดว่าปวดท้องโรคกระเพาะ” ณัฐดนัยตอบพี่สาวเสียงแหบก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้องที่มันดูหรูหรา และนึกขึ้นได้ว่าคุณครูเอาตนมาส่งที่โรงพยาบาลไหน
“พี่ภัส ค่ารักษาไม่บานเลยเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่หาทางเอง” คนพี่ปลอบใจทั้งที่ยังไม่มีทางออกของเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้จะตำหนิคุณครูเพราะถ้ามัวรอไปโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์รักษาก็ไม่รู้ว่าต้องรอจนน้องชายแย่ไปกว่านี้หรือเปล่า ‘มันฉุกเฉินจริง ๆ’
“จะเอาเงินจากไหนมาจ่าย คงจะเป็นแสนมั้ย”
“น่าจะ แต่นอนเถอะพูดมากเดี๋ยวหิวน้ำตอนนี้ยังกินอะไรไม่ได้นะ” หญิงสาวลูบอกของน้องชายแผ่วเบา และมันทำให้คนที่ยังงัวเงียผล็อยหลับลงอีกครั้งได้
พอณัฐดนัยหลับ หญิงสาวก็เดินออกจากห้องตรงไปที่ฝ่ายการเงินของชั้นล่าง สีหน้าของเธอมีแต่ความกังวลตั้งแต่ก้าวขาเข้ามามาที่นี่ไม่คลายลงแม้แต่นาทีเดียว
“สอบถามค่ารักษาของนายณัฐดนัย เลิศปัญญาค่ะ”
“สักครู่นะคะ”
“ค่ะ”
“ตอนนี้ค่ารักษาอยู่ที่หนึ่งแสนแปดหมื่นบาท ยังไม่ทราบว่าคุณณัฐดนัยต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้ออีกกี่คืน ซึ่งการนอนคิดคืนละหนึ่งหมื่นสองพันบาทไม่รวมค่ายานะคะ”
“ตะ..ตอนนี้หนึ่งแสนแปดหมื่นแล้วใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ กฏของโรงพยาบาลญาติต้องชำระไว้ครึ่งหนึ่งระหว่างที่ยังนอนพักรักษาตัว สะดวกชำระตอนนี้เลยมั้ยคะ” พรลภัสหน้าเจื่อนเมื่อถูกทวงเงินทางอ้อม ที่มีอยู่ก็แค่สามหมื่นไว้จ่ายค่าบ้าน ค่าเรียนสมัครของณัฐดนัยนั่นเอง
“ขอเวลาก่อนนะคะ”
พรลภัสไม่อยากเอาสีหน้าอมทุกข์ขึ้นไปให้น้องชายเห็นจึงเดินไปนั่งพักหน้าห้องตรวจที่เธอเข้าไปเมื่อตอนบ่าย คิดว่าคงไม่มีหมอหรือใครอยู่แล้วเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่ม
แอด...
“พี่สาวของณัฐดนัยหนิ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ น้องภัสแค่หาที่นั่งรบกวนหมอเหรอคะขอโทษนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นเตรียมย้ายที่แต่หมอนพดลก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าจนเธอไม่กล้าขยับตัวไปไหนนั่งลงที่เดิม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีปัญหาอะไรลองบอกหมอซิ” พรลภัสก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาคนอายุมากกว่า สองมือประสานบนหน้าตักแน่นก่อนจะยอมพูดปัญหาออกไปเผื่อหมอช่วยให้ผ่อนค่ารักษาได้
“น้องภัสยังไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาให้น้องเลยค่ะ เป็นไปได้มั้ยคะถ้าหนูจะจ่ายก่อนสามหมื่นแล้วหามาผ่อนกับโรงพยาบาล”
ตืด.. ตืด..
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเป็นกลองชุดเมื่อหมอยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็มีสายโทรเข้าหาเขาเสียก่อน
“กูกำลังจะออกไป”
“รู้ รอก่อนแค่แป๊บเดียว”
“ค่ารักษารวมแล้วน่าจะเกินสองแสนห้านะ สามหมื่นยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย” หลังวางสายหมอก็ก้มหน้าลงคุยกับหญิงสาวต่อ ก่อนจะรู้สึกคุ้นหน้าเธอขึ้นมา
“แต่สามหมื่นก็คือหมดตัวแล้วค่ะ”
พรึ่บ
พรลภัสเงยหน้าขึ้นมองเมื่อมีคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ห่างกันสองตัว กลิ่นน้ำหอมอย่างดีก็โชยมาให้เธอได้กลิ่นเข้าอย่างจัง พร้อม ๆ กับหมอตรงหน้าที่หันมองเขา ผู้ชายคนนั้นเหวี่ยงสายตามองเธอหัวจรดเท้า แต่เธอหาได้สนใจเขามากกว่าคนตรงหน้า
“กูบอกให้รอก่อน”
“ลีลา” หมอนพดลโดนเพื่อนตอกกลับสั้น ๆ แต่ก็ไม่ได้สวนอะไรกลับไป
“ที่นี่ไม่มีให้ผ่อนค่ารักษาเหรอคะ”
“มีนะ แต่มันก็แค่สามเดือนหนูจะหามาจ่ายไหวมั้ยล่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าทั้งที่ยังมองตาหมอหนุ่มไม่ละ แววตาเหมือนเธอกำลังออดอ้อนเขาอยู่อย่างไม่รู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นทำยังไงดีล่ะ ยังไงก่อนออกก็ต้องจ่ายเกินครึ่งนะ”
“คืนนี้ไปคิดมาก่อนว่าจะเอายังไง พรุ่งนี้หมอเข้าหลังสิบโมงเช้ามาหาได้ไม่ต้องจองคิว” พูดจบหมอนพดลก็เดินไปหยุดตรงหน้าเพื่อนก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและพากันเดินจากหญิงสาวไป ปล่อยให้เธอมองตามด้วยสายตาหม่นเศร้า ‘จะเอายังไงกับชีวิตดี’