รอวันทวงคืน

1266 Words
ทุกอย่างวูบเข้ามาเหมือนเดิม ความคิด เรื่องเก่า ๆ ตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา จนปัจจุบัน ปลายฝนยังรอ รอว่าเมื่อไหร่ชายรูปร่างยักษ์คนนั้นจะกลับมาหาเธอ และตอนนี้มันก็ผ่านมาสิบสองปีแล้ว สิบสองปี ผู้ชายคนนั้นคงแก่และโตมาก แต่เนิ่นนานที่นอนนิ่ง แม้หลับตาแล้วหลับตาอีกเธอก็ไม่เห็นวี่แววเขา อะไรกันนี่ ถึงวันแล้ว ตอนนี้ก็อายุยี่สิบสี่ครบรอบปีนักษัตรแล้ว ใครจะทวงอะไรก็มาสิ มาเถอะ ฉันจะได้สบายใจสักที!! หญิงสาวนึกในใจ มือสองข้างก็ทุบที่นอนไปด้วย แต่ก็เงียบฉี่ นอกจากเสียงแอร์และเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ตอนนี้เธอไม่ได้ยินเสียงใครเลย “เฮ้อ!” ร่างเล็กลุกขึ้นถอนหายใจ และปัดผมเผ้าที่รุงรังไปข้างหลัง ก่อนจะลุกจากเตียงไปเปิดม่านเปิดหน้าต่าง และยืนรอชายกำยำคนนั้นอีกครั้ง “เมื่อไหร่จะมาคะคุณลุง มาเถอะค่ะ หนูโตแล้ว ถ้าไม่มา ลุงผิดคำสัญญานะ” บ่นเสร็จก็หน้างอคอตก เธอทำแบบนี้แทบทุกวันหลังจากครบรอบปีนักษัตรนี้ จนแล้วจนเล่าจนผ่านมาสองปี จวบจนเธออายุยี่สิบหก ตอนนี้เธอก็ยังทำ 2 ปีต่อมา ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ “ปลายฝนวันนี้หนูมีนัดสัมภาษณ์งานนะ พี่ณภัทรจะไปส่ง รีบๆนะลูกกับข้าวก็ตั้งโต๊ะแล้ว เสร็จรึยัง?” เสียงแม่ดังขึ้นหน้าประตู เรียกปลายฝนที่นอนอยู่หันไปมองทันที ใช่แม่คนนี้คือแม่บุญธรม พ่ออาจารย์หมอก็พ่อบุญธรรม และพี่ณภัทรที่ว่าก็พี่ชายต่างสายเลือดที่กำลังคบหาดูใจกับเธออยู่ “ค่ะแม่ ขอเวลาสิบห้านาทีค่ะ” ปลายฝนตอบเสียงชัด และหยัดตัวลุกมองที่หน้าต่างครู่นึง วันนี้เธอทำเหมือนเดิม คือรอชายกำยำที่จะมาทวงคืน ซึ่งรอจนอายุยี่สิบหกแล้วก็ไม่มีวี่แวว “ถ้าวันนี้ไม่มาอีกหนูไปธุระแล้วนะคะ ลุงน่ะ ทำให้หนูไม่กล้าทำอะไรเลย ไม่กล้าทำงาน ไม่กล้ารักใคร หนูกลัวลุงมาทวงวิญญาณหนู อิอิ” พูดไปพับผ้าห่มไป ถึงจะแอบเซ็งที่รอนาน แต่ก็ยังสร้างอารมณ์ขันให้กำลังใจตัวเอง ก่อนคนตัวเล็กจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงทรงเอ รวบผมเพียงครึ่ง เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ทาลิปสีชมพูจากนั้นก็ทับกับลิปกลอสอีกทีนึง เพิ่มความสดใสให้ริมฝีปากตัวเอง แต่งเรียบร้อยก็หยิบกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนพับเป็นชิ้นเล็ก จัดทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายง่าย ๆ ของตัวเอง แล้วถือแฟ้มเรซูเม่กับเอกสารการสมัครงานลงไป เมื่อถึงโต๊ะกินข้าวก็ยกมือไหว้ทุกคน เป็นธรรมเนียมประจำตัวที่ปลายฝนตั้งไว้ เพราะเธอไม่อาจคาดเดาได้ ว่าลุงกำยำคนนั้นจะพาเธอไปเมื่อไหร่ เธอจึงไปมาลาไหว้พ่อแม่บุญธรรมและพี่ณภัทรของเธอทุก ๆ วัน “แต่งหน้าสวยนะ” คนชมไม่ใช่ใคร ก็พี่ชายต่างสายเลือดที่เป็นแฟนเธอนั่นแหละ “พี่ณภัทรก็หล่อ เป็นคุณหมอที่หล่อมาก ๆ” คุณหมอศัลยกรรมประสาทยิ้มจนตาหยี เขาหล่อเหลาดูดีเกินกว่าจะเป็นหมอซะอีก ก็แหม... พยาบาลจีบคนไขัจีบเป็นว่าเล่น ถ้าไม่มีปลายฝนเป็นเจ้าสาวในอนาคต ป่านนี้เขาคงแต่งงานมีลูกมีเต้าไปแล้ว เพราะอายุอานามก็ปาไปสามสิบ ใจเรียนจบอยากแต่งงานทันที แต่ก็ติดที่ยัยปลายฝนคนนี้ยังไม่แน่ใจในตัวเอง เธอไม่แน่ใจว่าเธอรักพี่ณภัทรเธอแบบไหน? เห็นหน้ากันทุกวันโตมาด้วยกัน เธออาจจะแค่ผูกพันกันก็ได้ และที่สำคัญสุด เธอไม่แน่ใจ ว่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ เธอถึงได้รอชายกำยำทุกวี่ทุกวัน “ณภัทรก็จบเฉพาะทางแล้ว ปลายฝนอยากทำงานอีกกี่ปีลูก แต่งเลยไหม? จะได้ย้ายไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้เลย” ปลายฝนนิ่งเงียบ ไม่กล้าอ้าปากตอบตกลงกับพ่อบุญธรรมไป ก่อนจะใช้สายตาเหล่มองว่าที่เจ้าบ่าวที่นั่งใกล้ ๆ เพื่อให้เขาตอบแทน “ให้น้องลงตัวกับงานก่อนครับพ่อ แต่งเมื่อไหร่ก็ได้ เราอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตอยู่แล้ว” คนเป็นพ่อเป็นแม่หันไปยิ้มให้กัน เมื่อมองเห็นความรักในแววตาลูกชาย แต่ปลายฝน เธอมองเป็นอีกอย่าง เธอไม่ได้มองเห็นความรักในเชิงหนุ่มสาวเลย เธอกลับมองว่ายังไงก็พี่ชาย พี่ชายของเธอ และถ้าต้องตบแต่งก็แต่งตามหน้าที่เท่านั้น และที่เออออ อยู่ทุกวัน เธอไม่อยากขัดใจพ่อแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเธอ อีกอย่างพี่ชายต่างสายเลือดก็เป็นคนดี ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก ใจก็แอบภาวนาเล็ก ๆ ให้หมอณภัทรเจอผู้หญิงที่ชอบ ๆ สักที เธอจะได้ไม่ลำบากใจเวลาล้มหายตายจากกัน เหมือนที่ระแวงอยู่ทุกวันนี้ หลังกินข้าวเช้าเสร็จ หมอณภัทรก็ขับรถมาส่งปลายฝนที่บริษัทจิวเวลรี่ชื่อดัง ที่เธอยื่นใบสมัครไว้ในตำแหน่งเลขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเธอถูกจริตอะไรบริษัท เขาถึงเรียกเธอสัมภาษณ์งาน ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจแค่ยื่นมันผ่าน ๆ และสมัครเล่นเท่านั้น เพราะปลายฝนไม่รู้จะทำงานไปทำไม เกิดทุ่มเทเต็มที่เงินเดือนเต็มขั้น คนกำยำคนนั้นกลับมาเอาตัวเธอไป งานเธอที่ทำไว้คงเสียเปล่า “ตั้งใจนะ สู้ ๆ” ปลายฝนยิ้มแล้วหยิบแฟ้มกอด ก่อนจะยกมือไหว้หมอณภัทรและก้าวขาลงจากรถ เมื่อเห็นบริษัทจะว่าตื่นเต้นก็ไม่ จะว่าชิวก็ไม่ มันครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ไหน ๆ เขาก็เลือกเธอแล้ว เธอก็จะทำให้ดีที่สุด ปลายฝนจึงปัดกระโปรงแต่งตัวให้เรียบร้อยอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อขอบัตรเข้าสัมภาษณ์กับผู้บริหารโดยตรง “สัมภาษณ์งานที่นัดไว้? งั้นตามดิฉันมาค่ะ ยังไงรอหน้าห้องก่อนนะคะ คุณลิลินยังไม่มา” ลิลิน ผู้บริหารเป็นผู้หญิงเหรอ? ปลายฝนขึ้นลิฟต์ด้วยความงุนงง แอบยกนาฬิกาข้อมือดูตอนนี้ก็จวนสิบครึ่ง ทำไมผู้บริหารยังไม่มา? เป็นผู้บริหารเข้างานสายได้เหรอ? “ขอโทษนะคะ ปกติผู้บริหารที่นี่เข้างานกี่โมงคะ?” ปลายฝนถามแล้วยิ้มเจื่อน ๆ แต่ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ยิ้มแบบนั้น! พนักงานสาวคนสวยก็ยิ้มเจื่อน ๆ เช่นกัน “แฮ่... ตามอารมณ์ค่ะ อารมณ์ดีมาเร็ว อารมณ์เสียไม่มาก็เคย” ปลายฝนพยักหน้า แต่ในใจแอบคิด ว่าเธอสมัครงานเป็นเลขาของคนแบบนี้เหรอเนี่ย? ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์? เป็นเจ้าคนนายคนได้ยังไง? “เอ่อ อะไรบ้างคะ? ที่ทำให้ผู้บริหารอารมณ์เสียและไม่พอใจ ดิฉันจะได้ระวัง” พนักงานสาวมองไปที่ตัวเลขตรงแผงลิฟต์อีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาตอบยิ้ม ๆ ว่า… “ไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่มีอะไรทำให้คุณลิลินอารมณ์เสียได้ นอกจากผู้ชาย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD