สามปีก่อนหน้านี้
หวานหรือพริณตาซึ่งมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้นแต่ต้องถูกแม่เลี้ยงใจร้ายพามาตรวจพรหมจรรย์เพียงเพราะพรรณีต้องการพาเธอไปขายให้เสี่ยชัด ไอ้เสี่ยบ้ากาม มันต้องการเพียงเด็กสาววัยขบเผาะเท่านั้น พริณตาหวาดกลัวอย่างมากเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของมันมาอย่างดีว่าโรคจิตแค่ไหน
“ฉันอยากได้ใบรับรองว่ามันยังบริสุทธิ์อยู่ค่ะ” พรรณีบอกคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องตรวจ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนพูดและเด็กสาวอีกคนที่นั่งก้มหน้างุด
“มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล เจ้าตัวเขายอมไหมครับ” พฤกษ์คุณหมอหนุ่มวัยสามสิบสองพูดขึ้นอย่างสุภาพ
“มันเป็นลูกฉัน มันก็ต้องยอมสิ แกยอมใช่ไหมอีหวาน” แม่เลี้ยงใจร้ายหันไปทำเสียงดุกับเด็กสาวข้างกาย
“ค่ะ ค่ะ” เธอรีบตอบ ในหัวกำลังคิดหาทางว่าจะหนีจากแม่เลี้ยงใจร้ายและไอ้เสี่ยบ้ากามนั้นได้อย่างไร
“งั้นเชิญญาติคนไข้ไปรอข้างนอกก่อนนะครับ” คุณหมอหนุ่มผายมือให้นางพรรณีออกไปนอกห้องตรวจ
“เออ ฉันขอคุยกับคุณหมอตามลำพังได้ไหมคะ” พริณตาพูดขึ้นเพราะเธออยากเจรจากับคุณหมอหนุ่มตรงหน้า เวลานี้คงไม่มีใครช่วยเธอได้อีกนอกจากเขาเท่านั้น พยาบาลผู้ช่วยสาวไม่แน่ใจหันไปมองหน้าคุณหมอหนุ่ม
“ตามเข้ามาข้างใน” คุณหมอหนุ่มพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องตรวจ เมื่อเธอเห็นเตียงขาหยั่งแล้วพริณตาก็เสียวสันหลังวาบ
“มันไม่ใช่แม่หนู” พริณตาพูดขึ้นเสียงเครือ
“แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน” พฤกษ์ถามขึ้น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยากรับรู้เรื่องของเธอด้วยในเมื่อไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเขา
“มันจะเอาหนูไปขายให้เสี่ยชัด ไอ้เสี่ยบ้านั่นมันอยากได้ผู้หญิงบริสุทธิ์”
พฤกษ์อยากจะหัวเราะกับความคิดแสนโบราณที่ให้ค่ากับผู้หญิงเพียงเพราะเยื่อบาง ๆ นั่น
“คุณหมอช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ” พริณตานั่งลงกับพื้นไหว้เขาอย่างวิงวอน เธอไม่เหลือใครแล้วถ้าต้องไปเป็นเมียของเสี่ยชัดเธอยอมตายเสียดีกว่า
“ช่วยยังไง” คุณหมอหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างใจเย็น อยากรู้เหลือเกินว่ากระต่ายน้อยผู้ตื่นกลัวคนนี้อยากจะให้เขาช่วยอะไรบ้าง
“ช่วยบอกว่าหนูไม่บริสุทธิ์และมีโรคติดต่อร้ายแรงได้ไหมคะ” พริณตารีบบอกความต้องการของเธอออกไปให้เขาทราบ
“เธอกำลังหาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันรู้ไหม นั่นมันคือการผิดจรรยาบรรณของแพทย์เลยนะ” คุณหมอหนุ่มยังพูดอย่างใจเย็น
“ช่วยหนูสักครั้งนะคะหมอ หนูยินดีรับใช้หมอไปจนตายเลยค่ะ” พริณตาเสนอตัวเองรับใช้เขาไปจนตายไม่ว่าเขาจะให้เธอทำงานบ้านหรืองานอะไร
“เธอทำอะไรได้บ้าง” ชายหนุ่มมองหน้าเด็กสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ให้ตายสิ เขาสบถในใจ ปกติเขาไม่มีอารมณ์กับคนไข้ แต่ทำไมกับเธอเขามีอารมณ์
“ทำได้ทุกอย่างถ้าหมอให้หนูทำ” ถึงเด็กสาวจะไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามา แต่เธอก็ไม่ไร้เดียงสาจนมองไม่ออกว่าตอนนี้คุณหมอหนุ่มรู้สึกอย่างไร
“คุณพยาบาล ไปเรียกแม่คนไข้มาหน่อย”
“ค่ะ” เสียงพยาบาลข้างนอกห้องขานรับ
“มีอะไรคะ คุณหมอ” นางพรรณีเดินเข้ามาในห้อง เอ่ยคำถามด้วยสีหน้าฉงน พริณตานั่งก้มหน้าอยู่ตรงพื้น สภาพเสื้อของชายหนุ่มหลุดออกจากกางเกงและยับยู่ยี่
“คุณค้าประเวณีเหรอถึงให้เด็กนี่มาเสนอขายให้ผม” คุณหมอหนุ่มตะคอกเสียงดังอย่างโมโห
“อะไรนะคะ” แววตานางพรรณีงวยงงไม่ต่างกับพยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ก็เด็กนี่มาเสนอขายให้ผม แค่นี้ก็คงไม่ต้องตรวจแล้วเยื่อพรหมจรรย์อะไรนั่น”
“อีหวานมึงขายเหรอ อีกะหรี่ไม่ต่างจากแม่ของมึงเลย หมอฉันไม่รู้เรื่องนะ” นางพรรณีรีบโวยวายอยากจะเข้าไปกระชากผมนังลูกเลี้ยงไม่รักดี แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โตกว่านี้
“ผมจะแจ้งความทั้งคุณทั้งเด็กนี่อย่าหวังว่าจะรอด” คุณหมอหนุ่มยังคงไม่ลดน้ำเสียงเขาโมโหจนนางพรรณีกลัว
“ฉันไม่รู้เรื่องนะคะ อีหวานมันขายเองไม่เกี่ยวกับฉัน ถ้าคุณจะจับก็จับมันเลย ฉันไม่ได้เป็นแม่มัน” นางพรรณีละล่ำละลักบอกอย่างลนลาน
“อีหวาน อีกะหรี่ มึงไม่ต้องกลับมาบ้านกูเลยนะ” นางพรรณีหันไปด่าพริณตาพร้อมทั้งรีบออกจากห้องไป เรื่องอะไรที่เธอต้องไปยุ่งเกี่ยว ลูกก็ไม่ใช่เป็นแค่ลูกติดผัว
เมื่อนางพรรณีออกไปจากห้อง คุณหมอหนุ่มก็สั่งพยาบาลผู้ช่วยให้กลับบ้านได้เลย เขาเดินออกจากห้องตรวจจัดการล็อกประตูและกลับมาพูดกับเด็กสาว
“ตามขึ้นมาถ้าอยากจะตอบแทน” คุณหมอหนุ่มพูดขึ้น พร้อมเดินออกจากห้อง
เธอเดินตามเขาขึ้นไปชั้นบน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องนอนพักเวลาเขาไม่ได้กลับบ้าน เพราะไม่มีอุปกรณ์อะไรมากนัก มีแค่เตียงนอนเท่านั้น เขาตบมือลงตรงที่นอนส่งสัญญาณให้เธอนั่งตรงข้างนั้น พริณตาเดินเข้าไปนั่งแต่ไม่ได้ใกล้เขามากนัก เพราะเธอก็กลัวเขาจะจับเธอส่งตำรวจเหมือนที่เขาขู่แม่เลี้ยงของเธอ