จากนั้นโดมินิคจึงได้ลากแขนคู่นอนกลับเข้าไปยังห้องนอนอีกครั้ง อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เพื่อจะได้คุยงานกับหญิงสาวแปลกหน้า แต่ก็อีกนั่นแหละรู้สึกไม่ชอบใจในตัวเองที่การพบกันครั้งแรกกับสาวสวย จะทำให้เธอไม่ประทับใจ เพราะดันมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องนี่แหละ เสียภาพพจน์หมด เจอหน้าเพื่อนรักคงจะต้องตำหนิกันหน่อย ว่าทำไมส่งแม่สาวสวยหน้าตึงคนนี้มา
“โดมินิค จะรีบไปไหนนักหนาคะ” สาวคู่ขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเห็นเขารีบเร่งใส่เสื้อผ้าเสียเหลือเกิน
“ก็นัดแขกเอาไว้คุยกันเรื่องทำงานในบริษัทเพื่อนน่ะ ลืมไปเลยว่านัดเธอให้เอาเอกสารมาให้ ผมต้องออกไปคุยธุระกับเธอก่อน คุณรออยู่ในห้องนี้ห้ามออกไปเข้าใจไหม”
“ทำไมต้องรออยู่ในห้องนี้ล่ะคะ ออกไปนั่งด้วยไม่ได้เหรอ” ให้ตายเถอะ เธอพูดราวกับว่าเป็นแฟนเขาที่สามารถทำอะไรทุกอย่างก็ได้ตามที่ต้องการอย่างนั้นแหละ
“บอกให้อยู่ก็อยู่เถอะน่า นะครับแล้วเดี๋ยวจะรีบเข้ามา ถ้าไม่อย่างนั้นผมไม่ให้ค่าขนมนะจะบอกให้” เขาขู่ซึ่งมันก็ได้ผลอยู่แล้ว เพราะทำงานก็อยากได้ค่าขนมกันทุกคน
“ก็ได้ค่ะแต่อย่านานนักนะคะฉันอยากกลับแล้ว”
“จ้ะไม่นานหรอก” พูดจบเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บหน้าผากเธอหนึ่งทีก่อนจะรีบออกจากห้อง
จากนั้นโดมินิคก็ออกมาจากห้องนอน และตรงมายังห้องรับแขกซึ่งก็มีแขกคนสวยนั่งรออยู่ เธอนั่งถอนหายใจกับว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ของเจ้านาย ซึ่งก่อนหน้านี้เธอถูกกำชับมาเป็นอย่างดี รู้ประวัติเกี่ยวกับเพื่อนของเจ้านายโดยละเอียด แม้จะไม่อยากมาพบแต่ก็ขัดใจเจ้านายไม่ได้ มีเพียงอย่างเดียวที่เจ้านายปลอบใจนั่นคือ ให้ใจเย็นๆ แต่เธอเริ่มจะเย็นไม่ไหวแล้ว
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ” โดมินิคเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ และเดินเข้ามานั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินแล้ว” เธอเหน็บแนมเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ ทำให้เขาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
“คุณมาทำงานแทนเจ้าบี๋เหรอครับ” โดมินคิอดสงสัยไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน แต่ก็ไม่แปลกเพราะเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ถ้าเพื่อนจะมีเลขาใหม่เข้ามา ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ
“ค่ะ คุณเบญจามินให้มาแทน ฉันเป็นเลขาส่วนตัวของท่าน”
“งานสำคัญขนาดนี้เขาให้คุณมาแทนได้ยังไงเนี่ย” โดมินิคถามด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่เธอเอามาให้นั่นคือรายละเอียดการเซ็นสัญญาเป็นผู้บริหารในบริษัทผลิตเบียร์ แล้วทำไมถึงไว้ใจให้เลขานุการเอามาให้ดู
“ท่านติดธุระด่วนค่ะ เลยให้มาแทน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม จะเรียกว่า
ท่านไม่ให้เกียรติคุณหรือเปล่า”
“อ๋อเปล่าหรอกครับ ผมกับเจ้าบี๋เป็นเพื่อนกัน สบายๆ อยู่แล้ว แต่คุณ
มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ มาคนเดียว ฉันไม่ชอบความวุ่นวายหรือให้คนขับรถของบริษัทพา
มา”
“ก็ดีครับ ดีแล้วที่เป็นคุณ” ประโยคนี้โดมินิคพูดเบาๆ ลอยๆ ไม่กล้าให้
เธอได้ยินชัดนัก
“เอ่อว่าไงนะคะ” เธอถามย้ำเสียงเรียบพลางทำท่าเงี่ยหูฟัง
“เอ่อผมว่า ดีแล้วครับที่เจ้าบี๋ให้คุณมาแทน ผมเบื่อขี้หน้ามันแล้ว” เขา
พูดออกมาตรงๆ ทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งก่อนจะหยิบซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่เอสี่ส่งให้กับเขา
“นี่เป็นเอกสารสำหรับรายละเอียดการเซ็นสัญญาค่ะ ตรวจดูก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวค่อยนัดเซ็นต่อหน้าพยานพร้อมกันที่บริษัทอีกที” เธออธิบายโดยที่
ไม่ได้มองหน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งชื่อยังไม่รู้จักแล้วจะทำงานได้อย่างไร เขาคิดอย่างหงุดหงิดใจ
“นี่เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะครับ คุณชื่ออะไรครับ” โดมินิคถามด้วยความอยากรู้ แต่นั่นล่ะมันทำให้เธอรู้ว่าตัวเองเสียมารยาทมาก
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันชื่ออาทิตยาค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเสียงเรียบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณอาทิตยา ผมสงสัยว่าเจ้าบี๋มันมีคุณเป็นเลขา
ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะผมจำได้ว่ามันมีเลขาอยู่อีกคนหนึ่ง ซึ่งก็นั่งอยู่หน้าห้องเหมือนกัน เป็นผู้ชายท่าทางออกเป็นเกย์” คำถามของเขาดูเหมือนจะออกนอกเรื่องแล้วสินะ เธอคิด
“ผู้ชายเอาไว้ออกนอกสถานที่อย่างเช่นไปต่างจังหวัดค่ะ หรือทำอะไรที่ยากเกินผู้หญิงจะทำได้”
“แล้วคุณไม่เคยออกนอกสถานที่กับเจ้าบี๋เหรอ” ให้ตายสิ โดมินิคยังไม่ได้ถามเรื่องงานเลยสักนิด
“เคยค่ะ เป็นบางครั้ง ถ้าค้างคืนคุณบี๋ก็ไม่ให้ไป” อาทิตยาตอบตามที่เขาอยากรู้
“ท่าทางมันจะหวงเลขาผู้หญิงเสียเหลือเกินนะ” พูดแบบนี้ประชดหรือเปล่า เธอคิด
“ไม่รู้สิคะ ต้องไปถามเอง แต่เพื่อป้องกันความไม่เหมาะสม”
“ผมถามแน่และจะไปถามพร้อมกับคุณด้วย” เล่นเอาเธองงไปเหมือนกันเพราะเดาใจผู้ชายคนนี้ไม่ออก แต่ที่แน่ๆ เขาเจ้าชู้ชัดเจนเชียว
“ตกลงว่าจะดูเอกสารได้หรือยังคะ” อาทิตยาวกกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง จนเขามองหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ เล็กน้อย
“เอ่อ โอเคครับดูก็ดู” ว่าแล้วโดมินิคก็ทำทีแสร้งเปิดซองสีน้ำตาลแล้วหยิบเอกสารจำนวนหนึ่งออกมา อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาที่จะร่วมหุ้นกับบริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่กับเจ้านายของเธอ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขานั่นเอง ทว่าเขาก็แสร้งอ่านไปอย่างนั้นเอง เพราะสมองตอนนี้กำลังให้ความสนใจกับเธอเสียมากกว่า ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เนื่องจากสมองของเขาสั่งให้รอบมองใบหน้าสวยเจิดอย่างห้ามไม่ได้ เธอออร่ากระจายขนาดนี้ใครจะมีสมาธิ สุดท้ายแล้วเขาจึงต้องเก็บเอกสาร
“อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอคะ” อาทิตยาถามด้วยความสงสัย เพราะเขาใช้เวลาพิจารณาไม่นาน ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
“เอาเป็นว่าผมจะเข้าไปหาเจ้าบี๋มันอีกที ดูตอนนี้ไม่มีสมาธิ อีกอย่างเจ้าบี๋คงไม่โกงอะไรผมหรอกออกจะรวยปานนั้น มีแต่ผมแหละจะไปโกงมันเพราะอยากรวยบ้าง”
“หือ พูดจริงเหรอคะ ฉันจะได้ไปบอกคุณบี๋” อาทิตยาแกล้งเขาใช่ไหมเนี่ย อุตสาห์พูดเล่นเท่านั้น
“เอ่อ ใครจะกล้าครับ ระดับเจ้าพ่อฟองเบียร์ขนาดนั้น แค่ให้ผมเป็นผู้บริหารด้วยเท่านี้ก็ดีแล้ว”
“ไม่ได้เรียกว่าเท่านี้หรอกค่ะ เรียกว่ามากจะดีกว่า”
“แหมนี่พูดประชดผมเหรอครับเนี่ย”
“ค่ะ แล้วคุณจะไปพบคุณบี๋เมื่อไหร่คะ” เธอถามตรง ๆ เสียเลย