“ปู่คะ ปู่ฟื้นสิ ฉันรอปู่อยู่นะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเหม่อลอย “อย่าทิ้งฉันไปเลยนะคะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว” ตอนนี้เธอได้แต่อ้อนวอนกับร่างที่เย็นเฉียบของปู่ตนเอง
ทำไมทุกอย่างนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับตัวเองไม่หยุดหย่อน หลันถังมึนงงเหมือนไม่ได้สติและไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย
บ้านเธอมีอะไรนักหนา พ่อแม่ก็ไม่ใช่คนร่ำรวย ปู่ก็ไร้มรดกใด ๆ ทำไมถึงตกเป็นเป้าหมายของคนอื่น หรือเพียงเพราะใบหน้านี้งั้นเหรอ ใบหน้าที่เป็นบาปนี้?
ตัวของหลันถังมีใบหน้าสวยงามโดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไร รูปร่างหน้าตาของเธอเทียบได้กับหญิงงามอันดับหนึ่งของหอจิ้งฮวาที่โด่งดังที่สุดในปักกิ่งตอนนี้
หอแห่งนั้นก็ไม่ได้ต่างจากหอนางโลมในยุคโบราณ เพียงแต่ตอนนี้ขายแต่ศิลปะขับร้องเล่นบทเพลงเพื่อผ่อนคลายให้คนใหญ่คนโตในเมือง
หญิงสาวที่สวยที่สุดในหอนั้น หากพูดแล้วก็ยังดูดีน้อยกว่าหลันถังเล็กน้อย เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงมักสวมหมวกปีกกว้าง และสวมเสื้อถังจวงคู่กับกางเกง แทนที่จะสวมกี่เพ้าเหมือนหญิงสาวทั่วไป แม้ในบ้านจะมีชุดกี่เพ้าอยู่ก็ตาม
“หากเป็นเพราะแบบนั้นจริง ๆ ฉันก็จะฆ่าคู่หมั้นคนนั้นเสีย!”
“นายท่านหลัน เสียแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลันถังสะดุ้งสุดตัวก่อนหันไปมอง
ใบหน้าของเธอซีดเผือดราวกับดอกกุหลาบที่โดนหยดน้ำเกาะ ไม่ได้ทำให้ความงดงามน้อยลงเลย
ชายมีอายุยืนอยู่ด้านหลังในเสื้อถังจวงสีขาวกางเกงดำ ถอดแว่นตาที่มีหยดน้ำมาเช็ดด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาว ก่อนสวมมันอีกครั้งแล้วจ้องมองหลันถังที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“คุณหนูหลันสวยงามเกินไปจริง ๆ มิน่านายท่านหลันถึงได้ปกป้องคุณไว้ขนาดนี้”
“คุณหมอกู้” หลันถังได้ยินอย่างนั้นก็รีบใช้ผมหน้าม้าที่เปียกเป็นแพปิดหน้าปิดตาตนเองเอาไว้ ก่อนลอบมองเขาผ่านม่านผม
“หากไม่ใช่เพราะคุณหนูหมั้นกับสกุลจ้าวของหัวหน้าจ้าวแล้ว ผมคิดว่าคงมีการแย่งชิงจนเกิดการหลั่งเลือดขึ้นในปักกิ่งแน่ ๆ เนื่องจากสาวงามย่อมนำพาความวุ่นวายมาด้วยทุกยุคสมัย เหมือนอย่างเจ้าแม่หอจิ้งฮวานั่นไงล่ะ”
“คุณหมอกู้ คุณช่วย …ช่วยดูคุณปู่”
หลันถังไม่อยากฟังอะไรนอกจากช่วยปู่ของตน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วขอร้องหมอวัยกลางคนให้ช่วยดูปู่ของตัวเอง แม้จะรู้ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
แต่บางทีเธออาจจะจับชีพจรผิดไปเพราะเธอไม่ใช่หมอ ต่อให้มีความหวังหลงเหลือเพียงเสี้ยววินาที หลันถังก็พร้อมที่จะทำ เพื่อช่วยให้ปู่ของตนกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
“สายไปเสียแล้วครับคุณหนู เวลานี้นายท่านหลันเสียชีวิตแล้วจริงๆ จากที่เห็นนายท่านตัวแข็งไปแล้ว ไม่หายใจเลยตั้งแต่ผมเดินเข้ามา เสียใจด้วยคุณหนู ผมว่าตอนนี้ทางที่ดีคุณควรจัดการบ้านให้เรียบร้อยและจัดงานศพให้นายท่านหลันก่อนดีกว่านะ”
หมอกู้แม้จะสงสารในชะตากรรมของตระกูลหลัน แต่ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้าต่อ จึงเอ่ยเตือนเรื่องเตรียมบ้านและจัดงานศพให้กับนายท่านหลัน
ซึ่งเวลานี้ในใจหลันถังนั้นมีแต่ความแค้น จะมีความคิดที่จะจัดบ้านได้อย่างไร
“ทำไม! ทำไมต้องเป็นปู่ ทำไมพวกเขาต้องจองล้างจองผลาญฉันกับปู่ด้วย ปู่บอกว่าถ้าฉันแต่งงานกับสกุลจ้าวเราก็จะปลอดภัย แต่พวกเขาก็ยังไม่รามือ” เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลันถังกำมือแน่นด้วยความแค้นใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะทำให้ตนไม่เหลือใครเลยในครอบครัว
“นั่นเพราะนายท่านหลัน…” หมอกู้ส่ายหน้าน้อย ๆ พูดไปก็เหมือนเป็นการใส่ร้ายกัน ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรพวกตำรวจคงจะไม่มายุ่งกับตระกูลหลันหรอก แต่น่าเสียดายเนื้อชิ้นใหญ่นี้ดันเผยเบาะแสบางอย่างออกมา
แต่ครั้งนี้ทำถึงขนาดนี้แล้วก็ยังหาสิ่งที่ตามหาไม่เจอ คนพวกนั้นคงไม่กล้ายุ่งกับสกุลหลันอีกแล้วละ เพราะเพียงเท่านี้ก็เป็นการหยามหัวหน้าจ้าว เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจอีกหนึ่งนายมากไปแล้ว
“แต่หลังจากนี้คุณหนูหลันคงจะปลอดภัยจริง ๆ แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”
“ฮ่า ๆ ๆ หมอกู้คิดเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเขากำลังหาอะไรกันแน่ นี่คือสิ่งฉันไม่เข้าใจเลย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่คะ ทำไมทั้งพ่อแม่ ทั้งปู่ต้องตายอย่างไม่ยุติธรรม”
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลันถังเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เธอเคยมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ สงบ และมีความสุข ภาพที่เกิดขึ้นในวันวานยังคอยตามปลอบประโลมจิตใจ ที่กำลังบอบช้ำได้จนถึงทุกวันนี้
แต่แล้วใครจะคิดกันละว่าเธอราวกับตกจากที่สูง สู่ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ไปแล้ว ไม่มีแสงสว่างอยู่เบื้องหน้าเธออีกต่อไป
“เสียใจด้วย” เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว หมอกู้จึงได้แต่นิ่งเงียบ หากเป็นเขาที่พบเจอเรื่องร้าย ๆ แบบนี้ไม่หยุดหย่อน คงทำให้แทบจะเสียสติไปเหมือนกัน
เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง หลันถังจึงคุกเข่าลงอย่างหมดท่า และยอมรับได้แล้วว่าปู่ได้จากเธอไปแล้วจริงๆ
“หมอกู้ ช่วยฉันทำศพปู่หน่อยนะคะ ได้โปรด”
“นี่เป็นเรื่องที่ผมควรทำเพื่อนายท่านหลัน” หมอกู้เป็นหมอประจำบ้านของตระกูลใหญ่ เขาไม่กลัวว่าพวกตำรวจจะมาหาเรื่องตัวเองหากยุ่งเรื่องนี้
โดยปกติแล้วไม่มีใครกล้ายุ่งกับครอบครัวที่โดนตำรวจเล่นงานเพราะเกรงว่าพวกตนเองจะพาลซวยไปด้วย แต่ก็มีบางคนที่เป็นข้อยกเว้น อย่างเช่นคนจากเครือข่ายตระกูลใหญ่อย่างหมอกู้
หลันถังโขกหัวขอบคุณหมอกู้อยู่นาน ทั้งสองช่วยกันขนศพของนายท่านหลันไปยังสุสานตระกูลหลันซึ่งอยู่นอกเมือง
จากนั้นหลันถังก็กลับบ้านสวมชุดขาวดำเพื่อไว้อาลัยให้ปู่ เธอหันมองหมอกู้ที่ตามมาส่งและกำลังจะกลับไป
“หมอกู้ ฉันควรทำยังไงต่อไปดี ฉันควรไปแจ้งตำรวจดีไหม พวกเขาทำร้ายปู่จนตาย พวกเขาเป็นฆาตกร”
เมื่อนึกถึงการใส่ร้ายว่าพ่อแม่ของเธอเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม เพียงเท่านั้นกลับทำให้พวกท่านโดนทรมานจนตาย!
หลันถังรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย ทั้งที่ฆาตกรตัวจริงกลับลอยนวลอยู่ตรงหน้า แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย
“คุณหนูหลัน เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
หมอกู้พยายามเตือนสติหลันถัง หรือที่เขาเรียกว่าเธอคุณหนูหลัน หากเรื่องนี้หญิงสาวไปแจ้งตำรวจ เรื่องราวมันจะบานปลายยิ่งกว่านี้นะสิ ไม่แน่ว่าตระกูลหลันอาจจะไม่เหลือใครอีกเลย อย่างน้อยเวลานี้ควรรักษาชีวิตไว้
“มันไม่ยุติธรรมเลยนะหมอกู้ พวกนั้นเป็นฆาตกรมีคนมากมายเห็นพวกเขามาอาละวาดขุดสนามบ้านฉันจนเละเทะ ในวันที่ปู่ตาย”
หลันถังเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจและยังคงไม่ยินยอมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในใจนั้นพยายามคิดหาทางแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยตัวคนเดียว จะเอาแรงที่ไหนไปสู้หรือเรียกร้องความเป็นธรรมกันละ
“แต่คนพวกนั้นที่คุณกล่าวถึง เขายินดีที่จะมีเรื่องกับตำรวจเพื่อช่วยคุณจริง ๆ งั้นเหรอ หากออกมาเป็นพยานก็เท่ากับมีเรื่องกับตำรวจ ไม่มีใครอยากซวยไปด้วยและกลายเป็นอีกศพหรอกนะคุณหนูหลัน เรื่องนี้คุณก็รู้ดี”
“...” หลันถังอยากตะโกนถามว่า ‘แล้วเราจะต้องทนโดนกดขี่ไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน!’
ในขณะเดียวกันหมอกู้ในชุดถังจวงสีดำทั้งชุด ยกนิ้วขึ้นมาทับบนริมฝีปากเอาไว้เพื่อบอกว่าห้ามพูดออกมา ไม่ว่าจะคับแค้นใจแค่ไหนก็ห้ามพูดออกมาเด็ดขาด!
และนี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีอำนาจอะไรเลยสามารถทำได้