“เอาล่ะ ๆ ฉันไม่อยากให้แกหมกมุ่นกับเรื่องนี้นัก เอาเป็นว่าค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” เบนจามินตัดบทเพราะไม่อยากจะอธิบายอะไรให้มากความไปกว่านี้
“หมายความว่าแกจะเปิดทางและจะช่วยใช่ไหม”
“ทำให้ฉันเห็นว่าแกจริงจัง ไม่แน่ฉันอาจจะใจอ่อนยอมเป็นกามเทพให้แกก็ได้”
“จริงนะ งั้นเอ่อ... เท่านี้ก่อนนะเพื่อน ขอบใจแกมาก” ฟังจากน้ำเสียงดูดีใจเสียเหลือเกิน แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบหรือเปล่าที่อยากได้ก็จะเอาท่าเดียว เบนจามินคิด หลังจากนั้นจึงได้วางสายจากเพื่อนรักแล้วมองหน้าอาทิตยา ซึ่งมองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน พร้อมกับตั้งคำถามด้วยสายตาเหมือนบังคับให้เขาเล่า
“เอ่อ มีอะไรจ๊ะ มองหน้าพี่ทำไม” เบนจามินแสร้งถามพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำหวานแล้วยกดื่ม
“เพื่อนคุณบี๋โทรมาเหรอคะ เรื่องของซันใช่ไหม” อาทิตยาถามราวกับจะเอาเรื่อง และแน่นอนเธอเดาถูก
“อื้อ!!! ก็ ไม่มีอะไรนี่ สนใจทำไม” เบนจามินไม่อยากบอกเธอมากกว่า เพราะเท่านี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
“สนใจเพราะในการสนทนามีชื่อซันด้วย บอกมาเดี๋ยวนี้นะคะ”
“เอ่อ น้ำหวานอร่อยดี ชื่นใจ” เบนจามินแสร้งพูดเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น
“คุณบี๋!!!” อาทิตยาเค้นเสียงเรียกเขาทันที พลางทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อย
“ที่อยากรู้เนี่ย ชอบนายโดมแล้วใช่ไหม” เบนจามินถามเสียงเรียบ ทว่ามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก
“ไม่ค่ะ ซันแค่อยากรู้าว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องเข้าทางคุณบี๋ด้วย วันเดียวก็ป่วนเสียขนาดนี้”
“ก็เพราะว่าเขาชอบซันไง เลยอยากให้พี่ช่วย” พูดจบเขาก็ยกน้ำหวานขึ้นดื่มอีกครั้ง
“แล้วคุณบี๋ว่ายังไงคะ” ท่าทางของเธอดูเหมือนจะอยากรู้เสียเต็มประดา
“ไม่ได้ว่ายังไงจ้ะ พี่ไม่อยากยุ่งเพราะรู้ว่าโดมินิคเป็นคนยังไง เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวซัน ว่าชอบเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“ซันบอกคุณบี๋แล้วว่า ซันไม่ชอบคนเจ้าชู้ โดยเฉพาะเพื่อนคุณบี๋คนนี้”
“ทำไมแอนตี้เขาจังเลย บางทีคนเจ้าชู้ก็ไม่ใช่คนเลวจนเราคบไม่ได้นี่ ของอย่างนี้ต้องลองศึกษาดูใจกันไปเรื่อย ๆ ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน ไม่แน่นะซันอาจจะเป็นคนไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาก็ได้ใครจะรู้”
“ไม่เอาหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องยุซันให้เขาด้วย และอย่าทำตัวเป็นกามเทพนะคะ ไม่งั้นล่ะก็ซันโกรธจริง ๆ ด้วย”
“อ้าว!!! พี่ไม่ได้ทำตัวเป็นกามเทพซะหน่อย ก็แค่อยากเห็นซันมีคนดูแล”
“ยังค่ะ ซันยังไม่อยากได้ ซันยัง... ยังไม่พร้อม” เธอตอบและก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำเสียงดูเสียความมั่นใจราวกับมีความหลังครั้งเก่าเช่นกัน
“เอ่อ โอเค พี่จะไม่คุยเรื่องนี้แล้ว” เบนจามินรีบตัดบทเพราะไม่อยากเห็นเธอเศร้าจนเกินไป เนื่องจากเคยล่วงรู้มากก่อนว่าเธอเคยเสียใจจากคนเจ้าชู้
“ก็ดีค่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อนะคะ ซันจะเข้าไปช่วยป้านิดทำกับข้าวในครัว”
“งั้นก็... โอเค” เบนจามินอนุญาตเสร็จก็ยิ้มหวานอ่อนโยนส่งให้กับเธอ และลุกขึ้นแต่ก่อนจะเดินผ่าน เขาก็ยังไม่วายเอื้อมมือมาลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วเดินผ่านออกไปเลย ทิ้งให้อาทิตยานั่งอยู่กับความรู้สึกแปลก ๆ เพียงลำพัง แค่เขาเอามือลูบผมกลับทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
ซึ่งความจริงแล้วเบนจามินก็เอ็นดูเธอเช่นนี้มานานสองปีแล้วตั้งแต่ทำงานด้วยกัน เขารักและเป็นห่วงเธอเสมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไม่แปลกอะไรถ้าจะหวงแหนไม่ให้ผู้ชายเจ้าชู้มาจีบ ขัดขวางทุกวิถีทางโดยเฉพาะเหล่าเพื่อนฝูงที่มาขอขายขนมจีบ แต่แล้วเมื่อโดมินิคแสดงตัวอย่างชัดเจน เบนจามินกลับเบนเข็มจะให้เพื่อนจีบเสียอย่างนั้น ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการใครเลย
“คุณบี๋นะคุณบี๋” อาทิตยาได้แต่บ่นไล่หลังพลางถอนหายใจ เมื่อนึกถึงหน้าโดมินิคคนนั้น ยอมรับว่าเขาหล่อเหลาเกินต้านทานเอามาก ๆ แต่เธอยังไม่อยากรักใครเพราะเธอมีเหตุผลของตัวเอง
“ไปหาป้านิดดีกว่า” อาทิตยาบอกตัวเองเช่นนั้น ก่อนจะลุกออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงไปยังห้องครัวเพื่อช่วยป้านิดและคนรับใช้ทำอาหาร
“จริง ๆ แล้ว คุณซันไม่เห็นต้องลำบากเข้ามาช่วยป้าเลยนะคะ เกรงใจ” ป้านิดเอ่ยขึ้นขณะที่อาทิตยาลงมือช่วยเตรียมเครื่องทำอาหาร
“ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องเกรงใจ ซันก็มาช่วยป้านิดออกบ่อย”
“แต่คุณซันเป็นแขกของคุณท่านนี่คะ”
“แขกที่ไหน ซันเป็นแค่เลขาของคุณบี๋นะคะ”
“แต่เป็นเลขาระดับประธานบริษัทเชียวนะคะ ก็เหมือนกับเป็นเจ้านายอีกคนนั่นแหละ” ไม่อยากเชื่อว่าป้านิดจะให้เกียรติเธอขนาดนี้
“ไม่เอา อย่าคิดแบบนั้นสิคะ ขี้กลากขึ้นหัวกันพอดีเดี๋ยวจะหาว่าซันปีนเกลียวอีก”
“ไม่มีใครกล้าว่าคุณซันแบบนั้นหรอกค่ะ ดีเสียอีกมีคุณซันมาเป็นเจ้านายอีกคน มาอยู่เป็นเพื่อนทานข้าวเย็นกับคุณท่านทุกวันก็ดีนะคะ คุณท่านจะได้ไม่เหงา”
“ซันรู้ว่าคุณบี๋เหงา แต่ได้ยินข่าวมาว่า คุณบี๋ก็มีวิธีคลายเหงาไม่ใช่เหรอคะ”
“แหม ผู้ชายน่ะค่ะ ก็ต้องมีบ้าง อุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ยังไง อย่างน้อยป้าก็จะได้สบายใจว่าคุณท่านไม่ได้เป็นเกย์ ยังรู้สึกว่าชอบผู้หญิงอยู่บ้าง”
“ฮ่า ๆ ซันไม่เห็นว่าจะดีตรงไหนเลยที่คุณท่านของป้าเที่ยวผู้หญิง”
“อ้าวก็คุณท่านเหงานี่คะ ไม่เห็นแปลกตรงไหน เพื่อน ๆ ของเธอก็ทำกัน”
“มันไม่โอเคสำหรับซันนี่คะ ว่าแต่เรานินทาเจ้านายได้ยังไงคะเนี่ย”
“หึ ๆ ไม่ได้เรียกว่านินทาค่ะ แต่เรียกว่าแบ่งปัน ป้าน่ะก็แค่อยากจะบอกคุณซันว่า คุณท่านต้องการเพื่อน แต่ละวันเอาแต่ทำงาน รู้ไหมคะว่าเวลาที่คุณซันแวะเวียนมานะ บ้านมีสีสันมากเลย”
“เพราะว่าซันช่างจ้อใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าคุณท่านมีเพื่อนคุย ทำให้อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส เฮ้อ พูดแล้วก็เป็นห่วงอายุขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมเป็นฝั่งเป็นฝากับใครเสียที” คำพูดของป้านิดทำให้อาทิตยานึกอยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พูดก็พูด ซันสงสัยมานานแล้วตั้งแต่ทำงานกับคุณบี๋มาสองปี ไม่เห็นคุณบี๋มีแฟนเลยนะคะ ไม่เห็นพูดถึงผู้หญิงหรือคนพิเศษ เลิกงานเสร็จกลับบ้าน เดี๋ยวก็จะสี่สิบแล้วควรหาใครสักคนมาดูแล เวลาป่วยไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง”
“เรื่องนี้คุณซันกล้าพูดกับคุณท่านเองไหมล่ะคะ ป้าเคยพูดนะ แล้วคุณท่านก็อารมณ์ไม่ดีเลย”
“พูดเรื่องมีแฟนถึงกับอารมณ์ไม่ดี แบบนี้แสดงว่ามีปม หรือไม่ก็เข็ดกับความรักมาก่อนใช่ไหมคะ”
“เอ่อ...” ป้านิดกำลังจะพูด ทว่ามองซ้ายมองขวาเสียก่อนเพราะกลัวว่าคนถูกนินทาจะโผล่มา
“เรื่องความรักเป็นเรื่องที่ละเอียดก่อนกับคุณท่านมาก พูดไม่ได้ โมโห เหวี่ยง จากคนสุภาพอ่อนโยนกลายเป็นอีกคนไปได้เลย”
“แปลกนะคะ แต่ดีหน่อยที่ซันยังไม่เคยถาม แสดงว่าเคยอกหักมาก่อนอย่างนั้นเหรอคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ป้าก็ไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งหรอกนะคะ แต่เมื่อหลายปีก่อนคุณท่านเคยมีแฟนที่รักกันมาก อนาคตตกลงว่าจะแต่งงานกัน ทว่า... ป้าไม่กล้าเล่า คุณซันต้องไปถามคุณท่านเอง”
“แหม ซันไม่กล้าไปถามหรอกค่ะ กลัวโดนเหวี่ยงเหมือนกันนะ”
“ฮ่า ๆ อย่างคุณซันน่ะ ละไว้คนหนึ่งเลยคุณท่านไม่เหวี่ยงหรอกคะ”
“รู้ได้ยังไงว่าคุณบี๋ไม่เหวี่ยงซัน ตอนอยู่ที่บริษัทนะขี้บ่นจะตายค่ะ” อาทิตยาเปลี่ยนประเด็นคุยกันทันที เพราะไม่อยากรู้สึกสงสารกับเหตุการณ์ของเจ้านาย