ต่อมาในเช้าของวันใหม่ เวลาประมาณแปดโมง อาทิตยาเดินทางมาถึงบริษัท โดยมีคนขับรถของเบนจามินไปรับ เธอมาถึงก่อนเจ้านายครึ่งชั่วโมง จึงรีบเข้าไปทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปเตรียมกาแฟและขนมปังเอาไว้ให้เหมือนเช่นทุก ๆ วัน เสร็จแล้วก็กะจะออกไปจากห้อง ทว่าทันทีที่เปิดประตู เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็โผล่เข้ามาพอดี
“อุ้ย!!! คุณบี๋!!! ขอโทษค่ะไม่ทันระวัง” อาทิตยาเอ่ยขึ้นพลางถอยออกมาให้ห่าง เพื่อเปิดทางให้เขาเดินเข้ามาในห้อง
“รีบเร่งอะไรนักหนา หือ” เบนจามินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มคล้ายจะตำหนิ แต่เปล่าหรอกมันเป็นเสียงปกติของเขาเวลาที่มีลูกน้องคนอื่น ๆ อยู่ด้วย
“เอ่อ ซันว่าจะออกไปดื่มกาแฟน่ะค่ะ ส่วนกาแฟของคุณบี๋อยู่บนโต๊ะแล้ว”
“ทานอะไรมาหรือยัง” เบนจามินพูดพลางเดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้ทำงาน ขณะที่อาทิตยาเดินตามมาด้วย
“ยังเลยค่ะ รีบมาน่ะ เดี๋ยวซันขอออกไปดื่มกาแฟก่อน คุณบี๋ก็ดื่มแก้วที่ซันชงให้ก็แล้วกันนะคะ”
“ไปชง แล้วเข้ามาหาพี่ จะให้เตรียมเอกสารให้หน่อยน่ะ”
อาทิตยาอยากจะถามเหลือเกินว่าเอกสารอะไร แต่ไม่อยากเซ้าซี้ให้เสียเวลา จึงรีบออกไปจากห้อง ปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชงกาแฟของตัวเอง ไม่นานนักก็กลับเข้ามาในห้องทำงานของเบนจามินอีกครั้ง
“คุณบี๋จะให้ซันเตรียมเอกสารอะไรเหรอคะ” อาทิตยาถามขณะที่เดินตรงมายังโซฟารับแขก
“เอกสารสัญญากับโดมินิคน่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ
“แล้วจะเซ็นเมื่อไหร่คะ”
“วันนี้” เบนจามินตอบสั้น ๆ ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ทว่าอาทิตยานี่สิที่ตกใจ เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องเห็นหน้าอีตาโดมินิคอีกครั้ง
“วันนี้เหรอคะ ทำไมเร็วจัง” อาทิตยาถามย้ำด้วยความตกใจ
“ทำจริง ๆ ก็ใช้เวลาเกือบอาทิตย์เพียงแต่เซ็นวันนี้แล้วเข้าไปทำงานเลย”
“ใจร้อนเหลือเกินนะคะ จากนั้นซันก็จะปวดหัวเร็วขึ้น” เธอว่าพลางทำเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ
“หึ ๆ ไม่แย่ขนาดนั้นมั้งจ๊ะ ทำใจให้สบาย” เขายังจะหัวเราะอีกหรือ คิดเป็นห่วงเธอบ้างไงไหมเนี่ย
“ซันไม่โอเคเลย” พูดจบเธอก็ตวัดหางตาใส่เขาอย่างงอนเง้า จากนั้นจึงดื่มกาแฟให้เรียบร้อย แล้วจัดการเตรียมเอกสารในการทำสัญญาเพื่อให้โดมินิคเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้อย่างเป็นทางการ แต่ระหว่างที่เธอเตรียมเอกสารอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของเบนจามินก็ดังขึ้น
กริ้ง!!! กริ้ง!!! กริ้ง!!! เบนจามินมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ก็เห็นชัดเลยว่าใครโทรมาเพราะชื่อหราเลยเชียว เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหยิบขึ้นมาพลางปรายตามองอาทิตยาแล้วจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล” เบนจามินทักทายเสียงเรียบ
“เฮ้เพื่อน เอ่อ ฉันจะเข้าไปหานายตอนนี้เลยนะพร้อมทั้งพยาน” เสียงของโดมินิคดูสดใสเสียเหลือเกิน คงไม่ได้ดีใจที่ได้ทำงานกับเบนจามินหรอก หากแต่ดีใจเรื่องอื่นเสียมากกว่า
“อืม จะมาทำไมแต่เช้า รีบไปไหนเหรอ” เบนจามินอดแซวไม่ได้
“ก็แหม นายก็รู้ว่าทำไม ฉันอยากทำงานจะแย่อยู่แล้ว ว่างงานมาก ๆ เดี๋ยวจะไม่มีเงินใช้”
“แกก็ลองงดใช้เงินกับสาว ๆ งดเอาเงินไปทิ้งตามโรงแรม หรือไม่ก็ผับบ้างสิ เผื่อว่าเงินจะได้เหลือใช้” เบนจามินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบทำเอาอีกฝ่ายถึงกับจุกกันเลยทีเดียวเชียว แต่อาทิตยาที่ฟังอยู่ถึงกับอมยิ้ม
“พูดแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับรีดพิษงูเลยนะบี๋” โดมินิคเปรียบเทียบเกินไป
“งูไม่มีพิษก็ยังกัดยังรัดได้เหมือนเดิมนี่หว่า”
“ฉันจะบอกแกเรื่องไปทำสัญญา แต่นี่อะไรวะหาเรื่องว่าให้กันเสียอย่างนั้น”
“เอ่อ ฉันรออยู่นี่แหละ ถ้ามาช้าฉันไม่อยู่บริษัทไม่รู้ด้วย”
“เฮ้ย!!! แล้วจะไปไหนวะ” โดมินิคถามด้วยความอยากรู้ทันที
“จะพาซันไปทำธุระ” เขาก็แค่ขู่เพื่อนเท่านั้นแหละ เพื่อจะได้รีบมา
“ทำไมต้องเน้นที่ซันคนเดียว แกนี่ขัดขวางเหลือเกิน แค่นี้แหละหวัดดี” พูดจบโดมินิคก็วางสายทันที หวังว่าจะได้รีบมาหาเบนจามินที่บริษัท และเช่นเดียวกันอาทิตยาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่ได้ยิน ตั้งหน้าเตรียมเอกสารต่อไป แต่เบนจามินกลับปรายตามองเลขาคนงามเป็นระยะ
ก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!! ระหว่างที่มีความเงียบอยู่ภายในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก จากนั้นประตูก็เปิดเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน” ณัฐรัฐซึ่งเป็นเลขานุการฝ่ายชายอีกคนเอ่ยทักทายเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะมองไปที่อาทิตยาที่นั่งทำงานอยู่ตรงโซฟารับแขก
“ขอโทษที่มาสายครับมีอะไรให้ผมทำไหม” ณัฐรัฐถามอย่างรู้หน้าที่พร้อมกับเดินเข้ามาหาเจ้านาย
“ไปเตรียมกาแฟกับขนมปังเอาไว้ให้หน่อยนะ เดี๋ยวมีแขกมา”
“ครับผม แล้วท่านไม่รับกาแฟเหรอครับ” ณัฐรัฐถามด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่ได้สังเกตบนโต๊ะทำงาน
“ไม่เป็นไรซันชงมาให้แล้ว” เบนจามินตอบเสียงเรียบ แต่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของเลขาหนุ่มว่าแอบอมยิ้มอยู่หรือไม่
“แหม ซันคงจะชงถูกปากมากเลยนะครับ ดื่มแต่ฝีมือซัน” ณัฐรัฐอดแซวไม่ได้ และนั่นจึงทำให้เจ้านายหนุ่มได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไปให้เป็นที่สงสัยอย่างนั้นหรือ
“ใช่เลยค่ะพี่ณัฐ ซันเอานิ้วคนแทนช้อน มีรสเค็มปะแล่ม ๆ เล็กน้อย แบบนี้แหละค่ะที่คุณบี๋ติดใจ” อาทิตยาก็รับมุขพลางยิ้ม
“รู้บ้างไหมว่าเจ้านายนั่งอยู่” เบนจามินรีบปรามเสียงเข้ม เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังเล่นหนักกว่านี้แน่
“เอ่อ อุ้ย ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการตามที่สั่งเดี๋ยวนี้เลย” ณัฐรัฐบอกและยังคงยิ้มพราวด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปรายตามองอาทิตยาเล็กน้อยราวกับมีเลศนัย จากนั้นจึงเอี้ยวตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย จังหวะเดียวกันนั้นอาทิตยารู้ดีว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่นี้ เบนจามินอาจจะไม่พอใจ เธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มไปให้เขา ทว่าเขากลับหน้าบึ้งเสียอย่างนั้น
“ใครจะกล้าใช้นิ้วคนให้ล่ะคะ คุณบี๋ล่ะก็ ซันแค่แซว”
“จะไปรู้เหรอ รู้สึกเค็ม ๆ หรือว่าเห็นเกลือเป็นน้ำตาล”
“นี่แซวใช่ไหมคะ รีบดื่มให้หมดเลย เดี๋ยวเย็นพูดเยอะเกินไปแล้ว”
“เย็นแล้วเนี่ย” เบนจามินตอบพลางยกขึ้นจิบไปเรื่อย ๆ
“อ้าว งั้นเดี๋ยวซันไปชงให้ใหม่นะคะ”
“อืม ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวช่วงใกล้เที่ยงจะพาไปดื่มกาแฟสด” เบนจามิน บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตาค้างกันพอดี คืนนี้ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน” ท่าทางอาทิตยาจะเป็นห่วงเสียเหลือเกิน ทว่าเขาไม่ได้เถียง จากนั้นจึงถือโอกาสพูดเรื่องเพื่อนที่กำลังจะมาแทน
“โดมินิคจะมาน่ะ” เบนจามินบอกสั้น ๆ แล้วเงี่ยหูฟังว่าเธอจะพูดอะไรหรือไม่ และแน่นอนว่าเธอชะงักมือที่กำลังเตรียมเอกสาร
“ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปก็อยู่ในห้องนี้ก่อนรอต้อนรับเขา”
“ซันรู้นะว่าคุณบี๋กำลังคิดอะไรอยู่”
“เปล่าซะหน่อย แยกงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกสิ”
“ซันแยกออกแล้ว คุณบี๋แยกออกหรือเปล่า รู้ว่าเขามาเรื่องงานแต่ก็พยายามจะเปิดทางให้เขาจีบซัน”
“นั่นมันเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของพี่”
“แต่จะไม่ปกป้องลูกน้องตัวเองใช่ไหมคะ ก็ไหนบอกว่าไม่ยุ่งไง”
“ไม่ยุ่งแต่... ก็” เบนจามินอึกอักอ้ำอึ้งกระทั่งเธอแทรกขึ้น
“ไม่ต้องแต่ค่ะ อย่าทำให้ซันกลายเป็นคนไม่น่ารักสำหรับคุณบี๋เลย ซันไม่อยากเถียง ไม่อยากมีปัญหากับคุณบี๋นะคะ เอกสารเสร็จแล้วซันจะวางไว้ตรงนี้ ขอออกไปข้างนอกก่อน” พูดจบอาทิตยาก็วางเอกสารลงบนโต๊ะกลางของโซฟาก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานเขาไป พร้อมกับเปิดประตูออกไปจากห้องเสียอย่างนั้น
“เฮ้อ!!! ใครเขาจะอยากมีปัญหากับตัวเองล่ะ” เบนจามินบ่นลอย ๆ พลางถอนหายใจทิ้งด้วยความเครียดจากนั้นก็รอเวลาที่เพื่อนจะเดินทางมาถึง นับแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะคิดว่าต้องฝ่ารถติดมาแน่ ๆ
ขณะเดียวกันอาทิตยาก็ออกมานั่งทำงานด้านนอก สีหน้าบอกบุญไม่รับทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยิ้มแย้มแจ่มใสดี ทำให้ณัฐรัฐเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง