“เอกสารค่ะ”
“ขอบใจจ่ะ” อารีเอ่ยขึ้นเสียงเบาทั้งๆ ที่พึ่งอกหักแต่ก็ต้องมาทำงานเพราะลาหยุดไว้แค่วันเดียวนี่แค่เธอหยุดไปวันเดียวงานค้างก็มากองเต็มโต๊ะเสียแล้วแม้ใบหน้าจะไม่พร้อมยิ้มให้ใครทั้งนั้นแถมยังต้องโบกหน้าปกปิดรอยแดงรอยช้ำใต้ตาอีกเรียกได้ว่าพลังในการทำงานวันนี้แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้
“อีก10นาทีประชุมฝ่ายอีเว้นท์นะคะ” ร่างบางเอ่ยบอกพนักงานฝ่ายอีเว้นท์ก่อนจะเดินไปเตรียมของต่างๆ ภายในห้องประชุมโดยมีสายตาของโรมันมองดูเงียบๆ ตั้งแต่เช้าที่ร่างบางเข้ามาทกทายเหมือนปกติแต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่เธอเหมือนคนที่โดนสูบวิญญาณไม่สดใสเหมือนวันก่อนๆ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูทำเอาร่างสูงต้องดึงสติกลับมาเขามองร่างบางของเลขาสาวที่เคาะประตูกระจกก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องประชุมเขาจึงพยักหน้ารับตอบกลับไปการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะมีอารีคอยเสนอแนะอยู่ตลอดเจ้าของบริษัทอย่างเขาก็มีหน้าที่เพียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเท่านั้นเลขาของเขาเป็นคนเก่งมีความสามารถเกินกว่าหน้าที่ของเลขาซึ่งนับได้ว่าเขาโชคดีมากที่ตัดสินใจเลือกเธอมาในวันนั้น
“ต่อไปมีนัดทานข้าวกับคุณยามาดะผู้บริหารของทางญี่ปุ่นค่ะ”
“อืม” โรมันตอบรับเสียงเรียบก่อนจะเตรียมตัวออกไปข้างนอกโดยที่ร่างบางก็เตรียมตัวด้วยเช่นกัน
“ผมจะไปคนเดียว” อารีมองร่างสูงก่อนจะขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยินเธอเป็นเลขาแน่นอนว่ามันไม่ใช่การกินข้าวธรรมดาๆ แต่มันเป็นนัดที่พูดคุยกันถึงเรื่องธุรกิจยังไงก็ต้องมีเธอไปด้วยอยู่แล้ว
“ทำไมหรอคะ?” ร่างบางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ดูสภาพตัวเองมันเหมาะกับการเดินข้างผมรึเปล่า” ร่างสูงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะปรายตามองอีกฝ่ายทำเอาร่างบางถึงกับหน้าเสียแต่สุดท้ายก็ส่งยิ้มอ่อนให้เขาแทน
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษค่ะคุณโรม” อารีเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมก่อนจะเอาของทุกอย่างเก็บไว้ที่เดิมและนั่งลงทำงานตามปกติโรมันถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาคิดว่าตัวเองอาจจะใช้ประโยคผิดไปเพราะที่จริงแล้วเขาเพียงแค่เป็นห่วงเพราะดูเธอเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงเลยไม่อยากให้ออกไปไหนแต่เพราะไม่รู้จะแสดงมันออกไปยังไงเลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น
แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องเดินไปแก้ต่างหรืออธิบายแต่อย่างใดเพราะอีกฝ่ายก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งไม่ได้สำคัญมากมายต่อชีวิตเขา
“แกเห็นพี่อารีวันนี้ป่ะ สภาพเหมือนคนอกหักเลย” โรมันยืนฟังพนักงานที่อยู่ด้านหน้าลิฟท์เงียบๆ ทั้งสองยังคงเม้าท์มอยกันสนุกปากโดยไม่รู้เลยว่าเจ้านายของตัวเองยืนอยู่ด้านหลังแต่เขาก็ไม่ได้แสดงตัวแต่อย่างใดเพราะตัวเองก็อยากรู้บ้างเหมือนกัน
“ใช่หรอ? ..เพราะงานหนักรึเปล่าแกก็ดูสิคุณโรมทิ้งงานไว้ให้ตั้งกี่งาน”
“ถ้าฉันมีเจ้านายแบบนี้ฉันทนไม่ไหวหรอกคิดว่าพวกเราเป็นเครื่องจักรรึไงที่ถ้าเสียบปลี๊กไว้แล้วจะใช้ได้ทั้งวันทั้งคืน” ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเบาๆ กับการโดนด่าซึ้งๆ หน้าแม้จะหงุดหงิดและอยากเชิญเธอคนนี้ไปเซ็นใบลาออกในวินาทีนั้นเลยได้ตาม
“ฉันมั่นใจแก…เมื่อวานฉันเข้าไปดูหน้าเฟสของพี่อารีมาเขาลบรูปแฟนตัวเองออกหมดเลยแถมยังถอดสถานะทิ้งอีกด้วยไม่เชื่อแกดูนี่” หญิงสาวเอามือถือให้อีกฝ่ายดูดีที่เขาตัวสูงเลยเห็นรางๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขารู้ว่าเลขาของตัวเองมีแฟนที่คบกันมานานอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“อะไรอ่ะแล้วพี่อารีพึ่งรีโพสต์รูปวันครบรอบเมื่อช่วงสายแต่ช่วงเย็นก็คือเลิกกัน” หญิงสาวคนที่สองเอ่ยขึ้นอย่างอึ้งๆ
“เลิกกันวันครบรอบแม่งแย่ที่สุดแล้วอ่ะ สงสารพี่อารีจัง”
ติ้ง!
เสียงของลิฟท์ดังขึ้นร่างสูงทำการเดินผ่ากลางของทั้งคู่ไปซึ่งทั้งสองที่โดนอีกฝ่ายกระแทกไหล่ก็เตรียมที่จะด่าแต่พอรู้ว่าเป็นใครก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้
“จะเข้าไหม” ร่างสูงเอ่ยถามสายตาจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองที่ยังยืนอยู่หน้าลิฟท์ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“ชะเชิญคุณโรมไปก่อนเลยค่ะแหะๆ ^^” หญิงสาวทั้งสองต่างผายมือให้เขาร่างสูงจึงกดปิดลิฟท์ทันทีแต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตให้ทั้งสองที่บังอาจมานินทาเขาแบบนี้โรมันหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าโปรไฟล์ของอารีก่อนจะกดเข้าไปดูรูปและพบว่าเหลืองเพียงรูปภาพเดี่ยวๆ ของเธอไม่กี่รูปเท่านั้นซึ่งคงจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่ได้ยินมาอีกทั้งเมื่อวานเจ้าตัวก็ร้องไห้ออกมาเจอเขาด้วย
หลังจากประชุมกับคุณยามาดะเรียบร้อยร่างสูงก็กลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้งแน่นอนว่าพนักงานต่างพากันกลับบ้านกันหมดแล้วเหลือก็แต่ดวงไฟเล็กๆ ที่เปิดอยู่ซึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของใคร
“กลับมาแล้วหรอคะ” อารีเอ่ยทักเธอถอดแว่นสายตาออกก่อนจะยืนขึ้น
“อืม..ผมมีเอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติอีกสองสามรายการอารีช่วยตรวจสอบความถูกต้องให้ผมหน่อยสิ” ร่างสูงเอ่ยบอก
“เอ่อแต่นี่มัน3ทุ่มแล้วนะคะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นที่จริงเธอเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จงานทั้งหมดแล้วก็กำลังจะกลับแล้ว
“อือ แล้วยังไง” อารีมองใบหน้าหล่อที่ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใดเธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวดิฉันตามเข้าไปค่ะ”
“อืมรีบมาล่ะผมไม่อยากกลับบ้านดึก” ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไปที่จริงเขาตรวจสอบเอกสารเองหมดแล้วแต่ที่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เลขาตัวเองรีบกลับบ้านไปจมปลักกับเรื่องการเลิกลาเลยโยนงานให้เธอทำแทนซึ่งผิดกับอารีที่ตอนนี้ความอดทนในการใช้แรงงานเกินกว่าเหตุกำลังจะหมดลงเสียแล้ว
เป็นวิธีแสดงความเป็นห่วงที่แย่มากค่ะ55555
อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ