EP.02

1143 Words
EP.2 ประเทศไทย แปดโมงเช้าของวันอาทิตย์ อำพัน พงษ์พันธุ์ นักโบราณคดีสาวสวย ยืดกายขึ้นบิดขี้เกียจที่หน้าบ้านอย่างเมื่อยล้า ภาพตรงหน้าคือสวนดอกไม้ที่หลากหลาย ยามเช้าเช่นนี้กับธรรมชาติขนาดย่อมภายในบ้าน และกลิ่นหอมของไม้ดอกที่เบ่งบานอวดกัน นับว่ามันเป็นความสุขขนาดย่อมของหญิงสาวอีกแขนงหนึ่งนั่นเอง หากแต่ความสุขที่แท้จริงของเธอกลับเป็น การศึกษาข้อมูลของโลกตะวันออกกลาง โดยเฉพาะดินแดนทะเลทรายอันน่าหลงใหล ความใฝ่ฝันของเธอก็คือการเดินทางไปสัมผัสในดินแดนเหล่านั้น ช่วงชีวิตนี้หญิงสาวเคยไปมาแล้วในหลายประเทศ หากแต่ยังมีอีกที่หนึ่งที่เธอยังไม่เคยไปสัมผัส นั่นก็คือ ประเทศมุสตาร์ ประเทศปิดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่แสนจะแปลกใหม่ ไม่เหมือนกับดินแดนของตะวันออกกลางทั่วไป อาจจะเป็นเพราะที่นั่นเป็นประเทศปิดกระมัง ความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์ในด้านต่างๆ ของประเทศนั้นสำหรับหญิงสาวมันจึงน้อยไปด้วย หากจะเทียบกับประเทศอื่นๆ ใกล้เคียง แต่สิ่งที่หญิงสาวเคยทราบมานั้น ประเทศมุสตาร์กลับเต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั่งเดิมที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องอาหารและเครื่องประทินผิว ใช่ อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยที่ทำให้อำพันเกิดหลงใหลและอยากจะไปเยี่ยมชมดินแดนแห่งนี้สักครั้ง ถ้ามีโอกาส ร่างเรียวบางในชุดอยู่บ้านสบายๆ เดินทอดน่องไปตามทางเท้ามุ่งสู่สวนดอกไม้ของบ้าน ขณะที่เหล่าผีเสื้อและภมร แมลง ภู่ ผึ้งต่างบินตอมดอมดมเหล่าดอกไม้แข่งกับเธอ กรอบหน้าเนียนสวยเจือเคล้าไปด้วยรอยยิ้มที่สดชื่น ขณะมือเรียวบางก็เอื้อมคว้าสัมผัสเหล่าดอกไม้มาดอมดม หากความสุขในยามเช้าของเธอก็ต้องหมดลง เมื่อเสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาจากในบ้าน ชั้นแรกเธอไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเองนักหรอก ก่อนจะนิ่งฟังและแน่ใจว่าเสียงนั้นไม่ใช่ของเพื่อนบ้าน ก่อนจะรีบตะบึงเข้าไปในบ้านจนแทบจะไม่ทัน “มาแล้วจ้า มาแล้ว” สาวสวยโวยลั่น และรีบคว้าโทรศัพท์มาแนบหูก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบไป “สวัสดีค่ะ อำพัน พงษ์พันธุ์พูดค่ะ” เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานจนแทบไม่ทัน “สวัสดีครับคุณอำพัน ผมสมภพนะ” “ค่ะ ดอกเตอร์ มีธุระอะไรจะให้ดิฉันรับใช้หรือคะ” ปลายสายปล่อยเสียงหัวเราะดังมาตามสายทีหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดอกเตอร์สมภพจะต้องมีงานอะไรสักอย่างให้เธอทำอย่างแน่นอน “แหม คุณอำพัน คุณนี่รู้ทันผมตลอดเลยนะ” หญิงสาวยิ้มรับ ดวงตาคู่สวยเลื่อนมองออกไปนอกบ้านอย่างไร้จุดหมาย ก็มันนับครั้งได้นี่ที่ดอกเตอร์สมภพจะโทรมาหาเธอ และทุกครั้งก็เป็นเรื่องงานเสียมากกว่า ส่วนหูนั้นก็รับฟัง คำสั่ง ของดอกเตอร์สมภพที่สาธยายแบ่งงานให้ลูกน้องสาวไปทำอย่าง ทารุณ ปลายสายวางไปนานแล้ว หญิงสาวพาร่างสูงของตนมานั่งแปะลงบนโซฟาตัวยาวพลางคิดตาม “ผมต้องการให้คุณไปทำสารคดีเรื่องอารยธรรมของประเทศในแถบตะวันออกกลางมาสักหนึ่งประเทศ ศึกษาชีวิตพวกเขาอย่างใกล้ชิด เท่านี้หวังว่ามันคงจะไม่เกินความสามารถของคุณนะครับ คุณอำพัน” คำสั่งของดอกเตอร์สมภพดังก้องในสมอง อำพันคลี่ยิ้ม เปะเลยเจ้าค่ะ ตรงตามที่อิฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด เธอได้เดินทางอีกแล้ว กรอบหน้าสวยแดงระเรื่อ ในที่สุดเธอก็ได้มีข้ออ้างไปที่นั่น ประเทศมุสตาร์ แสงจันทร์สุขสกาวอยู่ที่ปลายฟ้าทางทิศตะวันออก ภายในห้องส่วนตัวของหญิงสาวอายุยี่สิบแปดปี อำพันทอดสายตามองล็อกเก็ตในมือด้วยหัวใจที่เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอเสียทั้งพ่อและแม่ไปกับอุบัติเหตุตอนเธออายุได้เพียงสิบห้าปีเท่านั้น มันโหดร้ายไปไหมกับการสูญเสีย จากครอบครัวที่อบอุ่นกลับต้องมีแต่ความหมองเศร้า หญิงสาวเศร้าใจอยู่เป็นนานสองนานเพราะกว่าจะทำใจได้ก็เกือบไปไม่รอดเหมือนกัน ผลการเรียนของเธอตกต่ำ พร้อมกับโลกรอบข้างที่เลวร้าย เธอไร้ญาติขาดมิตรที่พึงจะมี หากแต่ก็มีเพียงพี่ชายคนเดียวเท่านั้นที่คอยให้กำลังใจ เพียงเพชร พงษ์พันธุ์ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับเธอ ถึงจะต้องสูญเสียพ่อและแม่ หากแต่เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ เป็นหลักชัยให้กับน้องสาว และพยุงตนและน้องสาวเสมอมา บัดนี้เขามีการงานที่มั่นคง เป็นวิศวกรของบริษัทแห่งหนึ่งในอเมริกา เช่นเดียวกับน้องสาวที่ได้เข้าทำงานกับสำนักโบราณคดีแต่เพราะเธอชอบงานอิสระและชอบท่องเที่ยวเสียมากกว่า เธอจึงเป็นฝ่ายขอรับงานจากข้างนอกเพียงอย่างเดียว ภายในล็อกเก็ตในมือของหญิงสาว ตรงกลางด้านหน้าคือรูปของพ่อและแม่ สร้อยคอเส้นนี้เธอมักจะนำติดตัวทุกครั้งในการออกเดินทาง หญิงสาววางแผนครั้งนี้ว่าจะไปเยี่ยมเพียงเพชรที่อเมริกาก่อน แล้วค่อยขึ้นเครื่องจากที่นั่นกลับมาที่ตะวันออกกลาง ด้วยเหตุผลอีกข้อก็คือ เที่ยวบินที่ผ่านและเข้าประเทศมุสตาร์มีแค่ที่อเมริกาเท่านั้น และเที่ยวเดียวด้วย หากพลาดก็คือพลาดไปเลย จะต้องรอเที่ยวใหม่ในอีกสองวันกว่าเที่ยวใหม่จะเดินทาง ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง กรอบหน้าขาวเนียนเงยขึ้นมองแสงจันทร์ที่สุขสกาวอยู่ที่ปลายฟ้า พลันก็นึกถึงคำหนึ่งของคุณพ่อที่เคยพูดเอาไว้ “หากเพียงเพชรแข็งกล้าดั่งเพชรศิลา อำพันก็ย่อมจะอ่อนหวานอ่อนโยนดั่งแสงของจันทร์นวล” พ่อ เปรียบเทียบเธอกับแสงจันทร์หรือ หญิงสาวถามใจตัวเอง ถึงจะไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ หากแต่เมื่อคิดถึงมันทีไร และออกมามองแสงจันทร์ที่สุขสกาวเช่นนี้แล้ว เธอก็สุขใจไม่แพ้กัน เพราะเมื่อมองดวงจันทร์ที่ปลายฟ้าเมื่อไร มันก็เหมือนแสงจันทร์ที่มันส่องกระทบมาที่เธอคล้ายดั่งสายตาที่อบอุ่นของพ่อและแม่ในยามที่มองมาที่เธอทุกครั้ง ในยามที่เหงาคราใด ก็ได้พระจันทร์นี่แหละคอยเป็นเครื่องคลายเหงา และก็นับว่ามันคือเพื่อนคนหนึ่งของเธอนั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD