ธนินมองกานต์ที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากฤทธิ์ของไข้และยา เขานั่งลงข้างเตียงอย่างระมัดระวัง ถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
การสัมผัสของเขาที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกถึงความร้อนแรงและความรู้สึกที่คับข้องใจ แต่เมื่อเห็นกานต์หลับไปอย่างสงบ ธนินรู้สึกได้ถึงความโล่งใจ แม้จะยังคงรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เขาพยายามจะควบคุม แต่ในที่สุดสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้กานต์รู้สึกดีขึ้นและปลอดภัย
เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างเตียงหยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดเบาๆ ที่หน้าผากของกานต์ เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย จากนั้นเขานั่งลงอีกครั้ง มองดูใบหน้าของกานต์ที่ตอนนี้สงบและผ่อนคลาย
ธนินรู้สึกว่าการจัดการกับอารมณ์ของเขานั้นยากมากเพียงใด แต่การเห็นกานต์นอนหลับอย่างสงบทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสงบและความพึงพอใจในระดับหนึ่ง เขารู้ว่าตัวเขาเกือบจะสูญเสียการควบคุม แต่เขาก็พยายามเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เขายิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อยเมื่อมองดูร่างกายของกานต์ที่นอนอยู่ในสภาพที่สงบ ในที่สุดก็ทำให้เขาสามารถปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปได้ชั่วคราว
ป้าพิไลถือถาดอาหารเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ เธอวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียงด้วยความระมัดระวัง แล้วหันไปมองที่กานต์ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“อาหารมาแล้วค่ะคุณกานต์” ป้าพิไลพูดเสียงเบาๆ อย่างอ่อนโยน เพื่อไม่ให้กานต์สะดุ้งตื่น
“นายหัวออกไปทำงานแล้วนะคะ ท่านสั่งให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนคุณกานต์ในช่วงนี้ ห้ามให้ใครเข้าไปกวน คุณธนินบอกแล้วว่าต้องดูแลคุณกานต์ให้ดีๆ”
…………………………………………………………
กานต์นั่งพิงเก้าอี้ตรงระเบียง ปล่อยสายตาไล่ตามวิวทิวทัศน์ที่แผ่กว้างออกไปเบื้องหน้า เขาเห็นภูเขาสูงตระหง่านทอดยาวสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ดูเหมือนพรมผืนใหญ่ที่ธรรมชาติปูไว้อย่างบรรจง ท้องฟ้าสีครามสดใสกับเมฆขาวลอยละล่อง ทำให้ทิวเขาดูสงบงามและยิ่งใหญ่ในคราเดียวกัน
ใกล้ ๆ กันนั้น เป็นสวนดอกไม้ที่จัดอย่างงดงามตามสไตล์ของนายหัวธนิน ดอกไม้นานาพรรณเบ่งบานอวดสีสันสดใส ทั้งสีแดงของดอกกุหลาบ สีเหลืองสดของดอกดาวเรือง และสีม่วงอ่อนของดอกลาเวนเดอร์ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสวนดอกไม้พัดมากับสายลมเย็น ทำให้กานต์รู้สึกผ่อนคลายจากความวุ่นวายที่รุมเร้าในใจ
สวนนี้ถูกดูแลอย่างพิถีพิถัน ทุกตารางนิ้วแสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของ ทุกต้นไม้ ทุกดอกไม้ เติบโตอย่างอิสระแต่เป็นระเบียบ ภาพนี้ทำให้กานต์รู้สึกถึงความสงบและความปลอดภัย เป็นสถานที่ที่แตกต่างจากชีวิตวุ่นวายในเมืองใหญ่
"ที่นี่มันสงบจริง ๆ"
กานต์คิดในใจ ขณะสูดหายใจลึก ๆ รับความสดชื่นจากธรรมชาติรอบตัว เขาหลับตาลง พยายามปล่อยให้เสียงลมพัดผ่านใบไม้และเสียงนกร้องเบา ๆ ทำให้ความคิดที่รบกวนใจเขาจางหายไปชั่วครู่หนึ่ง
แต่ความคิดในหัวกลับไม่หยุดพัก สายตาเขาทอดยาวออกไปไกล เห็นวิวของปางไม้ที่แสนสงบเงียบ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาในช่วงที่ผ่านมา
ความทรงจำเก่า ๆ ไหลเวียนเข้ามาในหัว กานต์นึกถึงความวุ่นวายที่ตัวเองสร้างขึ้นในเมืองใหญ่ ปัญหาทางการงาน ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน และความกดดันที่ทับถมเขาไว้จนแทบหายใจไม่ออก มันเป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ทำให้เขาต้องหาทางหนี หนีจากความจริงที่เจ็บปวด หนีจากความผิดพลาดที่ตัวเองก่อ
แต่แม้จะมาอยู่ในที่ที่สงบเงียบอย่างปางไม้แห่งนี้ ความรู้สึกผิดและความกลัวก็ยังคงตามมาหลอกหลอนเขา กานต์พิงหลังกับเก้าอี้และถอนหายใจยาว รู้สึกได้ถึงความสบายใจเพียงชั่วขณะหนึ่งที่ถูกแทนที่ด้วยความคิดถึงสิ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ
"ทำไมถึงหนีมาถึงที่นี่นะ..."
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางหลับตาลง หวังว่าลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านจะช่วยพัดพาความคิดฟุ้งซ่านนี้ไปสักที
"ออกไปตากลมอะไรตรงนั้น!"
เสียงดุเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้กานต์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที เขาหันไปมองและเห็นธนินยืนอยู่ที่ประตูระเบียง สีหน้าของเขาดูเข้มงวด และสายตาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความกังวล
"ผมแค่ออกมาสูดอากาศนิดหน่อยครับ"
กานต์ตอบเสียงแผ่ว รู้สึกใจเต้นแรงเพราะเสียงดุนั้น แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกไม่ให้แสดงออกมากนัก
ธนินเดินเข้ามาใกล้ มองกานต์ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใย
"ร่างกายยังไม่หายดี อย่าเพิ่งออกมาเจอลมเจอแดด เดี๋ยวไข้จะกลับมาอีก"
เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับต้นแขนของกานต์เบา ๆ
กานต์มองธนินด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขารู้ว่าธนินพูดถูก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวกับความใกล้ชิดนี้
"ผมขอโทษครับ จะเข้าไปเดี๋ยวนี้"
กานต์พูดเบา ๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
ไม่ทันที่กานต์จะได้ขยับตัวหรือพูดอะไรต่อ ธนินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาตวัดแขนอุ้มกานต์ขึ้นมาแนบอกทันที การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและมั่นคงนั้นทำให้กานต์ตกใจ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของธนินที่แนบชิดกับตัวเขาอีกครั้ง
“อีกแล้ว...” กานต์พึมพำกับตัวเอง ใจเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันอาจจะหลุดออกมาจากอก เขารู้สึกเหมือนถูกดูแลแต่ก็ถูกควบคุมในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กานต์ต้องพยายามรักษาสมดุลในใจเอาไว้ไม่ให้เตลิดไปไกล
ธนินมองหน้ากานต์ที่ดูตกใจเล็กน้อย เขายิ้มบาง ๆ แต่ไม่พูดอะไร มือใหญ่ของเขากระชับร่างบางนั้นแน่นขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะพาเดินกลับเข้าห้องอย่างมั่นคง ความเงียบในห้องถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวใจที่เต้นถี่ของกานต์ที่รู้สึกถึงการดูแลอย่างลึกซึ้งของธนิน