งานวันเกิดของพันไมล์ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อันโอ่อ่าของครอบครัว เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเขา เธอจึงไม่อยากรบกวนให้เขาต้องมารับที่บ้าน แต่ขอนั่งแท็กซี่ไปเอง วารีก็ไปงานวันเกิดของพันไมล์ แต่เพื่อนของเธอไปกับมารดา เธอจึงไม่อยากรบกวนให้เพื่อนต้องขับรถมารับเพราะเกรงใจ
“ให้รีไปรับไหมโม เดี๋ยวให้คนขับรถเลี้ยวรถไปทางบ้านโม” วารีกรอกเสียงมาตามสาย
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ โมเกรงใจ” โมรินเข้าใจดีว่าคนรวยมีคนขับรถส่วนตัว ไปรับไปส่งไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องเรียกแท็กซี่หรือโหนรถเมล์เหมือนเธอ
อีกอย่างมารดาของวารีไม่ค่อยชอบเธอเพราะคิดว่าลูกสาวคบเพื่อนไม่สมฐานะ คบคนที่มีฐานะด้อยกว่า นี่เป็นอีกเหตุผลที่เธอไม่อยากให้เพื่อนมารับ
“พี่พันไม่ให้คนขับรถไปรับเหรอโม” วารีเอ่ยถาม
“ไม่จ้ะ”
“อ้าว... ทำไมล่ะ เธอเป็นคนรักของพี่พันนะ ให้คนขับรถมารับก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมพี่พันถึงปล่อยให้โมนั่งแท็กซี่ไปเองล่ะ” ประโยคของวารีเสียดแทงใจของโมรินยิ่งนัก โมรินเองก็แอบคิด แต่ถ้าหากเธอเรียกร้องให้เขาทำเช่นนั้น พันไมล์อาจจะคิดว่าเธอเรื่องเยอะ เธอไปเองน่าจะสะดวกกว่า
ชุดเดรสตัวสวยสีชมพูหวานแหวว สีโปรดที่เธอชอบถูกนำมาสวมใส่ เป็นชุดที่พันไมล์ซื้อให้เธอ
โมรินออกจากบ้านอย่างมีความสุข สลัดความคิดมากมายในหัวทิ้งไป บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไป สิ่งไหนที่ไม่มีความสุข เราก็ไม่ควรจะคิดให้ปวดหัว
ในมือของโมรินถือเค้กและกล่องของขวัญเพื่อรอเซอร์ไพรส์พันไมล์ เขาคงดีใจสุด ๆ ที่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์ลูกของเขา
เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจเต้นระทึก โมรินมองบรรยากาศของงานแล้วรู้สึกเกร็งขึ้นมาในทันทีเพราะมันหรูหราดูดีไปหมด คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกตัวลีบเล็กไปถนัดตา
พอจะรับรู้ว่าพันไมล์นั้นรวยมากผ่านวารีเพื่อนของเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะรวยขนาดนี้ อาจเพราะเธอไม่เคยมาที่บ้านของเขาเลยสักครั้ง เธอไม่เคยซอกแซกถามโน่นถามนี่ อยากรู้เรื่องราวส่วนตัวอะไรของเขาเลย เขาเล่าให้ฟังแค่ไหน บอกแค่ไหน เธอก็รับรู้แค่นั้น อยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอด
โรงรถของคฤหาสน์หลังใหญ่มีรถสปอร์ตคันหรูราคาแพงจอดเรียงรายกันอยู่นับยี่สิบคัน บ่งบอกฐานะว่าตระกูลพิริยะพงศ์ไพศาลร่ำรวยเพียงใด
“อ้าว... โมมาแล้วเหรอ” เสียงทักทายของวารีทำให้โมรินยิ้มออก เพราะเธอไม่รู้จักใครในงานเลย พอได้เห็นเพื่อนจึงรู้สึกดีใจไม่น้อย
“ดีใจจังที่ได้เจอรีในงาน ในงานคนเยอะจัง แล้วพี่พันอยู่ไหนจ๊ะ”
“พี่พันน่ะเหรอ เขาเป็นเทพบุตรสุดหล่อเจ้าของวันเกิด น่าจะยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยจ้ะ งั้นไปคุยกับแม่ของรีแล้วก็แม่ของพี่พันก่อนนะ”
“รี... จะดีเหรอ” โมรินรั้งแขนของเพื่อนเอาไว้ เพราะรู้สึกประหม่าที่จะได้เจอกับมารดาของพันไมล์
“ทำไมจะไม่ดีล่ะ ไปรู้จักแม่ของพี่พันกันดีกว่า เธอก็คบกับพี่พันมาตั้งนาน ยังไม่รู้จักพ่อแม่ของเขาเลยไม่ใช่เหรอ” วารีไม่สนคำปฏิเสธของเพื่อน รีบรั้งแขนของเพื่อนรักให้เดินไปยังกลุ่มของมารดาที่กำลังสนทนากันอยู่
“อ้าว... ยายรีพาใครมาล่ะนั่น” ประโยคของมารดาทำให้วารียิ้มกว้าง ก่อนจะดันร่างของเพื่อนรักไปทางด้านหน้า
“อ้อ... เพื่อนของเรามาด้วยรึ” คุณวารุณีหน้าตึงขึ้นมาในทันทีเพราะไม่ชอบให้วารีคบกับโมรินเด็กสาวต่างจังหวัดฐานะยากจนคนนี้ แต่ลูกสาวก็ไม่สนใจ จะคบอยู่นั่นแหละ
“นี่โมรินเพื่อนของหนูเองค่ะ” วารีรีบเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“หน้าตาน่ารักเชียว ลูกเต้าเหล่าใครกันจ๊ะ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พ่อแม่ของหนูทำธุรกิจอะไรเหรอ” เหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลายต่างเอ่ยถาม เพราะว่าโมรินเป็นคนสวย คิดว่าต้องเป็นลูกหลานคนมีเงิน ถึงได้เป็นเพื่อนกับวารีได้
“เอ่อ... พ่อแม่ของหนูเสียชีวิตหมดแล้วค่ะ ตากับยายเลี้ยงหนูมาน่ะค่ะ ตอนนี้ย้ายมาอยู่กับคุณน้าน่ะค่ะ” โมรินตอบออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะเกร็งๆ อยู่มาก
“อ้อ... อย่างนั้นเหรอจ๊ะ คุณตาคุณยายเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรจ๊ะ เผื่อเราจะเป็นคนคุ้นเคยกัน แล้วคุณน้าของหนูคือใครจ๊ะ บางที่อาจจะอยู่ในแวดวงเดียวกัน”
“ตากับยายของหนูทำสวนทำนาอยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ ส่วนคุณน้าทำงานเป็นเลขานุการค่ะ” ประโยคนั้นของโมรินทำให้หลายคนหน้าตึงไปในทันที
โมรินคิดว่าเธอไม่อายที่จะบอกใครๆ ว่าตายายทำสวนทำนา มีน้าทำงานเป็นแค่เลขา เพราะมันก็เป็นงานสุจริตไม่ได้คดโกงใคร แต่พอเจอสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนถาม ก็อดที่จะรู้สึกเกร็งเสียไม่ได้
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ” สีหน้าของคุณหญิงคุณนายทั้งหลายดูรังเกียจเดียดฉันท์จนโมรินหน้าชา
“โมเป็นดาวเด่นของคณะเลยนะคะ มีความสามารถมากๆ เลยค่ะ” วารีรีบพูด แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะหันไปสนใจกับการพูดคุยสนทนากันแทน ไม่สนใจโมรินอีก จนโมรินรู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมาในทันที
“โมหิวไหมจ๊ะ กินอะไรเสียหน่อยสิ”
“ไม่ค่อยหิวเลยจ้ะ”
“ไม่ค่อยหิวก็กินเถอะ อาหารดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะได้กินบ่อยๆ เสียเมื่อไหร่” คนพูดคือคุณวารุณีมารดาของวารี
“คุณแม่!”
“ทำไมล่ะ หรือแม่พูดไม่จริง”
“แต่คุณแม่”
“พอเถอะรี อย่าทะเลาะกันเลยนะ” โมรินรีบเอ่ยปรามเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนมาทะเลาะกับบุพการีด้วยเรื่องของเธอ
“พันไมล์เดินมาทางนี้แล้ว หล่อมาเชียวพ่อคุณของแม่” คุณพิมพ์ประภาเอ่ยขึ้น ยิ้มกว้างให้บุตรชายในทันที
หัวใจของโมรินเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ในขณะหันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูงสมาร์ทที่กำลังเดินยิ้มกว้างมาทางโต๊ะที่เธอนั่งอยู่
โมรินยืนขึ้น เธอยิ้มรับเขา แต่เขากลับยกมือไหว้กล่าวทักทายบรรดาเพื่อน ๆ ของมารดาเขา ทำให้เธอรู้สึกหน้าแตกนิด ๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มเอาไว้
“สวัสดีครับคุณหญิงป้า ผมยินดีมาก ๆ นะครับที่ทุกท่านมางานวันเกิดของผม” ไม่ใช่แค่งานวันเกิดอย่างเดียว แต่เหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย อยากพาลูกสาวมาเปิดตัวให้พันไมล์ได้ทำความรู้จักด้วย เพราะพันไมล์เป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อเนื้อหอม ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลพิริยะพงศ์ไพศาล ดังนั้นบรรดาแม่ ๆ หลายคนก็หมายมั่นปั้นมืออยากให้ลูกสาวหลานสาวได้เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับตระกูลดังเช่นนี้
“พี่พันคะ” โมรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ แต่เธออยากให้ของขวัญแก่เขา จึงต้องเรียกเขาเอาไว้ ให้เขาหันมาสนใจเธอบ้าง
“อ้าว... โม” เขาทักขึ้นเหมือนเพิ่งเห็นเธอ โมรินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง รู้สึกน้อยใจวูบขึ้นมาในอก
“ของขวัญของโมค่ะ” โมรินยื่นกล่องของขวัญให้เขาด้วยมืออันสั่นเทา
“ขอบใจมากนะ มาถึงนานแล้วเหรอครับ”
“สักพักแล้วค่ะ”
พันไมล์รับกล่องของขวัญไปถือเอาไว้ ก่อนจะเรียกสาวใช้ในบ้าน ให้นำของขวัญไปวางรวมกับของขวัญกล่องอื่นๆ
โมรินหน้าเสีย อยากจะเอ่ยปากบอกให้เขาเปิดกล่องของขวัญของเธอดูก่อน แต่เขาดูห่างเหินไม่สนิทสนมเหมือนเคย เธอเลยได้แต่ทำตัวไม่ถูก
โมรินกัดปากของตัวเองเบา ๆ คิดว่าหากเขาเปิดกล่องของขวัญของเธอ แล้วเจอกับเอกสารการตั้งครรภ์ มารดาของเขาที่มีสีหน้าดูถูกเธอ คงจะฉีกอกเธอแทนที่จะดีใจ เขายังไม่เปิดมันตอนนี้ก็น่าจะดี เธอจะพยายามนำกล่องของขวัญกล่องนั้นคืนกลับมา