บ้านสองชั้น ที่เคยตั้งตระหง่าน เวลานี้กลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมายบุกเข้ามารื้อค้นจนแทบไม่เหลือเคล้าเดิม หญิงสาววัยแรกแย้มในเสื้อถังจ้วง ที่ออกแบบมาสำหรับหญิงสาว วิ่งเข้าไปหาร่างของผู้เป็นปู่ซึ่งนอนอยู่บนพื้นทันที พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ปู่! พวกแกทำอะไรปู่ฉัน”
“อะไรกัน! ใครปล่อยให้เด็กนี่เข้ามา ลากมันออกไป”
ชายในชุดเครื่องแบบตำรวจ ท่าทางดั่งหัวหน้าสั่งงานลูกน้องรอบข้าง พวกเขารีบมาลากแขนหญิงสาวออกจากทางเจ้านาย
แต่เพราะเจ้าตัวดิ้นต่อสู้อย่างสุดแรงทำให้ยากที่จะจัดการได้ สุดท้ายนายตำรวจคนนั้นจึงใช้ความรุนแรงโยนร่างเล็ก ๆ แทนนั่นจึงทำให้หญิงสาวล้มลงจนหัวกระแทกกับโต๊ะไม้ สำหรับวางแจกันประดับอย่างแรง
เพล้ง! แจกันตกลงมาแตกกระจายบนพื้น ก่อนเผยให้เห็นแหวนทองคำที่อยู่ท่ามกลางก้อนหินและน้ำในแจกันหล่นกระจายทั่วพื้น
“พวกสายลับมันเก็บทองไว้จริง ๆ ค้นในบ้านให้หมด!” คนเป็นเจ้านายเอ่ยสั่งอย่างเด็ดขาด เมื่อพบว่าทองที่อยู่ภายในแจกันกระเบื้องเคลือบมีเพียงแหวนชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น
“ครับ!!” เมื่อได้รับคำสั่งผู้เป็นหัวหน้า ลูกน้องจึงรีบไปทำตามทันที ไม่นานก็กลับมารายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำมา
“บ้านหลังนี้ถูกรื้อค้นจนทั่วแล้วครับ ไม่พบห้องลับหรือแจกันอื่นอีกครับ”
“ไอ้นี่คืออะไร” ชายที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าชี้ไปทางกระโถน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำหรับใช้ใส่ของเสีย ลูกน้องทำหน้าเหม็นและมีอาการพะอืดพะอมขณะตอบ
“กระโถนครับ”
“โยนมันลงพื้น!” ชายที่เป็นหัวหน้าสั่งการ โดยไม่มองหน้าลูกน้องเลยว่าเป็นอย่างไร
“ครับ!”
ทางด้านลูกน้องได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อได้รับคำสั่งของคนที่เป็นเจ้านาย ก่อนจะโยนกระโถนลงพื้น เมื่อมันแตกกระจายก็พบว่ามีของเสียค้างอยู่ด้านในเล็กน้อย และส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง
ทว่าทองที่พวกเขาตามหานั้นไม่พบเจอ แต่ได้รับทองแบบอื่นมาแทนทำให้หัวหน้าตำรวจถึงกับหน้าดำด้วยความโกรธ
“ขุดสวนมันลงไปหนึ่งฉื่อ ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลพวกคนทรยศ จะไม่มีความมั่งคั่งสั่งสมเอาไว้จริงๆ”
ได้ยินคำสั่งแบบนั้นเหล่าตำรวจก็ต้องหยิบเครื่องมือคนละไม้ละมือเพื่อช่วยกันทำงานให้เสร็จตามคำสั่ง
ไม่นานเสียงเม็ดฝนขนาดเล็กใหญ่ก็กระหน่ำเทลงมา น้ำเริ่มนองบริเวณหลุมที่ขุดจนเหล่าตำรวจถอดใจ อดส่งเสียงบ่นกับสหายที่กำลังขุดหลุมอยู่ข้างกันไม่ได้
“พวกนี้จะทำอะไรกันนักกันหนา บ้านนี้จะยังมีอะไรอยู่อีกในเมื่อพวกเขาแค่คนนอกรีตธรรมดา”
“ตระกูลนี้เคยยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คนจะสงสัยว่ามีขุมทรัพย์เหลืออยู่ก็ไม่ได้ประหลาดอะไร”
“ฉันกลับคิดว่ามันยังแปลก ๆ อยู่ดี แทนที่จะสงสัยคนในชาติว่าทรยศ…”
นายตำรวจที่พูดมองหน้าสหายก่อนจะหยุดพูด พวกเขาสบตาอย่างรู้กัน โดยไม่ต้องพูดความหมายภายในออกมา
หากพูดออกไปมีหวังอาจโดนเพ่งเล็ง หรือแย่สุดคือโดนฆ่าทันทีด้วยข้อหาว่าเป็นพวกนอกรีตหรือคนทรยศก็เป็นได้ ดังนั้นแม้จะรู้กันแต่ก็ยังคงต้องทำตามคำสั่งชั่วช้าของคนเหล่านี้และช่วยพวกมันรังแกชาวบ้านตาดำ ๆ เพียงเพื่อเอาตัวรอด
แต่ก็ยังมีตำรวจมากมายที่พอใจกับอำนาจในมือของตนเองตอนนี้จนไม่สนถูกผิด ซ้ำยังใช้มันเพื่อรังแกสหายร่วมชาติ ช่วยเหลือคนต่างชาติอย่างไม่รู้จักอาย
“ขุดหมดรึยัง!”
“ขุดหมดแล้วครับ”
เสียงตอบกลับจากลูกน้องทำให้นายตำรวจหัวเสีย เขาเดินไปใกล้หญิงสาวที่นอนสลบไม่ได้สติแล้วจ้องมองเรือนร่างสาวงามอย่างนึกเสียดาย
“พวกตระกูลหลันลงมือเร็วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคุณหนูหลันคนนี้ก็ถือว่าเป็นดอกไม้งามที่น่าเชยชมไม่น้อย”
ชายร่างใหญ่ถอนหายใจ ละมือจากร่างงามอย่างแสนเสียดาย เดินออกจากบ้านสกุลหลังโดยไม่สนใจว่าการมาของพวกมันก่อความเสียหายแบบใดไว้
บ้านปูนสองชั้นที่มีสนามหน้าบ้านเล็ก ๆ นี้เป็นบ้านของสกุลหลัน เดิมมีพ่อแม่ ลูกสาว และปู่ อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงสองคน ซึ่งหลันถังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของตัวเองกันแน่
เธอเคยเป็นลูกสาวที่พ่อแม่รักใคร่ดูแลราวกับไข่ในหิน แต่แล้ววันหนึ่งพ่อแม่ก็โดนใส่ร้ายจากคนรู้จักที่คุ้นเคยซึ่งเป็นคนจากสกุลจ้าวที่มียศตำแหน่งสูงส่ง
ชายชั่วคนนั้นใส่ร้ายว่าพ่อแม่ของเธอเป็นพวกนอกรีต คิดเป็นสายลับให้กับกลุ่มต่อต้าน แล้วยังมีส่วนร่วมกับการฆาตกรรม
หากใครบนโลกนี้สมควรถูกเรียกว่าฆาตกร ก็คงจะเป็นพวกชั่วร้ายเหล่านี้ที่บีบจนคนต้องตายหลายสิบหลายร้อยคน โดยไม่สนใจเลยว่าพวกมันจะเหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีของคนไปมากเพียงใด
หากพวกมันอยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างนั้น กล่าวอ้างว่ามาเพื่อสันติ ทำเพื่อประชาชน แต่สุดท้ายก็บีบคั้นให้คนไม่มีทางสู้ ทำร้ายประชาชนที่พวกเขาบอกว่าปกป้อง
หลันถังไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมจึงเกิดมีคนต่อต้านขึ้น หากเป็นเธอก็คงจะต่อต้านเหมือนกัน
นอกจากนี้สงครามยังคงรุนแรง ทำไมถึงไม่มีใครสนใจตรงนั้น พวกตำรวจกลับอาศัยจังหวะนี้เพื่อกดขี่ประชาชน คงมีทางเดียวคือต้องมีคนในครอบครัวเป็นตำรวจ หรือไม่ก็ทหาร พวกเขาถึงจะมีความเกรงใจ และให้เกียรติอยู่บ้าง
แต่เมื่อเป็นประชาชนธรรมดา ก็ทำราวกับว่าพวกเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เธออยากหนีไป หากย้อนกลับไปได้หลันถังจะรีบพาพ่อแม่หนีไปจากที่นี่ ลงใต้ไปให้สุดเหมือนอย่างที่ครอบครัวอื่นๆ ทำกัน
หรือหากแม้ย้อนกลับไปนานไม่ได้ เธอก็อยากขอแค่โอกาสได้ช่วยเหลือปู่จากมือชั่วร้ายของพวกตำรวจเพียงครั้งเดียว เธออยากพาปู่หนีไปแม้จะเหลือกันอยู่แค่สองคนก็ไม่เป็นไร
น่าเสียดาย ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีการย้อนเวลา
เวลายังคงไหลต่อไปข้างหน้า โดยที่เด็กสาวตัวน้อยที่ถักเปียสองข้างคนหนึ่งไม่สามารถทำอะไรได้เลย
และเมื่อร่างเล็กของหญิงสาวในเสื้อถังจวง มัดผมเปียสองข้างลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อโดนแสงแดดแยงตา เธอก็รีบถลาเข้าไปดูร่างของปู่ทันที
ร่างนั้นแข็งทื่อเย็นชาจากฝนที่ตกเมื่อคืน หลันถังรีบพลิกร่างปู่ตนเองกลับมา ใบหน้าของเขามีรอยช้ำ เมื่อเอามือทาบดูลมหายใจก็พบว่า…สายไปเสียแล้ว
“ฮึ่ก ปู่คะ ฮึ่ก ปู่”
ใบหน้างดงามอาบไปด้วยน้ำตา เวลานี้น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียญาติใกล้ชิดที่เหลือเพียงคนเดียวในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้หญิงสาวหมดเรี่ยวแรง
เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างไร้วิญญาณของปู่ ญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งเม็ดฝนเริ่มหยดลงมาอีกครั้ง
หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้นปูนเย็นๆ เดินโงนเงนออกจากบ้านโดยไม่สนใจจะปิดประตูด้วยซ้ำ เมื่อชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาสังเกตเห็นความวุ่นวายก็ชะโงกหน้าเข้าไปมอง พบว่าสวนหน้าบ้านหญิงสาวโดนขุดจนหมดก็ปิดปากซุบซิบ
“เกิดอะไรขึ้นกับสกุลหลันอีกแล้ว คราวก่อนก็พ่อแม่ มาคราวนี้...”
“จะอะไรได้อีกค่ะ สกุลหลันคงทำเรื่องอะไรอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาได้อย่างไรกัน แล้วดูสภาพดินหน้าบ้านสิ เละเทะคล้ายกับเจ้าหน้าที่พวกนั้นกำลังขุดหาอะไรอย่างนั้นแหละ”
เมื่อมีคนที่หนึ่งเอ่ยขึ้น คนที่สองที่สาม ก็เริ่มซุบซิบขึ้นมาอีกใครจะคิดกันละว่าบ้านสกุลหลันที่เคยรุ่งเรือง บัดนี้กลับเหลือเพียงเศษฝุ่น ทั้งโดนเหยียดหยาม ทำร้าย คุกคามจากเหล่าตำรวจ หลานสาวเพียงคนเดียวก็เหมือนไร้สติไปแล้ว
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเดินมานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่หน้าสถานีตำรวจแล้ว
แต่เดิมที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่พึ่งพาได้ แต่หลังเกิดสงครามกลางเมือง การเมืองเปลี่ยนฝักฝ่ายหลายครั้ง ความมั่นคงของชาติระส่ำระสาย สถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นนรกบนดินสำหรับประชาชนตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถหวังพึ่งพวกเขาได้อีกต่อไป อีกทั้งยังต้องคอยภาวนาไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเป้าหมายของพวกเขาในสักวันหนึ่ง
สุดท้ายหลันถังก็ไม่มีที่ไปนอกจากเดินย้อนกลับมาที่บ้านของตนเอง พบว่ามีหลายคนเข้ามาและก่อความวุ่นวาย อาศัยจังหวะนี้หยิบข้าวของในบ้านหลายอย่างไป เธอไม่ได้สนใจอย่างอื่นแต่เดินไปนั่งลงตรงข้างร่างไร้วิญญาณของผู้ที่ได้ชื่อว่ามีเป็นปู่ของตนเอง