อาการเสแสร้งของชายตรงหน้า ทำเอาใบหน้าหวานร้อนผ่าว จากที่แดงเรื่ออยู่แล้ว เพิ่มสีเลือดขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งโกรธทั้งอายผสมเข้ากัน ธาริณีกัดริมฝีปากจนแน่นสนิท ฝ่ามือเรียวกำแน่นทั้งสองข้างกดอารมณ์ที่พุ่งขึ้นอย่างสุดทน ยิ่งเห็นว่าสายตานั้นจับจ้องส่วนใดของร่างกายเธอไปเมื่อครู่และไม่ได้ละสายตาไปไหน
ไม่รู้ก็บ้า ว่าชายหนุ่มกำลังเอ่ยถึงมันหมายความว่าสิ่งใด แค่คำพูดมันแน่ชัดอยู่แล้วไม่ต้องย้ำด้วยสายตา...! เธอก่นด่าในใจพร้อมกับความรู้สึกถูกส่งไป เพื่อตอบแทนผู้ชายไร้มารยาท
เพี๊ยะ!
ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรให้มากความ ฝ่ามือเรียวก็ถูกปล่อยออกไป เกิดเป็นเสียงดังได้ยินชัดเจนในความเงียบของพื้นที่ ที่ไม่มีสิ่งใดย่างกลายเข้ามา นั้นคือคำตอบที่เขาควรได้รับกับการกระทำที่ฉวยโอกาสของคนเอาแต่ได้ ...
“กล้าดีนิ ที่ตบหน้าฉัน...!”
อาชากัดฟันกรอด สายตาจ้องตอบเหมือนจะกลืนกินคนตรงหน้า การกระทำของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้เขาสำนึก แต่กลับทำให้อาชาอารมณ์ขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีสักครั้งที่จะโดนสาวๆ ตบหน้า แม้กระทั่งคนเป็นแม่และพี่ชาย!...แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เขายอมให้หล่อนไม่ได้ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
“แน่ใจว่าทำแบบนี้แล้วจะรอด...”
คิ้วกระตุกระงับอารมณ์โทสะที่ก่อตัวขึ้น เปล่งเสียงลอดไรฟันพร้อมปลายลิ้นกระทุ้งแก้มด้านที่โดนสมนาคุณจนแดงเป็นแถบ
“ไม่ใช่แค่นี้หรอก... ผมจะทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการ และผมก็จะทำในสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง”
คนโดนขู่ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงโดยง่าย เป็นจังหวะที่ลิฟต์ลงมาจอดถึงที่พอดี ธาริณีเห็นประตูเปิดออกหล่อนรีบจะออกไปให้พ้น ๆ แต่ก็ช้ากว่ามือหนาของเขาที่คว้าข้อมือเล็กของธาริณีแล้วกระชากกลับมาด้วยความไวและแรงจนหล่อนต้องกริ้ดออกมา
“กรี๊ดด... ปล่อยฉัน นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ คนบ้า!”
เขาไม่สนใจเสียงของหล่อนเขาลากร่างบางเดินตามมาติด ๆ ผ่านผู้คนไปบ้างที่มองดูภาพนี้อย่างงง ๆ
“ฉันบอกให้ปล่อย....”
“คะ คะ คุณมันบ้า ทำแบบนี้ ไม่ดีกับชื่อเสียงของคุณเลยนะ”
หล่อนไม่รู้จะพูดอย่างไรได้เพราะอายก็อายคนมองมาเมื่อผ่านคนแม้ว่าจะดึกแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเข้า ๆ ออก ๆ โรงแรมนี้อยู่ ใครเห็นก็ต่างมองแบบไม่วางตา
“รีบเดินเถอะน่า...ผมปล่อยคุณก็หนีสิ”
พอถึงที่จอดรถล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบกุญแจกดเปิดประตู เขาผลักธาริณีเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ
“อย่าลงเชียวนะ ไม่งั้นคุณจะถูกลงโทษหนักกว่าเดิม”
เขาเดินอ้อมมาทางด้านคนขับธาริณี กำลังคำนวณถ้าลงรถตอนนี้เขาจะต้องวิ่งคว้าหล่อนเอาไว้แต่ทำอะไรที่ขายหน้าผู้คนที่พบเห็นอีกแน่ ๆ เพราะคนอย่างเขาสนใจที่ไหนกัน คนที่เสียคือตัวหล่อนเอง กำลังคิดยังไม่ตกผลึกดีด้วยซ้ำเขาก็เข้ามานั่งประจำที่คนขับ แล้วเอนตัวเอามือพาดผ่านลำตัวหล่อนมาจับเข็มขัดนิรภัยทำให้ธาริณีตกใจ
“อุ้ย! คุณจะทำอะไร”
เขาไม่ตอบดึงเบลล์ออกมาแล้วเสียบเข้ากับล็อคของมันเรียบร้อยจึงผละกลับมานั่งในท่าเดิม
“ขี้ตกใจจังนะ” เขาว่าเสียงนุ่ม “ขวัญนะ มีบ้างหรือเปล่า ชอบโวยวาย”
เขาต่อว่าเสียงเข้ม ทั้งที่จริงรู้ตัวดีว่าตนเองทำอะไรลงไป
“ขวัญ?”
เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ จะมาถามหาขวัญเอาอะไรตอนนี้ ก็มันหายไปตั้งแต่เจอนายแล้ว ตาบ้า!...
ธาริณีก่นด่าผ่านสายตาออกไป
“ใช่ ขวัญ มีกับเขาบ้างหรือเปล่าละ กรี๊ดกร๊าดโวยวาย แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาละแม่คุณ”
เขาขยับรถออกจากที่จอด พร้อมเสียงดัง กริก! เขากดล็อคประตูและกระจกเรียบร้อย หล่อนหมดสิทธิ์ที่จะลงจากรถแล้วตอนนี้ เพียงแต่เอ่ยปากบอกเขาเบา ๆ ว่าบ้านหล่อนอยู่ตรงไหน เขาไม่เอ่ยอะไรนอกจากครางในลำคอ ขยับสูทตัวแพงเพื่อรับลมเย็นจากแอร์ เขาถอดสูทออกแล้วโยนแหมะมาที่ตักของหญิงสาวทันทีเล่นเอาธาริณีที่หันมองข้างนอกตกใจที่มีอะไรหล่นมาที่ตัก
“อะ อุ้ย... นี่มันอะไรของคุณ”
“ช่วยถือให้ไง....เผื่อคุณหนาวก็ใช้คลุมไหล่เปลือย ๆ นั้นได้” เขาว่าเสียงปกติ
ตาคมแฝงไปด้วยความขี้เล่น หลิ่วตามอง แต่เขาไม่ใส่ใจกับอาการผะอืดผะอมของหล่อน กลับตอบไปหน้าตาเฉย “ฝากหน่อย”
“ฉันไม่หนาว...”
ธาริณีขยับตัว พร้อมสองนิ้วคีบเสื้อสูทตัวหรูบนตักของตัวเอง โยนไปเบาะหลังที่ว่างอยู่ทันที เธอไม่รับฝากตามคำขอของอีกคน ใช่เรื่อง!
“แค่นี้ทำเป็นรังเกียจ ระวังเถอะ... จะทำคืนมั่ง”
เขาคาดโทษไว้ เอี้ยวร่างหนามองตามเสื้อตัวแพงที่ถูกเหวี่ยงไปอย่างไม่ใยดี
“ใครสน!”
หล่อนตอบน้ำเสียงสะบัดพร้อมตะหวัดสายตาจ้องมอง
“หึหึ ให้มันจริงเถอะ...”
อาชาเถียงเหมือนมั่นใจ ว่าหล่อน ไม่สามมารถขัดใจเขาได้อีก พร้อมใช้สายตาพิจารณาคนข้าง ๆ ใหม่อีกครั้ง จับจ้องใบหน้าหวานนวลเนียน ภายใต้ขนตางอนงาม ยามเธอกระพริบนัยน์ตาคู่งามสว่างไสว ใบหน้าเรียวได้รูป หน้าผากนูนสวยเด่นรับกับจมูกโด่งรั้น แก้มสองข้างสุกปลั่งแต่งแต้มไว้อย่างลงตัว ปากทรงกระจับอีกนั้น แต้มด้วยสีหวานเป็นประกายมุขเพิ่มความอวบอิ่ม ยั่วสายตา อีกทั้งท่าทางอวดดี เล่นยาก ที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้น่ามอง และนั่นมันยิ่งทำให้เขาอยากเข้าถึงจิตใจและเนื้อแท้ น่าจับกดสั่งสอนนัก... อาชาคิด อย่างคึกคะนอง
อาชา รัตรังสรรค์ หรือเล็กรูปหล่อ เพอร์เฟค ฐานะการเงินที่สาว ๆ เห็นจะต้องสิโรราบ วิ่งแจ้นเปลื้องผ้ามาแต่ไกล แค่เขากระดิกนิ้วเรียก! หากแต่ผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะไม่สนใจเขา กลับใช้วาจา ที่ฟังเหมือนผู้ชายอย่างเขา ไม่มีค่าในสายตา แล้วอย่างนี้ ปล่อยให้หล่อนหลุดมือ โดยไม่ได้รับสั่งสอนนั้น ไม่มีทาง เมื่อเขามีวิธีการแก้เผ็ดหล่อนอยู่ในหัวแล้วตอนนี้
“หึ!”
เมื่อคิดอย่างพอใจแล้ว อาชาหันมาถลกแขนเสื้อเชิ้ตลวก ๆ แล้วรวบไว้ที่ข้อศอกทั้งสองข้าง พร้อมกับปลดกระดุมออกจากรางเกือบหมดเหลือไว้สองเม็ดสุดท้ายที่อยู่ล่างสุด
ธาริณีมองดูการกระทำของเขาเงียบ ๆ ลมหายใจขาดหายเมื่อจังหวะสายตาเห็นแผ่นอกกว้างมองเห็นขนอ่อน ๆ รำไรผ่านร่องเสื้อ หากมองผ่านเลยไปมันคงไม่ทำให้เธอใจเต้นระส่ำ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น สิ่งที่เห็นกับติดอยู่นัยน์ตาแม้พยายามกระพริบให้หายไป แต่มันเหมือนสิ่งที่หลอกหลอนติดตาไม่อาจลบล้างออกได้ เมื่อสายตาไม่รักดีทำการสำรวจร่างกายที่กำลังดึงดูดความรู้สึกที่มีอยู่ ไปจากเธอเต็ม ๆ โดยไม่มีคำอธิบายกับสิ่งที่เห็น เพราะเธอกลืนกินสิ่งที่เห็นเป็นคำตอบที่ประจักษ์ต่อสายตาลงท้องไปหมดแล้ว
“คิด ๆ ดูแล้วน่าเสียดายช่อกุหลาบนะ คุณทำลายมันแล้ว...คู่คงเตลิดเปิดเปิงไปไหนแล้วไม่รู้”
“ฉันไม่สนใจเลยสักนิด....ฉันกลับนึกดีใจที่มันเป็นประโยชน์แก่ฉันบ้าง”
ชายหนุ่มยกมือคลำป้อย ๆ ที่ปลายคางของตนซึ่งมีปาสเตอร์แปะเอาไว้
“ไม่ใช่อะไรหรอกเห็นทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าช่อกุหลาบถถึงกลับลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นก็ยอม เลยนึกสงสาร”
“ไม่ต้องมาสงสารอะไรฉัน” หล่อนพูดลอดไรฟัน “ไม่ใช่เพราะคุณหรอกหรือ...ฉันถึงเป็นแบบนั้น”
“ผมทำอะไรให้”
เขาตอบกลับมาหน้าตาเฉยหล่อนเอาอีกฝ่ายแทบเต้น ได้แต่บอกตัวเองว่าข่มไว้ ข่มไว้ ๆ ธาริณี
ใบหน้าแต่งแต้มไว้อย่างลงตัว ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกใจหายวาบ หายใจหอบถี่ ๆ อย่างอดกลั้นอารมณ์ด้วยความเสียดาย ผู้ชายคนนี้กวนโทสะได้โล่!
อีกฝ่ายกลับหัวเราะลั่นรถ ใบหน้าหวานได้แต่มองอาการขำ น่าหมั่นไส้ของคนตัวโตกว่า คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน มันน่าขำนักหรือไง...
“มันน่าขำตรงไหน คนโรคจิต...”
“ขำที่คุณยังคงห่วงช่อกุหลาบอยู่ อยากได้สามีหรือไง”
“คนบ้า”
“เอ้า ผมเป็นห่วงนี่ อย่าเพิ่งจิตตกไปสะก่อนล่ะ”
อาชาเอ่ยข้อข้องใจให้สาวสวย พร้อมหัวเราะต่ออย่างกับเจอตลกมาเล่นสด ๆ ตรงหน้า ขณะที่อีกฝ่ายโดนกล่าวหาว่าจิตตก กัดเม้มริมฝีปากล่างจนเกิดรอยช้ำ
“ ...เพราะเจอคนบ้าอย่างคุณไง จิตฉันเลยตก”
ธาริณีตอกกลับอย่างแค้นเคือง แต่อีกฝ่ายกับหัวเราะร่า ไม่สนใจคำด่าแม้แต่น้อย
“อย่าไปคิดมากเลยน่า...กะอีแค่ช่อกุหลาบในร้านเยอะแยะไปจะเอากี่ช่อ”
“ฉันไม่อยากคุยกับคุณ เปล่าประโยชน์”
“เอาน่า..เดี๋ยวผมซื้อช่อใหญ่กว่านั้นอีกชดเชยให้”
“ฉันไม่รับ!” หล่อนตอบทันควัน “คนไม่มีความรู้สึกอย่างคุณ จะเข้าใจอะไรกับประเพณีเขา มันมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่ามันต่างกัน พูดไปคนไร้ความรู้สึกอย่างคุณก็คงไม่รู้เรื่องหรอก”
“อยากมีผัวกันก็เท่านั้น ส่วนมากก็มีแต่พวกเพ้อฝันเท่านั้นแหละ ที่สร้างมันให้มีคุณค่าทางใจก็แค่ดอกไม้แต่งงาน”
“คนบ้า ไม่ต้องมาดูถูกคนอื่นเลย คนเถื่อนอย่างคุณปากร้ายไม่เลือกหน้า สำหรับฉันจะร้ายก็ต่อเมื่อใครร้ายมาก่อนเท่านั้น และจำไว้เลยคำว่าผัวน่ะ... หาเท่าไหร่เมื่อไหร่ คนอย่างธาริณีหาได้สบาย หากแต่ไม่คิดจะหา เพราะดูแล้วบนโลกใบนี้มีแต่ผู้ชายหน้าหม้อ ปากปีจอที่หล่อเหลือรับประทานทั้งนั้น!”
คำด่าแสบ ๆ ถูกพ่นออกมาเพื่ออยากให้อีกคนได้รู้สึกตัว
“จุ๊ จุ๊ ปากนะปาก...จริง ๆ เล้ย”
อาชาไหวไหล่ไม่สนใจคำกล่าวหาเพราะเขาไม่ได้ร้ายกับใครมาก่อน นอกจากอยากสนุกกับสาวสวยคนนี้คนเดียว ปากแบบนี้หล่อนมีให้เขาคนเดียวด้วยหรือเปล่านะ!