6

1335 Words
สาวตัวสูงผมสั้นที่นั่งรอฟังพระสวดอยู่แต่สายตามองออกไปนอกศาลาพูดขึ้น “เธอดูนั่นสิ ยัยผู้ช่วยเลขาฯ เอาหน้าชะมัด เสนอหน้าไปช่วยท่านประธานอุ้มเด็กคงเพราะขี้เกียจช่วยเสิร์ฟน้ำแหละฉันดูออก แล้วดูนั่นสิ ไปยืนคุยกับคุณวริศ สงสัยยัยผู้ช่วยเลขาฯ กำลังอ่อยคุณวริศด้วยอีกคน” สาวผิวสองสีผมหยิกพูดบ้าง “ดูคุณวริศสิ มองยัยขิงตานี่วิบวับๆ” คนตัวผอมบางผมยาวมองไปยังขวัญดาวที่กำลังยืนคุยกับวริศ แล้วพูดเสริม “นั่นสิ สงสัยอยากทำคะแนนกับคุณเต แล้วก็อยากให้ผู้ชายในบริษัทเห็นว่าหล่อนเป็นคนรักเด็ก เห็นหน้าใสๆ ที่แท้นางแผนสูงเนอะ” สาวอวบที่สุดมองแรงไปทางลานจอดรถยนต์ “อย่างยัยขิงไม่ได้แอ้มคุณเตหรอกเชื่อเจ๊สิ ท่านประธานของเราน่ะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย โปรไฟล์เลิศขนาดนั้นจะมองยัยขิงเหรอ เรื่องท่านประธานกับเลขาฯ มันมีแค่ในนิยายพาฝัน แนวบอสๆ ประธานๆ อะไรทั้งหลายที่พวกเธอชอบเข้าเว็บอ่านกันตอนพักเที่ยงแค่นั้นแหละ เรื่องจริงผู้ชายรวยๆ ฉลาดๆ เขาเลือกเมียที่โปรไฟล์ดีมีชาติตระกูล เชิดหน้าชูตา และคอยซัปพอร์ตกันได้ทั้งนั้นแหละย่ะ ถ้าผู้หญิงไม่รวยก็ต้องดัง เหมือนแม่พวกดารากับไฮโซหนุ่มทั้งหลายไง” ดวงตาสีเข้มชำเลืองมองไปยังลานจอดรถในร่มด้านหน้าศาลา เขาควรแสดงตัวให้พวกขาเมาท์รู้ตัวสักทีว่าเขายืนฟังพวกเธอเมาท์กันอยู่นานแล้ว เสียงเข้มดังขึ้น “พวกคุณนอกจากเป็นพนักงานออฟฟิศแล้ว หลังเลิกงานรับดูดวงด้วยหรือเปล่า ถึงได้เดาเก่งจัง” พอสาวกลุ่มใหญ่หันกลับไปมองตามเสียงก็เห็นคนที่ยืนกอดอกจับตามองดูพวกหล่อนอย่างพิจารณา “ท่านประธาน/คุณเต” สาวช่างเมาท์เงียบเสียง หน้าม่อยกันทุกคน ที่จริงเขาจะทักพวกหล่อนเพราะอยากถามอะไรหน่อย แต่ตอนนี้ไม่ต้องถามแล้ว สองขาจึงก้าวผ่านกลุ่มสาวช่างเมาท์ไปพร้อมกับจำชื่อชื่อหนึ่งไว้ในหัว ‘นายวริศ นายวริศ นายวริศ’ เตชัสตรงไปหาหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าเป็นเป้าให้ขาเมาท์สาดน้ำลายใส่กันสนุกปาก จริงแบบที่พวกเธอว่า เรื่องประธานกับเลขานุการมันน่าเบื่อซ้ำซาก ท่านประธานโปรไฟล์เลิศอย่างเขา จะเหมาะสมกับผู้ช่วยเลขานุการต๊อกต๋อยได้ยังไง ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ “ขอบใจนะที่ช่วยดูแลปลาวาฬให้” น้ำเสียงที่เริ่มคุ้นชินทำให้ร่างบางที่กำลังอุ้มเด็กน้อยออกมารอคนไปซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้หันกลับมามอง “ท่านประธาน” ร่างสูงตรงเข้ามาประชิดขวัญดาว ยื่นสองแขนกำยำเข้าไปจะช่วยอุ้มเจ้าปลาวาฬตัวใหญ่ที่หญิงสาวรับเป็นธุระให้พักหนึ่งแล้ว แต่สำหรับขวัญดาวเหมือนถูกเขากอดไว้หลวมๆ ไปด้วย “เสร็จธุระแล้วหรือคะ ถ้ายังไม่เสร็จธุระ ฝากน้องปลาวาฬไว้กับฉันก่อนก็ได้ค่ะ อีกอย่างฉันให้คนไปซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปมาให้แล้ว ตั้งใจจะเปลี่ยนให้แกก่อน” “งั้นไม่ต้องรบกวนคุณวริศเขาแล้ว คุณช่วยโทรบอกเขาทีว่าไม่ต้องไปซื้อแล้ว เพราะลียาเอาตะกร้าของใช้เด็กมาให้แล้ว ผมให้นายชัยเอาไปเก็บในรถ แต่จะมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กตรงนี้คงไม่สะดวก ผมจะให้นายชัยขับรถพาคุณไปเพนต์เฮาส์ของผม อยู่ห่างจากที่นี่ไปแค่สิบนาที ที่นั่นคุณจะเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำ หรือจะช่วยชงนม ป้อนข้าวให้ลูกชายผมได้สะดวก” “อะไรนะคะท่านประธาน” เธอแค่ถูกเอมอรขอให้ไปช่วยรับเด็กมาดูแล ไม่ใช่พี่เลี้ยงของเจ้าหนูนี่สักหน่อย ทำไมต้องไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กถึงเพนต์เฮาส์ของท่านประธานด้วย “อ้าว งง งานของผู้ช่วยเลขาฯ มีอะไรบ้าง” เตชัสซัดคำถามใส่ “ก็เป็นแขนเป็นขาให้เลขาฯ หลัก สนับสนุนช่วยเลขาฯ หลักทำงานทั้งด้านเอกสารและงานอื่นๆ” “ถูกต้อง รู้ไหม ถ้าเอมอรเขาว่างเหมือนคุณตอนนี้ ไม่ต้องช่วยผมรับแขกและจัดการโน่นนี่จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจะต้องช่วยผมดูแลน้องปลาวาฬอย่างดีที่สุด คุณดูสิ นี่งานศพน้องชายคนเดียวของผม ผมจะยุ่งแค่ไหน คุณจะใจร้ายให้ผมอุ้มเด็กเดินไปรับแขกทั่วงานเหรอ ไม่สงสารเจ้านาย ก็น่าจะสงสารเด็กนะ” “แอ้ แอ้” เสียงใสๆ ดังขึ้นราวกับสนับสนุนคำพูดของเตชัส เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหนูตัวกลมยังเอานิ้วโป้งใส่ปากดูดจ๊วบๆ เตชัสมองเจ้าปลาวาฬตัวใหญ่ กลัวมือหลานไม่สะอาดเลยค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือน้อยๆ ไม่ให้เอานิ้วโป้งเข้าปาก “น้องปลาวาฬหิวแน่ๆ เลย” เจ้าหนูแหงนคอมองหน้าเตชัส จากนั้นก็เอียงคอไปมองขวัญดาวด้วยดวงตาใสซื่อเหมือนขอความเห็นใจ แล้วบอกเป็นนัยว่า ‘หิว’ ขวัญดาวอึกอัก พูดไม่ออก มองทารกตัวเบิ้ม หน้าตาน่าเอ็นดูสุดๆ ที่เวลานี้เปลี่ยนจากยกนิ้วไปดูดเป็นเอากำปั้นเข้าปาก เพียงแต่กำปั้นนั้นใหญ่เกินกว่าจะเข้าไปในปากเล็กๆ สีแดงระเรื่อได้ ชอตนี้เตชัสถูกใจแกมสงสารเจ้าปลาวาฬยักษ์สุดๆ แบบนี้มันค่อยน่าเลี้ยงหน่อย เขาเอามือไปจับกำปั้นเอาไว้ “น่าสงสารจริงๆ คนเลี้ยงก็หาไม่ทัน หนูหิวแย่เลยเนอะ เอาไงดี ฉันก็ชงนมไม่เป็น เดี๋ยวให้นายชัยไปขอนมกล่องที่หลวงตามาใส่ขวดให้กินรองท้องไปก่อนละกัน” เขาก็พูดไปอย่างนั้น ใครจะใจดำกับเจ้าปลาวาฬยักษ์ตัวใหญ่ได้ลงคอ แค่รอดูว่าคนบางคนจะใจดีเหมือนที่เขาคิดหรือเปล่า คนเลี้ยงเด็กมาก่อนรีบปรามทันทีเพราะรู้ว่าผิด “เด็กทารกกินนมกล่องแบบนั้นได้ที่ไหนกันคะ” ขวัญดาวเห็นอาการดูดจ๊วบๆ ไปทั่วกำปั้นของทารกจ้ำม่ำแล้วถอนใจพรืดยาว ใจอ่อนยวบทนไม่ไหว “ก็ได้ค่ะ ฉันจะรับดูแลน้องปลาวาฬให้ จนกว่าคุณจะเสร็จธุระที่วัด” ขวัญดาวตอบกลับแล้วมองหน้าเขาแวบหนึ่ง เธอเห็นสายตาเขาวาวขึ้นพร้อมคลี่ยิ้มอย่างเผลอไผล ก่อนจะเลือนหายเป็นปกติ “ขอบคุณมากนะขิง ที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขาฯ ได้อย่างยอดเยี่ยม” จากนั้นเขาก็โทรเรียกให้นายชัยมาพาขวัญดาวและเจ้าปลาวาฬไปพักที่เพนต์เฮาส์ “พาคุณขิงกับลูกชายฉันกลับไปที่เพนต์เฮาส์” รอยยิ้มหล่อแกมเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า หลังจากเขาส่งขวัญดาวและเจ้าปลาวาฬขึ้นรถ ไม่วายยื่นหน้าเข้าไปในรถเพื่อบอกเจ้าปลาวาฬที่ได้ยินมาว่ากินนมเก่งมาก “ปลาวาฬ อย่าดื้อกับพี่ขิงเขานะครับ เดี๋ยวพี่ขิงเขาไม่เลี้ยงนะ” ใบหน้าที่ยื่นเข้าไปคุยกับหลานอยู่ห่างจากหน้าขวัญดาวแค่คืบ ทำเอาหญิงสาวนั่งตัวเกร็ง ด้วยเกรงว่าหากขยับเพียงนิดหน้าอกของเธอจะชนกับใบหน้าของเขาได้ เรียกว่าแทบจะกลั้นหายใจไปเลยทีเดียว “แอ้ แอ้” เจ้าวาฬยักษ์แต้มบุญดีสมชื่อที่พ่อตายแต่ได้ลุงแท้ๆ ยืนกรานหนักแน่นว่าต่อไปนี้จะรับไว้ดูแลเอง ส่งเสียงอย่างรู้งาน ราวกับจะบอกว่าโอเค ก็ได้ๆ กินดี อยู่ดี มีพี่เลี้ยงสวยๆ แบบพี่ขิง ปลาวาฬจะนอนกินนมนิ่งๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD