6
คมน์ส่ายศีรษะอย่างระอิดระอาใจ ในดวงตาคมมีประกายไฟผุดขึ้นมาชั่วแวบหนึ่งก่อนจะจากหายไป ดูเหมือนว่าเวลาที่ผ่านพ้นไปจะดึงเอาความน่ารักออกไปจากเด็กหญิงตัวน้อยเสียหมด ถ้าจะให้พรรณธรกลับกลายมาเป็นน้องสาวที่น่ารักคนเดิมคงต้องใช้เวลา แต่ก็เอาเถอะ เพื่อผู้มีพระคุณ เขาจะต้องทำให้ได้!
รอยยิ้มตรงมุมปากคมน์ “ถ้าไม่ให้คิดแบบนั้น แล้วจะให้พี่คิดยังไงละ ในเมื่อร้อยวันพันปี พี่ไม่เคยเห็นเราแวะมาเยี่ยมพี่และครอบครัวเลยนี่น่า ทั้งที่แม่พี่บ่นคิดถึง อยากเจอหน้า” ชายหนุ่มกระเซ้าเหย้าแหย่พรรณธร ยิ่งห้ามก็เหมือยุให้เขาอยากที่จะแกล้งมากขึ้น
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ไปหยิบหนังสือที่ถูกขว้างออกมาแต่ไม่ถึงตัวเขากลับไปวางไว้ที่เดิน ก่อนเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นใบเล็กซึ่งวางแอบไว้เป็นสัดส่วน เพราะแม่ห่วงเวลาที่เขาทำงานดึกแล้วจะหิว เลยแบ่งมุมหนึ่งของห้องทำงานให้เป็นห้องครัว เพื่อที่เขาจะได้หาอะไรรองท้องยามหิว
“ไอ้คุณพี่คมน์บ้า อย่ามาหาเรื่องกันนะ พี่ก็รูดีแก่ใจแล้วไม่ใช่หรือไง ต้นหลิวมาถึงที่นี่ด้วยเรื่องอะไร ยังจะมาพูดเล่นลิ้นให้โกรธอีก”
คุยกับคมน์เหมือนมีใครเอาไฟมาลนก้น ร้อนจนกายสั่นเทิ้มได้ตลอดเวลา ใบหน้านวลแดงระเรื่อจรดลำคอ
“ทานน้ำเย็นๆ ระงับความโกรธก่อนดีไหมต้นหลิว” ชายหนุ่มยื่นน้ำเย็นส่งให้ แต่กลับถูกพรรณธรปัดออกไปจนน้ำกระฉอกรดข้อมือคนส่ง
คมน์ถอนหายใจดังๆ พลางวางแก้วน้ำลง ขณะมองพรรณธรอย่างอิดหนาระอาใจ ที่ทำให้คนถูกมองเกรี้ยวกราด
“พี่ไม่ได้ไปนั่งอยู่กลางใจต้นหลิวนี่น่า ถึงจะได้ล่วงรู้ว่าต้นหลิวคิดอะไร แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเราแต่งงานกัน ความคิดที่มีอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ จริงไหม”
ชายหนุ่มแกล้งถาม เพราะอยากเห็นใบหน้านวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อ อีกทั้งดวงตากลมโตที่แวววาวเหมือนกับดวงตาเสือ
อยากรู้นัก...ยามตกในเวลาแห่งรัก ดวงตาคู่นี้จะน่ามองแค่ไหน แต่คมน์แอบถอนใจเฮือกโต พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่คิดเลยเถิดไปไกล ทั้งที่ตอนนี้ยังต้องรบราเรื่องงานแต่งงานกันอยู่เลย
“ไอ้คุณพี่คมน์ ไอ้คนเฮงซวย หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วนะ ต้นหลิวไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะหาเรื่อง หรือมาต่อล้อต่อเถียงเป็นเด็กๆ แบบนี้ ต้นหลิวแค่มาบอกให้พี่ไปบอกกับคุณย่า ให้ยกเลิกงานแต่งงานบ้าๆ นั่น เข้าใจไหม” พรรณธรกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันยาวจนหายใจแทบจะไม่ทัน
“ต้นหลิวเป็นหลานคุณย่า แต่พี่ไม่ใช่ หลานพูดน่าจะมีภาษีมากกว่าคนนอกอย่างพี่ไปพูดนะ”
“ถ้าพูดแล้วคุณย่ารับฟัง ต้นหลิวก็ไม่ถ่อสังขารมาหาพี่ถึงที่นี่หรอก” พรรณธรพูด พร้อมสะบัดค้อนส่งให้ชายหนุ่มขวับๆ
เพราะทนเห็นหน้าซึ่งมีแต่รอยยิ้มระรื่นของคมน์ไม่ได้ หญิงสาวจึงเดินไปหยุดที่กระจกแก้ว มองออกไปนอกอาคารใหญ่ พระอาทิตย์ร้อนแรงสาดแสงส่องกระทบกับพื้นน้ำสีเขียวเข้มจนเกิดเป็นสายรุ้งหลากสี ถ้ามาโดยไม่มีเรื่องเธอคงจะชื่นชอบบรรยากาศสบายๆ ร่วมถึงลงไปเล่นน้ำให้ชุ่มฉ่ำใจแล้ว
หญิงสาวถอนหายใจเฮือก สะกดกลั้นความน้อยใจและขุ่นเคืองที่พลุ่งพล่านขึ้นมา
ทำไมย่าถึงต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับคมน์ด้วย ก็รู้หรอกนะว่าท่านเป็นห่วง อยากได้คนดีๆ ที่จะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิต แต่ตฤณเองก็เป็นคนดีและรักเธอมากเช่นกัน ทำไมย่าถึงไม่มองบ้างเลย
หญิงสาวหันไปมองคนที่ยืนกอดอกมองเธอเช่นกัน พร้อมถามอีกครั้งด้วยความหวังว่าจะได้ยินข่าวดีให้คุ้มค่ากับการเดินทางข้ามจังหวัดมา
“ตกลงว่าไง พี่คมน์จะยอมทำตามคำขอของต้นหลิวหรือเปล่า”
“ขอโทษด้วยนะต้นหลิว พี่รับปากคุณย่าไปแล้ว จะคืนคำไม่ได้ เดี๋ยวท่านจะหาว่าพี่เป็นคนสับปลับ เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ยังพูดไม่เป็นคำพูด มันยังจะเสียไปถึงธุรกิจของพี่ด้วย หากใครรู้เข้า เขาคงไม่อยากร่วมงานด้วย” คมน์ปฏิเสธเสียงนุ่ม เขาเดินไปนั่งบนโซฟา เอนหลังอิงกับความนุ่มของตัวเบาะ ขาแข็งแกร่งยกขึ้นไขว้ สองมือยกขึ้นกอดอก พลางมองร่างบอบบางด้วยความรู้สึกอยากปกป้องและคุ้มครอง ท้ายสุดคือได้ครอบครองทั้งร่างกายและจิตใจ
พรรณธรขัดอกขัดใจกับคำตอบที่ได้ยินเป็นอย่างยิ่ง เธอขบเม้มริมฝีปากจนแบนราบ ก่อนสมองที่ตันจะมีแสงสว่างส่องเข้ามา แม้จะเพียงแค่แวบเดียว แต่มันก็ทำให้หญิงสาวถึงกับตาวาว หญิงสาวเดินเหมือนกับคนหมดแรงไปนั่งใกล้ๆ คมน์
“พี่คมน์จ๋า ต้นหลิวขอร้องนะคะ พี่คมน์บอกให้คุณย่ายกเลิกงานแต่งงานนะคะ”
เธอขอร้องเสียงแหบพร่าและสั่นเครือ น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม กายอรชรสะอื้อจนตัวคลอน แต่ต้องรีบซ่อนรอยยิ้มที่มีด้วยการก้มหน้าลงมองพื้นห้อง
ตอนเป็นเด็ก เวลาที่เธอต้องการให้เด็กชายคมน์ทำอะไรให้ ถ้าพูดเสียงแข็ง เด็กชายก็จะเมินหน้าหนี แต่ถ้าเอื้อนเอ่ยวาจาอ่อนหวานและนุ่มนวล เด็กชายคมน์จะรีบทำให้ทันที ครั้งนี้ก็เช่นกัน ชายหนุ่มจะต้องพ่ายแพ้จริตมารยาที่เธอแสดงออกไป
“ต้นหลิวไม่ได้อยากจะขัดคำขอของคุณย่านะคะ แต่ต้นหลิวมีแฟนแล้ว เรารักกันมาก พี่คมน์จะพรากคนสองคนที่รักกันได้ลงคอเชียวหรือคะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นกราบไปบนอกกว้าง ที่เมื่อสัมผัสกับกายแกร่งก็เหมือนกับมีกระแสไฟอ่อนๆ วิ่งไปตามกระแสเลือด พรรณธรถึงกับตกใจ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้แม้กระทั่งกับคนรักอย่างตฤณ มันเหมือนกับถูกไฟฟ้าซ็อตไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ หญิงสาวได้แต่สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป รีบอ้อนวอนขอให้คมน์ยกเลิกความคิดเรื่องแต่งงานกับเธอเสียที
“นะคะพี่คมน์ขา ต้นหลิวขอร้อง”
คมน์ถึงกับเจ็บแปลบในอก เมื่อได้ยินพรรณธรบอกว่ารักผู้ชายคนอื่น จนอยากที่จะโทรไปขอยกคำสัญญาที่ได้ให้กับคุณย่ากลมพรรณไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่เมื่อนึกไปว่า...ความรักที่มีแต่การหลอกลวงจะทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวดพบเจอแต่ความทุกข์ เขารู้ว่าจะปล่อยให้เกิดไม่ได้
คมน์รีบถอยหนี เพราะยังไม่อยากใกล้ชิดหญิงที่ทำให้หวั่นไหว หัวใจเต้นแรงเร็วจนเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอก ชายหนุ่มได้แต่ต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ ใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอผู้หญิงหน้าตาน่ารักและสวยงาม แต่ไม่เคยมีใครปลุกเพลิงปรารถนาดังเช่นที่พรรณธรกำลังทำอยู่นี่เลยสักคน
พรรณธรช้อนหน้าขึ้น ดวงตากลมโตร้อนผ่าว ขณะปล่อยน้ำตาไหลไปเรื่อยๆ “ต้นหลิวขอร้อง พี่คมน์โทรบอกคุณย่านะคะ ขอยกเลิกงานแต่งงานในครั้งนี้ แล้วพี่คมน์ต้องการอะไร ต้นหลิวจะหามาให้ทุกอย่าง” หญิงสาวจับแขนใหญ่เขย่าเบาๆ
เขาอยากทำตามคำขอร้องของพรรณธรอยู่หรอกนะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะบุญคุณที่ย่ากมลพรรณมอบให้เขาและครอบครัวมันค้ำคออยู่ ชายหนุ่มได้แต่แอบถอนหายใจแรงๆ
“พี่ขอโทษนะต้นหลิว แต่พี่ทำตามคำขอของเราไม่ได้จริงๆ ”
“ฮือๆ พี่คมน์ใจร้าย ต้นหลิวจะไปฟ้องคุณลุงกับคุณป้าให้ทำโทษพี่คมน์” หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า แต่กลับแอบมองชายหนุ่มผ่านช่องนิ้วมือ ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากันอย่างโมโห เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจน้ำตาของเธอเลยสักนิด เธอเลยเปลี่ยนเป็นระดมหมัดทุบไปบนลำตัวกว้างแรงๆ
“โอ๊ย!! พี่เจ็บนะต้นหลิว” ชายหนุ่มจับมือเล็กไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“แต่ยังไม่เท่าต้นหลิวหรอก ฮือๆ พี่คมใจร้าย ไม่รักต้นหลิวแล้วใช่ไหม ถึงได้ทำร้ายกันแบบนี้” พรรณธรแหวใส่และพยายามดึงมือออกมาจากการจับกุม เพราะไม่อยากใกล้ชิดคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวราวกับเจอคลื่นพายุ
“ปล่อยต้นหลิวนะพี่คมน์ ปล่อย!!”