หลังจากรอพรนับพันอยู่จนใกล้ถึงเวลาพัก ภัสกรยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นมาดูแล้วตัดสินใจเดินออกไปสำรวจโรงงานของคู่กรณี
เขาเดินผ่านห้องประชุมที่เป็นกระจกใส่ครึ่งบนแล้วมองเห็นภรรยาในนามของตนพูดคุยกับลูกค้าหนุ่มด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ดูท่าทีแล้วเหมือนว่าจะยังไม่จบง่ายๆ
พรนับพันยื่นมือไปสัมผัสที่มือของชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วลูบวนที่หลังมือของอีกฝ่าย ภาพนั้นทำให้ภัสกรหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ ถึงเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแต่ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเธอควรจะไว้หน้าเขากว่านี้
“นี่คงเป็นวิธีเรียกหาลูกค้าสินะ หึ น่าสมเพชทั้งพ่อทั้งลูก” เขากัดฟันพูดพึมพำด้วยความหงุดหงิด
ก่อนที่เขาจะตัดสินใจว่าจะเปิดประตูเข้าไปประจานความไร้ยางอายของภรรยาในนาม แต่ว่าเหลือบไปเห็นว่าพรศักดิ์เดินออกมาจากห้องทำงานเสียก่อนจึงหยุดยืนมองเขาแล้วเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางไม่ได้แสดงความเคารพคนตรงหน้า
“มาหาเค้กเหรอ”
“ครับ พอดีทนคิดถึง ‘เมีย’ ไม่ไหว ไม่อยากเชื่อเลยว่าเห็นท่าทางเหมือนไม่มีอะไร จะวาดลีลาได้ดีราวกับผ่านงานมาโชกโชน” เขาพูดยั่วยุโทสะของพ่อตาที่เป็นคู่กรณีของตน
“ให้เกียรติลูกสาวผมด้วย” พรศักดิ์กัดฟันพูดเสียงเบา ไม่อยากให้ใครได้ยินการสนทนาที่น่ารังเกียจนี้
“มีเกียรติอะไรให้ต้องรักษาล่ะครับ ในเมื่อบางอย่างก็เห็นๆ กันอยู่” ภัสกรพูดแล้วปรายตามองไปยังห้องประชุมที่ทั้งสองยังคงคุยกันอย่างออกรสราวกับเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงานและมือของพรนับพันก็ยังเกาะกุมกับชายอีกคนโดยไม่สนใจว่าจะมีใครผ่านมาเห็น
“ถ้าจะมาหาเรื่องกันก็เชิญกลับไปก่อนเถอะ”
“คนอย่างผมไม่เสียเวลาอันมีค่าลดตัวมาเหยียบที่นี่หรอก ดังนั้นผมเสียเวลามาแล้วก็ต้องไม่เสียเที่ยว” ภัสกรพูดเสียงแข็งแล้วกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากเพื่อให้อีกฝ่ายสงสัยในสิ่งที่เขาคิดจะทำ
ประตูห้องประชุมได้ถูกเปิดออกพร้อมกับพรนับพันกับลูกค้าที่เธอพึ่งเจรจาซื้อขายกันเสร็จ
“ขอบคุณคุณโชคอีกครั้งนะคะที่อุดหนุนผลิตภัณฑ์ของทางโรงงานเรา” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ด้วยความยินดีฮ้า เอาไว้ว่างๆ นัดคุยกันนะฮะ จะได้ให้น้องเค้กแนะนำเรื่องครีมบำรุงผิวให้อีก” ลูกค้าชายท่าทางตุ้งติ้งพูดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยจริตจะก้าน ก่อนจะหันมามองภัสกรแล้วตาลุกวาวด้วยความสนใจ
แต่พอเห็นแววตาที่น่ากลัวของเขา จึงหลบตาแล้วขอตัวกลับออกไปโดยมีพรนับพันเดินไปส่ง
ภัสกรโล่งใจที่ตนเองไม่ได้เปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นคงได้โดยเธอหัวเราะใส่หน้าแน่ที่เข้าใจผิดได้ขนาดนั้น
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ผมแค่จะพาเมียออกไปทานข้าวสักชั่วโมง สองชั่วโมง...คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ คุณพ่อ...” เขาเรียกสรรพนามนั้นอย่างประชดประชันแล้วเหยียดยิ้มยั่วยุโทสะอีกรอบ
พรศักดิ์ได้แต่เจ็บปวดลึกๆ ในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะคนตรงหน้ามีอิทธิพลทางธุรกิจและยังเป็นสามีของลูกสาว
“งานเสร็จแล้วค่ะ จะออกไปตอนนี้เลยหรือเปล่า” พรนับพันเดินกลับเข้ามาแล้วรีบชวนภัสกรออกไปก่อนที่เขาจะมีเรื่องกับบิดาของตน
“ไปสิ ผมกำลังอยากกินคุณอยู่พอดี รีบมาล่ะไม่ต้องกลับไปเอากระเป๋า เสียเวลา” เขาพูดใช้อำนาจกับเธอเพื่อยั่วโมโหพรศักดิ์อีกครั้ง ก่อนจะเดินลงไปรอเธอที่หน้าบริษัท
“พ่อเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะเค้ก”
“เขาจะพูดอะไรก็ตาม พ่อไม่ต้องไปฟังนะคะ พ่อก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำให้พ่อโมโห ถ้าเราตามเกมเดี๋ยวเขาก็จะเป็นบ้าไปเองนั่นแหละค่ะ”
“แต่พ่อเป็นห่วงเค้ก”
“พ่อคะ เค้กรับมือไหวค่ะ ไม่อย่างนั้นเค้กไม่รับข้อเสนอบ้างๆ นั้นหรอก” เธอบอกบิดาแล้วขอตัวเดินออกไปหาภัสกรก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาตามแล้วหงุดหงิดใส่เธอต่อหน้าบิดา
************************
พรนับพันมองดูอาหารที่เขาสั่งมาเต็มโต๊ะ ทั้งสเต๊กเนื้อชั้นดี เมนูพาสต้าต่างๆ ไวน์แดงที่ทานคู่กับเนื้อ และอาหารทานเล่นที่เขาสั่งมาเผื่อเธอ พลางนึกว่าเมนูพวกนี้เธอไม่ได้ชื่นชอบนัก โดยเฉพาะเส้นพาสต้าที่อุดมไปด้วยแป้ง และเนื้อวัวที่เธอไม่ชอบทานไม่ว่าจะราคาแพงแค่ไหน
“คงไม่เคยกินอาหารดีๆ แบบนี้สินะ ก็อย่างว่าลูกสาวโรงงานลูกชิ้นปลา อาหารที่กินก็คงไม่พ้นก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ก็พวกหมูกระทะข้างทาง”
คำพูดที่เหยียดหมูกระทะของโปรดเธอทำให้หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย ถ้าไม่ติดที่ว่าเธออยู่ในสถานะที่ด้อยกว่าและอยู่ในร้านอาหารหรูคงได้เอาจานสปาเกตตีสาดใส่หน้าเขาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเมนูโปรดไปแล้ว
“พอดีฉัน..เอ่อ เค้กไม่ทานเนื้อค่ะ แล้วก็ไม่ชอบเมนูเส้นๆ อะไรพวกนี้” เธอตอบเสียงนุ่ม พยายามทำตัวดีกับเขาเพื่อไม่ให้เขาโกรธหรือไม่พอใจจนลามไปถึงบิดาของเธอ
“ไม่ทานแล้วทำไมไม่บอก สั่งมาเต็มโต๊ะจะกินหมดเหรอ” เขาพานใส่เธอแล้วมองด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“ทานไม่หมดก็ห่อกลับได้ค่ะ”
“ผมไม่ทานของเหลือหรอกนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เค้กจะห่อไปให้ลูกน้องที่โรงงานทานเอง เราก็เลือกทานเป็นบางเมนูนอกนั้นก็ห่อกลับ ไม่ใช่ของเหลือหรอกค่ะ” เธอพูดเสียงนุ่มแล้วฉีกยิ้มหวานให้เขา
ภัสกรยกยิ้มมองเธอแล้วทานสเต๊กตรงหน้าและจิบไวน์อย่างสบายอารมณ์ มองภรรยาในนามเลือกทานสลัดผักแล้วสั่งให้ห่ออาหารที่เขาสั่งมา
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว พรนับพันจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับออกมาก็ไม่เห็นสามีแล้ว เธอนั่งรอที่โต๊ะสักพักพนักงานก็เอาอาหารที่ห่อและไวน์ที่เหลือจัดใส่ถุงให้เธอ แต่ภัสกรก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาง่ายๆ
“ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยสามบาทค่ะ” พนักงานนำใบเสร็จมาเก็บเงินกับเธอ
“รอสักครู่นะคะ พอดีว่าสามีฉันเขาน่าจะไปห้องน้ำค่ะ” พรนับพันตอบอย่างสุภาพ
“คุณผู้ชายกลับไปแล้วนะคะ เห็นบอกว่าค่าอาหารให้เก็บกับคุณผู้หญิงได้เลย”
หญิงสาวกำมือแน่น รู้สึกทั้งโกรธและขายหน้าเป็นอย่างมากที่เขาปล่อยเธอไว้ในร้านอาหารหรูโดยที่เธอไม่ได้พกกระเป๋าติดตัวมา
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อยนะคะ เดี๋ยวจะให้คนโอนให้” พรนับพันพูดอย่างสุภาพตั้งสติแก้ปัญหาของตนเอง
“ร้านเรารับเงินสดเท่านั้นค่ะ ไม่รับบัตรเครดิตหรือว่าเงินโอน ต้องขออภัยด้วยนะคะ” พนักงานแจ้งอย่างสุภาพแต่สายตาที่มองนั้นเหมือนไม่ไว้ใจเธอ
“ถ้าอย่างนั้นขอยืมโทรศัพท์เรียกให้คนมาจ่ายก่อนนะคะ” เธอบอกอย่างใจเย็น รู้สึกอับอายกับเหตุการณ์ในวันนี้มาก
************************