ฉุดกระชากลากใจ

1398 Words
ธาริณีสะดุ้งพรวด เมื่อความเป็นโลกส่วนตัว ถูกทำลายด้วยเสียงทุ้มที่ไม่ยั้งน้ำเสียง จนรู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ “หือ... อะไรของคุณนะ!” ใบหน้าหวานงอง้ำ มองคนยิ้มร่าอย่างถูกใจที่ได้แกล้ง “ตกลงที่ผมพูดไปน่ะ เข้าใจบ้างหรือยัง” “อื้อ...” เธอตอบให้ผ่าน ๆ ไป แต่เหมือนนึกได้ “เดี๋ยว! ขอยืมโทรศัพท์หาคนที่บ้านได้มั้ย” สายตาคมเข้ม จ้องลึกในดวงตากลมใส เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ มองหน้าหวานที่แฝงไปด้วยสายตาจริงจังวอนขอ อาชายอมรับกับตัวเอง หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ ใจอ่อนสินะ แต่เป็นสิ่งที่เขาเองให้ไม่ได้   จึงตัดสินใจตอบออกไป “ไม่ได้!” น้ำเสียงห้วนสั้น ธาริณีย่นคอหนี คิ้วเรียวงามเหมือนดั่งคันศรผูกปมเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่าย งก อีแค่ขอยืมโทรศัพท์... อดก่นด่าอย่างแค้นเคือง ก่อนจะตัดพ้อด้วยคำพูดตามมา “อะไรของคุณ! ฉันบอกคุณแล้วไง ว่าฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่และฉันต้องการให้คนที่บ้านรู้ว่าฉัน  อยู่ไหน สบายดีอยู่หรือเปล่า คนพวกนั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คุณเข้าใจคนมีพ่อมีแม่บ้างหรือปล่าว คุณอาชา พ่อม้า บ้าอำนาจ”  ใบหน้าหวานใส่อารมณ์น้ำเสียงห้วนจัด แม้จะบอกพี่ชายว่าเธอขออยู่พักกับเพื่อนแค่สามวันแต่หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะกักตัวเธอไว้กี่วัน เพราะหากเป็นเช่นนั้นเรื่องคงยุ่งยากหากถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่... “เปรียบผมได้ดีจริงนะคุณแม่ม้า ผมว่าเราสองคนเริ่มทัดเทียมกันแล้วล่ะ” เขาไม่สนใจคำด่า หากรู้สึกขำคำเปรียบเปรยที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา “ฉันไม่ได้เป็นแม่ม้า แต่คุณนะมันใช่... ชื่อมันบอกอยู่แล้ว”  เธอเถียง เข้าใจความหมายของชื่อดี  อาชา คือ ม้า “อืมใช่ จริงด้วย ขอบคุณที่บอกนะ...”  เขาเอ่ยรับผ่าน ๆ แต่อีกเรื่องที่เขาไม่อาจให้มันผ่านไปได้ง่าย ๆ “หากคุณต้องการให้ทางบ้านรู้...” ชายหนุ่มหยุดหายใจมองสาวตรงหน้าจริงจังในความคิดของตนเอง  “ผมคนเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นคนโทร.ไปบอกพ่อกับแม่ของคุณได้ ต้องการให้ผมบอกท่านเมื่อไหร่บอกนะ ผมจะจัดการให้”  เสียงเข้มเน้นชัด จ้องหน้าหวานได้รูป สีหน้าเอาจริง ธาริณีได้แต่อึ้งค้างไปชั่วครู่ นี่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังบ้าไปแล้วแน่ ๆ หล่อนครุ่นคิด พยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อตั้งสติ สงบใจไว้ สงบอารมณ์ไว้! เธอย้ำกับตัวเอง ลืมไปว่า ตอนนี้ต้องยอมสงบไปก่อน ได้โอกาสเมื่อไหร่....ค่อยว่ากัน เมื่อปรับทิศทางความรู้สึกให้ตัวเองได้แล้ว ธาริณีจึงเอ่ยตอบออกไปว่า “คุณเล็ก...” น้ำเสียงหล่อนอ่อนลง แต่สีหน้ายังเต็มไปด้วยความหนักใจ “คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ หากพวกท่านรู้ ท่านคงไม่อยู่เฉยแน่ ที่อยู่ ๆ ลูกสาวก็โดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลากตัวมาอย่างนี้” น้ำเสียงพยายามให้เรียบนิ่งที่สุด เอ่ยอธิบาย เธอไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่ อาชายกยิ้มมุมปาก รู้อยู่แล้วว่าครอบครัวของหล่อนรักชื่อเสียง และห่วงลูกสาวคนสวยมากแค่ไหน และความห่วงใยในความรู้สึกของคนในครอบครัวคือไม้ตาย ที่คนเถื่อนอย่างเขา จะดึงหล่อนไว้ตรงนี้ โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงจับ แล้วคำว่า ‘เถื่อน’ ที่หล่อนยัดเยียดให้ เขาจะตอบสนองให้สมใจหล่อนเลยทีเดียว...   อีกฝากของไร่ ที่โรงอาหาร แดน หนุ่มหล่อผิวดำแดง วัย 20 ต้น ๆ ถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคนงานเพราะความสนิทกับหัวหน้าคนเก่า ร้องเรียกเพื่อนร่วมงานเสียงดัง “เฮ้ย! พวกเรา...” เสียงเรียกให้ความสนใจ ของคนงานที่นั่งอยู่ในโรงครัวหันมองมายังตน เป็นจุดเดียว  เมื่อสายตาทุกคู่หันมองอย่างสนใจอย่างที่ต้องการ คนที่มีหน้าที่ใหญ่พอตัวเอ่ยสีหน้ายินดี  “สงสัยงานนี้เราจะได้นายหญิงเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วล่ะ” น้ำเสียงปลื้มปิติอย่างออกหน้า เมื่อรับรู้มาว่าเจ้านายคนเล็กกลับมาเร็วกว่ากำหนดก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง พร้อมกับมีของสวย ๆ งาม ๆ ติดมือกลับมาด้วย จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาดังออกมาเป็นประโยคด้วยความยินดีกับเจ้านายคนเล็กดังไม่ขาดปาก ก่อนคนที่แพร่ข่าวจะยิ้มร่า เดินไปยังแม่ครัวเพื่อจัดการกับปากท้องของตัวเอง “ขอบคุณนะป้า รู้งี้ วันหลังผมจะเอากะละมังมาแทน” แดนเอ่ยเย้าเมื่อเห็นข้าวในจานพูนสูงคนตักได้แต่ยิ้มรับ   “โอ้ย! เบา ๆ ได้มั้ยคุณ ฉันเดินกดเท้าจนจะบวมไปหมดแล้ว”  เสียงหวานร้องโอดคราญ เมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะฉุดกระชาก รองเท้าแตะที่อีกคนไปหามาให้ ก็ลื่นไหลดีกว่าแผ่นกระดานนิดหนึ่ง  ดีที่ว่าติดที่หูหนีบ ไม่เช่นนั้นคงรูดขึ้นมาอยู่บนหน้าแข้งไปแล้ว “ทำไมอีกละ เมื่อกี้เธอบอกว่าเดินไม่สะดวกกับร้องเท้าส้นสูงของเธอ นี่ก็อุตส่าห์ขอยืมของคนงานที่เดินผ่านมา เธอยังจะเรื่องมากอะไรอีก” “คุณว่าอะไรนะ...”  สาวสวยรั้งแขนชายหนุ่มไม่ให้เดินต่อ  “นี่คุณ! เล่นไปหยิบยืมรองเท้าของคนงานที่เดินผ่านมาเหรอ”  ใบหน้าสาวสวยหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาต้องโกหกหล่อนแน่ ๆ และหากเป็นเช่นนั้นจริง คนงานก็ต้องเดินเท้าเปล่าน่ะสิ! “อืม!” เสียงรับส่งผ่านลำคอดังพอให้หญิงสาวได้ยิน ว่านั่นเรื่องจริง “อ้าย... คนบ้า!”  ธาริณีร้องลั่นในความคิดของคนตัวโตกว่า ครั้นนึกภาพเจ้าของรองเท้า เดินย่ำไปบนดินที่เต็มไปด้วยเม็ดกรวด และก้อนหิน มันคงเจ็บน่าดู แค่คิดก็รู้สึกเสียวแล้ว...! “เขาก็ต้องเดินเท้าเปล่าสิ..หินกรวดเยอะแยะ” “อย่าไปคิดแทนเขาเลยน่า...คนที่นี่ถอดรองเท้าเดินได้สบายเขาไม่ตีนบางอย่างคุณหรอก” “แต่คุณก็ไม่ควรเอาของเขามา...” “หรือคุณจะเดินเท้าเปล่า...ถอดออกได้นะ ผมจะได้เอาไปคืนเขา”  “เอากลับไปคืนเขาเลยไปรบกวนคนอื่น ไหนบอกว่าจะให้ฉันรอทานข้าว ให้ใครเอามาให้... แล้วนี่จะบ้าหรือไงถึงลากฉันมาแบบนี้!” ว่าแล้ว สะบัดรองเท้าที่ตนเองสวมอย่างลวก ๆ อาชาหูอื้อ ทำดีไม่ได้ดี “เรื่องอะไร... ไม่ต้องทำดัดจริตเลย ใส่ไปซะ ปานนี้คนงานคงได้รองเท้า คู่ใหม่แล้วละ”  เขาว่าเสียงเข้ม มองคนตัวเล็กข้าง ๆ สายตาติเตียน เหมือนหล่อนเป็นเด็กเรื่องมากกระนั้น “คุณ มัน...”  นิ้วเรียวชี้ไปด้านหน้า จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง อยากจิ้มตาคนหน้าด้านนัก... อาชา ยื่นหน้า อ้าปากจะงับนิ้วเรียว ธาริณีรีบเก็บ ทำหน้ามุ่ยเข้าใส่ “มันอะไร ไม่ต้องมองหน้าผม เดี๋ยวจับจูบเสียเลย” เขาขู่ให้อีกคำรบ ธาริณียอมสงบปาก อย่างเจียมตัว “.... ปล่อยสิ” ธาริณียอมเงียบแล้วยอมสวมร้องเท้ากลับเช่นเดิม หล่อนพยายามดึงมือเรียวที่ยังถูกกำไว้ ให้เป็นอิสระแต่ดูอีกฝ่ายจะไม่ยอมง่าย ๆ แถมส่งสายตาคาดโทษบอกให้รู้ว่า อยู่ให้นิ่ง ๆ หากไม่อยากขายขี้หน้า ประมาณนั้น หนุ่มสาวที่เดินจูงมือเข้ามาในบริเวณจุดรวมตัวของคนงานช่วงเย็น แดนที่นั่งหันหน้ามาตรงทางเดิน ยิ้มร่าผุดลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงดังอี๊ดไปตามแรงดันของแดน โดยรีบเคี้ยวรีบกลืนข้าวในปาก “หวัดดี ครับคุณเล็ก เออ...” แดนรีบเอ่ยทักเจ้านายคนเล็กทันที แต่สายตาและใบหน้ากลับเสมองไปยังอีกคน   แต่ดูอีกฝ่ายจะทำไม่สนใจ กลับหันไปเอ่ยทักทายคนงานอื่น ๆ “หวัดดีทุกคน” เจ้าของไร่เอ่ยทัก โดยไม่ได้สนใจแถลงสิ่งที่ทุกคนกำลังข้องใจกันอยู่โดยเฉพาะคนที่จุ้นที่สุดของโรงงาน                
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD