“ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” เฮียเกมส์ชูโทรศัพท์ในมือขึ้นทำให้ฉันเห็นเบอร์ผู้หญิงที่แสดงอยู่หน้าจอโทรศัพท์เขา จากนั้นเฮียเกมส์ก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านไม่หันกลับมามองฉันเลยสักนิด จะเรียกก็คงไม่ทันแล้ว...
“พ่อตัวดี สาว ๆ โทรมาก็ลืมแม่เลย” ป้าแก้วตาบ่นพึมพำตามหลังเฮียเกมส์ ซึ่งฉันก็ได้แต่มองเฮียเดินขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านด้วยสายตาละห้อย มีความคิดอยากวิ่งตามเขาขึ้นไปบนห้องเมื่อครั้งวันวาน แต่ก็จำต้องละทิ้งความคิดนั้นเพราะเกรงว่ามันจะดูไม่ดี
“งั้นหนูกลับก่อนนะคะ”
“ไม่อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันเหรอลูก”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ป้าแก้วตาพยักหน้าให้ ฉันจึงหมุนตัวเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ขณะที่กำลังจะเดินเข้าบ้านตัวเอง ดวงตาเหลือบเห็นเฮียเกมส์ยืนสูบบุหรี่คุยโทรศัพท์อยู่ระเบียงหลังห้องซึ่งห้องเขาก็อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องฉัน จึงไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องตัวเองทันที
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนฉันก็รีบเดินไปยังระเบียงเอื้อมมือจับผ้าม่านเพื่อเปิดออกแต่ก็เปิดได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นเพราะสิ่งที่เห็นด้านหน้าก็แทบจะอุดปากห้ามเสียงกรี๊ดตัวเองไม่ทัน
ตอนนี้ในหัวมันลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดนอกจากคนขี้อ่อยด้านหน้า…
“อื้อหือ! กล้ามเป็นกล้ามเลย” มือกำผ้าม่านแน่นดวงตาจ้องมองเฮียเกมส์ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ในขณะที่มืออีกข้างยังคีบบุหรี่ยกสูบไม่พัก ตอนนี้เขาสวมใส่เพียงกางเกงยีนขายาวตัวเดียวส่วนข้างบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามหน้าท้องแน่น ๆ
ฉันไล่ระดับสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาลงถึงลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงเมื่อทุกครั้งที่ปากพูด หน้าอกแกร่งที่เห็นแล้วอยากเข้าไปสัมผัสลูบไล้ อีกทั้งหัวนมอมชมพูที่เห็นแล้วอยากเข้าไปโลมเลียและกล้ามหน้าท้องลอนสวยบ่งบอกว่าเขาออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี
ตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ในหัวมันคิดดีไม่ได้แถมยังทุเรศจินตนาการเรื่องสิบแปดบวกกับเฮียเกมส์อีก
“หยุดคิดทุเรศแบบนี้นะพริ้ง” เพราะไม่อยากให้ตัวเองคิดทุเรศไปมากกว่านี้จึงรีบสะบัดหัวแรง ๆ
แต่ถึงจะย้ำเตือนสติตัวเองยังไงแต่ดวงตามันกลับไม่ยอมฟัง ดื้อรั้นไล่ระดับสายตาต่ำลงเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเป้ากางเกงที่ห่อหุ้มของลับเอาไว้ ฉันกัดเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตามองไม่หยุดส่วนสมองก็พิจารณากับขนาดของมันที่คงใหญ่โอ่อ่ามากถึงทำให้เป้ากางเกงเขาตุงได้ถึงขนาดนั้น...
“เฮียหนูขอโทษ” แม้ปากจะพร่ำเพ้อพูดแต่คำเดิมแต่ดวงตาก็ไม่อาจละสายตาไปไหนได้จ้องมองเฮียเกมส์ตาไม่กะพริบพลางกลืนน้ำลายลงคอซ้ำ ๆ ในขณะที่ภายในใจมันร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
“ฉิบหายละ!” แต่...ทุกอย่างก็ต้องดับลงเมื่อเฮียเกมส์ทิ้งสายตามายังผ้าม่านที่มีฉันยืนหลบซ่อนอยู่ด้านหลัง หัวใจดวงน้อยสั่นหวั่นตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก สมองมันคิดไปต่าง ๆ นานาว่าเขาจะเห็นฉันหรือเปล่า ถ้าเห็นแล้วเขาจะว่าฉันโรคจิตไหม
“ทำไงดีวะ” ฉันยกมือขึ้นจับหัวใจตัวเองที่สั่นระรัวไม่หยุดสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาคงไม่เห็นหรอกพอคิดแบบนั้นก็ยื่นหน้าออกไปมองเฮียเกมส์อีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นเขาแล้ว...